วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Spiral marketing

"การแบ่งกลุ่ม หรือ segmentation ถ้าเป็นรูปแบบเดิมๆก็จะแบ่งตามกายภาพที่เห็นโดยคิดว่าความคิดแต่ละคนจะเหมือนๆกับไปตามรายได้ เพศ อายุ และอื่นๆ แต่ว่า แนวคิดที่ผมได้ใหม่ๆจากข้อมูลที่ให้คิดใหม่นี้ก็คือ การที่แบ่งแบบนั้นแท้ที่จริงแล้ว มันก็คือ การแบ่งตามทัศนคติ ดีๆนี่เองไม่ได้หนีไปไหนแต่ว่าเป็นการอธิบายที่ชัดแจ้งตรงประเด็นกว่า การที่เราจะ assume มาว่าคนที่อายุเท่านี้เพศนี้แบบนี้จะต้องมีทัศนคติแบบนั้นแบบนี้ เพราะมันผ่านการสมมุติมาแล้วอีกครั้งซึ่งแน่นอนว่าการสมมุตินี้อาจจะไม่ได้เป็นจริงก็ได้ครับ ประเด็นนี้มีการยกตัวอย่างคนที่ซื้อ brand รถเบนซ์ว่า คนที่จะซื้อของเหล่านั้นก็คือ คนที่ต้องการภาพลักษณ์ของความสำเร็จ หรือ ภาพลักษณ์อื่นๆอันผูกเนื่องกับ brand นั้นๆ เรียกคนเหล่านี้รวมๆได้ว่าเป็นพวก “image concious” หรือคิดถึงภาพลักษณ์(ตน ไม่ใช่คนอื่น) เป็นสำคัญ อย่างนี้ก็จะเห็นได้ว่า หากว่าเรา scope ได้ว่า คนที่จะเป็นลูกค้าหรือว่าจะทำสินค้าอะไรออกไปแล้ว กลุ่มคนแบบไหน ที่มีทัศนคติแบบใด ถึงจะเป็นลูกค้าของเราได้ หรือว่าน่าจะเป็นลูกค้าของเรา หรือในทางกลับกันก็คือถ้าหากว่าเรารู้อยู่แล้วว่าลูกค้าของเรามีทัศนคติแบบใด เราก็ออกแบบ product นั้นๆให้สอดคล้องกับสิ่งที่ทัศนคตินั้นสะท้อนออกมาได้

สำหรับภาวะที่แย่ๆอย่างนี้ก็จะต้องตัดงบประมาณ หรือว่าตัดกิจกรรมอะไรบางอย่างออกไป ที่เป็นต้นทุนหรือ costing สำหรับองค์กร(เล็กหรือใหญ่ก็ตามที) costing ที่ทำได้ง่ายที่สุด ก็จะคิดเหมือนกะคนทั่วๆไปคิดก็คือ “การตัดงบประมาณเพื่อการส่งเสริมการขาย การตัดราคาเพื่อแข่งกันในตลาดแดงเดือด และการตัดคนออกเป็นเสี่ยง ให้เหลือน้อยลงไป” หากว่ามองเป็น Brand แล้วเหมือนทางวิทยากรจะแนะนำว่า อย่ากระทำ (แล้วก็บอกอีกว่ามันเป็นสิ่งแรกๆที่คนปกติจะทำ) แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้มองอย่างงั้นเสียทั้งหมด เพราะ มันเป็นโอกาสที่จะต้องกลับมาพิจารณาให้ถี่ถ้วนมากกว่าต้นทนเหล่านั้นมันทำให้เกิดประโยชน์ที่มากขึ้นหากว่าลงทุนเท่าเดิมหรือไม่ หรือว่าการที่เราลงทุนไปแล้วมันก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์หากว่าเรายังลงกับมันอยู่ครับ มีการกล่าวอ้างเรื่อง share of voice สำหรับเรื่องงบประมาณโฆษณา ผมก็คิดว่ามันอาจจะเป็นอย่างงั้นก็ได้ก็คือ หากว่าลงทุนเท่าเดิมโดยคนอื่นลง ads น้อยลง แปลว่า เราจะได้ share เพื่อการประกาศให้โลกรู้ที่สัดส่วนมากกว่าเดิม

