วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

มองทุกข์ให้เห็น จึงเป็นสุข

  • พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้ว่าในโลกนี้ไม่มีความสุข มันมีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น พระพุทธศาสนาสอนเรื่องทุกข์เป็นเรื่องที่ดับได้และสอนวิธีดับทุกข์ อันนี้เป็นสัจจะ เป็นความจริงที่มีอยู่ในโลก
  • เราไม่ต้องการให้มันแก่มันก็แก่ ไม่ให้หายมันก็หาย อยากให้อยู่อย่างนั้น อยู่ๆ มันก็เสียไป แตกไป หายไป นี่เกิดความทุกข์เพราะเราไปคิดว่าสิ่งนั้นเป็นของเรา เกิดตัวกูของกูขึ้น เดิมมันก็เป็นทุกข์อยู่ตามสภาพอย่างหนึ่งแล้ว ไปยึดถือเข้าอีก เป็นทุกข์ซ้อนทุกข์
  • ผู้ไม่รู้ ไม่เข้าใจหลักแห่งความจริง เวลาพลัดพรากจากของรัก มองไปที่ที่มันเคยมี มันไม่มี ก็ทุกข์ เพราะไม่รู้ว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น ธรรมดามันเป็นอย่างนั้น "ความไม่มี" มันเป็นของเดิม "ความมี" มันมาทีหลัง เราไม่ได้นึกว่าความไม่มีมันของเดิม แต่ไปนึกถึงความมีอยู่ตลอดเวลา ควรเขียนติดไว้ที่สิ่งของบ้างก็ได้ "วันนี้เจ้าอยู่กับฉัน พรุ่งนี้มันไม่แน่" วันไหนมันหายไป ก็พูดว่า กูว่าแล้ว ว่ามันจะหายสักวันหนึ่ง เตรียมตัวต้อนรับสถานการณ์ ว่ามันจะต้องหายสักวันหนึ่ง จะได้สบายใจ
  • ความทุกข์เป็นเหมือนน้ำร้อน เราคิดใ้ห้มันเป็นทุกข์ก็เหมือนเอาน้ำร้อนมาราดตัว เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ให้พยายามคิดว่า "ดีแล้ว" "พอแล้ว" หรือ "เท่านี้ก็ดีถมไปแล้ว" อย่างนี้ก็สบายใจ ไม่ใช่พอได้ก็ดีใจเกิดใจฟูขึ้น พอไม่ได้ก็แฟบลงไป ควรทำความพอใจในสิ่งที่มันเกิดขึ้น นึกว่า "ธรรมดา...มันเป็นเช่นนั้นเอง" ตถตา แปลว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง เมื่อรู้เท่าทันก็รู้จักวาง พักผ่อนทางใจ
--ปัญญานันทภิกขุ (ความสุขนิรันดร์)