Spiral Marketing คือการประกาศบอกต่อ ผ่านสื่อออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ เช่น blog ,podcast (คุยเอา) , youtube (โชว์ clipเอา) , email (แล้วแต่ว่าจะส่ง link ไปไหน) ,twitter (text เอา) ทั้งหมดนี้เป็นการบอกต่อกันระหว่าง user ใดๆด้วยกัน โดยรวมทั้งหมดเรียกว่า “CGM” ( consumer generated media) เรื่องที่โม้โดย user ทั้งที่ใช้จริงและไม่ได้ใช้จริงครับ เป็นเรื่องของการประกาศให้โลกรู้ผ่านคนอื่น(ที่ใช้งาน)บอกต่อๆกัน สิ่งเหล่านั้นผมว่าจะเกิดขึ้นได้ถ้าหากว่า 
- สินค้ามันดีจริงๆ แน่นอนว่าถ้ามันดีมากจริงๆ คนที่ใช้ก็บอกตัวอยู่แล้ว และมันต้องดีระดับที่ว่ามันสนองเสนอ needคนใช้ได้มากขนาดที่ว่าเค้าอยากจะพิมพ์ email บอกคนอื่นหรือว่าอยากจะเอามาเล่าเป็น blog content ไว้ หรืออยากจะอัด video ทำเป็น clip review เอาไว้ก็ได้เหมือนกัน 
- มันมีเรื่องให้คุยเกี่ยวกับ product นั้นจริงๆ นอกจากที่มันจะดีจริงแล้ว มันก็ต้องมีเรื่องราวที่ เล่าสู่กันฟัง ได้ด้วยเพราะว่าดีแล้วไม่รู้ว่าจะเล่าอะไรยังไงหรือว่าเค้าคิดว่าเล่าไปคนอืน่ก็ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะทำไปทำไมอยู่ดีน่ะคับ 
- สินค้ามันสร้าง ego เพื่อให้บอกได้จริงๆ ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง(มีคนบอกมาด้วยเหมือนกันครับไม่ได้คิดเองหรอก) ว่า การบอกต่อเพราะต้องการแสดงความมีตัวตนหรือยอมรับจากคนฟังข่าวสาร ต้องการจะบอกว่าเรารู้แล้วเราใช้แล้ว เราอยากจะ “แสดง” ให้เพื่อนคนอื่นเห็นว่ามันดีหรือว่ามันแย่ยังไง เพราะลองคิดดูนะครับถ้าหากว่า คนที่คิดว่า อืม .. ผมไม่อยากมีตัวตนอะไรหรอก ผมไม่มี ego อะไรเลยแม้แต่นิด เราอยากจะบอกอะไรคนอื่นเหรอป่าวเนี่ยะ
จึงเกิดธุรกิจแบบใหม่ๆออกมาครับ ก็คือธุรกิจรับจ้างบอกต่อ ผมเห็นจากพวก blogger ทั้งหลายแหล่ที่พยายามทำตัวเป็น reviewer สินค้าหรือว่า product ประเภทใดๆเพื่อสร้างอิทธิพล (อันเป็นมูลค่า) ให้กับตนเอง 

--http://rackmanager.blogspot.com/2009/02/spiral-marketing-1-1-ksme.html

A marketing campaign often designed (although not necessarily) as a larger game, challenge, or treasure hunt. Begins life focused at a small, tight core group and spirals its way out in a predictable and controllable fashion into the mainstream consciousness. The eventual goal is to create as much user-generated excitement and subsequent media interest as possible, while only spending marketing dollars on the product itself. First coined by Frank O'Connor of Bungie.
Wow, that spiral marketing campaign was innovative and ground-breaking!

--http://www.urbandictionary.com

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Responsive web design (RWD)

is a web design approach aimed at crafting sites to provide an optimal viewing experience—easy reading and navigation with a minimum of resizing, panning, and scrolling—across a wide range of devices (from mobile phones to desktop computer monitors).
A site designed with RWD adapts the layout to the viewing environment by using fluid, proportion-based grids, flexible images, and CSS3 media queries, an extension of the @media rule.
  • The fluid grid concept calls for page element sizing to be in relative units like percentages, rather than absolute units like pixels or points.
  • Flexible images are also sized in relative units, so as to prevent them from displaying outside their containing element.
  • Media queries allow the page to use different CSS style rules based on characteristics of the device the site is being displayed on, most commonly the width of the browser.
  • Server-side components (RESS) in conjunction with client-side ones such as media queries can produce faster-loading sites for access over cellular networks and also deliver richer functionality/usability avoiding some of the pitfalls of device-side-only solutions.

--http://en.wikipedia.org/wiki/Responsive_web_design

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

แนวคิดหลักทางการตลาดและเครื่องมือทางการตลาด

        หลังจากที่ได้ทราบความหมายของการตลาดและการจัดการตลาดแล้ว   สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจต่อไปคือ
ในการบริหารการตลาดนั้นมีการใช้แนวคิดหลักและเครื่องมือการตลาดอย่างไรแนวคิดหลักทางการตลาดที่ใช้
ในการบริหารการตลาด   โดยทั่ว ๆ ไป ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่   ส่วนแรก   คือ  การแบ่งส่วนตลาดและเลือก
ตลาด     เป้าหมาย    ส่วนที่สอง   คือ   เครื่องมือทางการตลาดที่เรียกว่าส่วนประสมการตลาด

          หลังจากที่ได้ทราบความหมายของการตลาดและการจัดการตลาดแล้ว   สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจต่อไปคือ
ในการบริหารการตลาดนั้นมีการใช้แนวคิดหลักและเครื่องมือการตลาดอย่างไรแนวคิดหลักทางการตลาดที่ใช้
ในการบริหารการตลาด   โดยทั่ว ๆ ไป ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่   ส่วนแรก   คือ  การแบ่งส่วนตลาดและเลือก
ตลาด     เป้าหมาย    ส่วนที่สอง   คือ   เครื่องมือทางการตลาดที่เรียกว่าส่วนประสมการตลาด


การแบ่งส่วนตลาดและเลือกตลาดเป้าหมาย (Segmentation and Target Markets)

          นักการตลาดไม่สามารถผลิตสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความพอใจผู้บริโภคทุกคนได้        เนื่องจากผู้
บริโภคแต่ละคนมีความนิยม   และความชอบโดยส่วนตัวแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตาม    ดังนั้นนัก
การตลาดต้องมีการวิเคราะห์ผู้บริโภค    โดยเริ่มต้นตั้งแต่การแบ่งส่วนตลาดด้วยการจำแนกผู้บริโภคออกเป็น
กลุ่ม ๆ แล้วเขียนโครงร่าง (Profile) ของแต่ละกลุ่มซึ่งมีความแตกต่างอย่างชัดเจน    การแบ่งส่วนตลาดอาจใช้
ตัวแปรต่าง ๆ เป็นตัวกำหนด ได้แก่  ตัวแปรด้านประชากร  จิตวิทยา   และพฤติกรรมการซื้อและการใช้สินค้าที่
แตกต่างกัน  หลังจากนั้นจะประเมินว่าส่วนตลาดใดที่มีศักยภาพและมีโอกาสทางตลาดที่องค์กรสามารถตอบ
สนองความต้องการได้ซึ่งจะกลายเป็นตลาดเป้าหมาย (Target Markets) ต่อไปในตลาดเป้าหมายแต่ละตลาด 
 องค์กรการตลาดจะพัฒนาและเสนอสินค้า/บริการโดยกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของสินค้า/บริการ นั้นให้อยู่
ในใจและการรับรู้ของตลาดเป้าหมาย   ตัวอย่างเช่นรถยนต์เมอร์ซิเดส   เบนซ์     กำหนดตลาดเป้าหมายคือผู้มี
รายได้และสถานภาพทางเศรษฐกิจระดับสูง      ดังนั้นจึงมีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์เป็นรถระดับหรูหราบอก
ถึงสถานภาพ ขณะที่รถยนต์วอลโว่          ซึ่งเป็นรถระดับราคาสูงอีกยี่ห้อหนึ่งแต่ตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่วางไว้คือ  
 "เพื่อความปลอดภัย"   เป็นต้น   ในส่วนของเครื่องมือทางการตลาดนั้นนักการตลาดอาจมีการใช้เครื่องมือต่าง ๆ 
แตกต่างกัน    แต่เครื่องมือทางการตลาดที่ได้รับการยอมรับและนิยมใช้มากที่สุด   คือ     ส่วนประสมการตลาด 
(Marketing Mix)


ส่วนประสมการตลาด (Marketing Mix)

          คือ   ชุดของเครื่องมือทางการตลาด     ซึ่งองค์กรใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในตลาดเป้าหมายที่กำหนด
ไว้เครื่องมือชุดที่เรียกว่าส่วนประสมการตลาดนั้นเราอาจแยกเป็น  4 องค์ประกอบอย่างกว้าง ๆ คือผลิตภัณฑ์
(Product)       ราคา  (Price)       การจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า  (Place)         และการส่งเสริมการตลาด 
(Promotion)  ทั้งหมดนี้นักการตลาด เรียกสั้น ๆ ว่า  4Ps รายละเอียดของส่วนประสมการตลาดอาจพิจารณา
ได้จากผังภาพต่อไปนี้


         ในการกำหนดกลยุทธ์ส่วนประสมการตลาดนั้นต้องคำนึงตลอดเวลาว่าลูกค้าเป้าหมายคือใครกล่าวคือ

เป็นผู้บริโภคโดยตรงหรือกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้า     หรือคนกลางที่มีการนำสินค้าไปจำหน่ายต่อ     ทั้งนี้เพื่อ
จะได้กำหนดเครื่องมือส่วนประสมการตลาดได้ถูกต้อง    โดยปกติแล้วการตัดสินใจในเรื่องราคา       ค่าใช้จ่าย
โฆษณาการใช้พนักงานขายเป็นกลยุทธ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับการตัดสินใจในกลยุทธ์
การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือการบริหารคนกลางเพื่อจำหน่าย และกระจายสินค้าที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต้อง
ใช้เวลามากกว่าเนื่องจากพันธะต่าง ๆ  มักมีการกำหนดเป็นข้อผูกพันในระยะยาวอย่างไรก็ตามในการกำหนด
กลยุทธ์ส่วนประสมการตลาดนั้น  นักการตลาดควรกำหนดมาจากมุมมองหรือความต้องการของผู้ซื้อในตลาด
เป้าหมาย    ด้วยเกณฑ์ง่าย ๆตามที่นักวิชาการการตลาดบางท่านได้เสนอไว้ดังนี้

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ข้าศึกของพรหมวิหาร ๔

--วิสุทธิมรรค เล่ม ๒ ภาคสมาธิ ปริเฉทที่ ๙ พรหมวิหารนิเทศ หน้าที่ ๑๖๑ - ๑๖๕

ข้าศึกของเมตตา
ราคะ เป็นข้าศึกใกล้ของเมตตาพรหมวิหาร เพราะมีส่วนเข้ากันได้โดยมองในแง่ที่เป็นคุณด้วยกัน เหมือนศัตรูของบุรุษที่อยู่ใกล้ชิด ฉะนั้น ราคะนั้นย่อมได้ช่องโอกาสเกิดขึ้นเร็วมาก ดังนั้น ผู้ปฏิบัติต้องคอยช่วงชิงกันเมตตาจากราคะไว้ให้จงดี
พยาบาท เป็นข้าศึกไกลของเมตตาพรหมวิหาร เพราะมีส่วนเข้ากันไม่ได้โดยส่วนของตน เหมือนศัตรูของบุรุษซึ่งซุ่มอยู่ในที่รกชัฏแห่งภูเขา ฉะนั้น เพราะเหตุนั้นผู้ปฏิบัติจึงจำต้องเจริญเมตตาภาวนา โดยไม่ต้องเกรงกลัวแต่พยาบาทนั้น แต่ที่จักเจริญเมตตากรรมฐานด้วย จักทำพยาบาทโกรธเคืองด้วย ในขณะเดียวกัน ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะเป็นไปได้

ข้าศึกของกรุณา
โทมนัส ความเสียใจอันอาศัยกามคุณเป็นข้าศึกใกล้ของกรุณาพรหมวิหาร เพราะมีส่วนเข้ากันได้โดยมองในแง่วิบัติของสัตว์ทั้งหลายเหมือนกัน โทมนัสอาศัยกามคุณมาในบาลี มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก มีอาทิว่า : -
เมื่อบุคคลละห้อยใจถึงสิ่งที่ไม่ได้มาโดยสมหวัง คือ รูปที่เห็นด้วยตา อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าเจริญใจ น่ารื่นรมย์ ซึ่งอิงอาศัยตัณหาก็ดี เมื่อคิดทอดถอนใจในสิ่งที่เคยได้มาแล้วในก่อน ซึ่งล่วงเลยไปเสียแล้ว ดับสูญไปเสียแล้ว เปลี่ยนแปลงไปเสียแล้วก็ดี โทมนัสก็ย่อมเกิดขึ้นโทมนัสเห็นปานฉะนี้นั้นเรียกว่า โทมนัสอาศัยกามคุณ
วิหิงสา เป็นข้าศึกไกลของกรุณาพรหมวิหาร เพราะมีส่วนเข้ากันไม่ได้โดยส่วนของตน ด้วยเหตุฉะนี้ ผู้ปฏิบัติจึงจำต้องเจริญกรุณากรรมฐานโดยไม่ต้องเกรงกลัวแต่วิหิงสานั้น แต่ที่จักเจริญกรุณาด้วย จักเบียดเบียนสัตว์ด้วยมือเป็นต้นด้วยในขณะเดียวกัน มิใช่ฐานะที่จะพึงทำได้

ข้าศึกของมุทิตา
โสมนัส ความดีใจอาศัยกามคุณเป็นข้าศึกใกล้ของมุทิตาพรหมวิหาร เพราะมีส่วนเข้ากันได้ โดยมองในแง่สมบัติสมบูรณ์ของสัตว์ทั้งหลายเหมือนกัน โสมนัสอาศัยกามคุณมาในบาลีมัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก มีอาทิว่า : -
เมื่อบุคคลพิจารณารำพึงถึงสิ่งที่ได้มาโดยสมหวังคือรูปที่เห็นด้วยตา อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าเจริญใจน่ารื่นรมย์ ซึ่งอิงอาศัยตัณหาก็ดี หรือนึกรำพึงถึงสิ่งที่เคยได้มาแล้วในก่อน ซึ่งล่วงเลยไปแล้ว ดับสูญไปแล้ว เปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ดี โสมนัสย่อมเกิดขึ้น โสมนัสเห็นปานฉะนี้ นั้น เรียกว่า โสมนัสอาศัยกามคุณ
อรติ ความไม่ไยดี(หรือแม้แต่ริษยา)เป็นข้าศึกไกลของมุทิตาพรหมวิหาร เพราะมีส่วนเข้ากันไม่ได้โดยส่วนของตน ด้วยเหตุดังนี้ ผู้ปฏิบัติจึงจำต้องเจริญมุทิตากรรมฐานโดยไม่ต้องเกรงกลัวแต่อรตินั้น ก็แหละ จักยินดีด้วยจักเบื่อหน่ายในเสนาสนะอันสงัดหรือในกุศลธรรมอันยิ่งด้วยในขณะเดียวกัน ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะพึงทำได้

ข้าศึกของอุเบกขา
อัญญานุเบกขา ความเพิกเฉยเพราะความไม่รู้อาศัยกามคุณ เป็นข้าศึกใกล้ของ อุเบกขาพรหมวิหาร เพราะมีส่วนเข้ากันได้โดยไม่พิจารณาถึงโทษและคุณเหมือนกัน อัญญานุเบกขาอาศัยกามคุณ มาในบาลีมัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก มีอาทิว่า : -
เพราะเห็นรูปด้วยตา อุเบกขาความเพิกเฉยย่อมเกิดแก่ปุถุชน ผู้ยังเขลา ยังหลง ยังชนะกิเลสไม่ได้เป็นส่วน ๆ ยังไม่ชนะวิบากกรรม ยังมองไม่เห็นโทษ ศึกษายังไม่ถึงขีด ยังเป็นอันธปุถุชน อุเบกขาชนิดนี้นั้นยังไม่ล่วงพ้นกิเลสซึ่งมีรูปเป็นอารมณ์ ฉะนั้น อุเบกขานี้จึงเรียกว่า อุเบกขาอาศัยกามคุณ
ราคะ ความกำหนัด ปฏิฆะ ความขัดเคือง เป็นข้าศึกไกลของอุเบกขาพรหมวิหาร เพราะมีส่วนเข้ากันไม่ได้โดยส่วนของตน ด้วยเหตุดังนั้น ผู้ปฏิบัติจำต้องเพ่งเฉย โดยไม่ต้องเกรงกลัวแต่ราคะและปฏิฆะนั้น แต่ก็จักเพ่งเฉยด้วยจักกำหนัดหรือขัดเคืองกัน ในขณะเดียวกันด้วย ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะพึงทำได้

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

หนี้ vs ทุน

การกู้เงิน (หนี้) ต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้ เช่น 8% แต่นำไปลดภาษีนิติบุคคลได้ เช่น ลด 20% เหล่อต้องจ่ายดอกจริงๆ 6.4% แต่ข้อเสียคือต้องจ่ายดอกคงที่ ไม่ว่าจะมีกำไรหรือไม่

การระดมทุนด้วยการขายหุ้น ข้อดีคือไม่ต้องจ่ายปันผลหากไม่มีกำไร ข้อเสียคือปันผลที่จ่ายไปนำไปลดหย่อนภาษีไม่ได้

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

ข้อจำกัดของตน

เมื่อใดที่เรายอมรับในข้อจำกัดของตน เมื่อนั้นเราจะก้าวข้ามมันไปได้

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

สติสัมปชัญญะ

สติ แปลว่าความระลึกได้ เช่นนึกถึงอดีตอยู่แล้วกลับมาอยู่กับปัจจุบัน การเปลี่ยนจิตดวงเก่าเป็นดวงใหม่คือสติ ถ้าปัจจุบันเป็นอกุศลเช่นกำลังฆ่าสัตว์ก็เป็นมิจฉาสติ ถ้าไประลึกเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี ที่ไม่ใช่ปัจจุบัน เรียกว่า มิจฉาสติ
สัมปชัญญะ แปลว่าความรู้ตัวทั่วพร้อมหลังสติเกิดขึ้นแล้ว ช่วยดึงการระลึกให้มาอยู่กับปัจจุบันกลายเป็น สัมมาสติ

ปกติมักเรียกสองคำนี้รวมกันเป็นคำว่า สติ

วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557

พูดอะไรเมื่อไร

ข้อ 3 คือการตักเตือน
ข้อ 4 คือการยกยอปอปั้นเกินจริง
ข้อ 5 คือการนำเรื่องจริงของฝ่ายตรงข้ามมาเล่าให้อีกฝ่ายฟังแล้วเกิดความแตกแยก คือการส่อเสียด
ข้อ 6 คือการยกย่องคน ให้ทำในที่ประชุมเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่คนอื่น

บวชให้แม่ตอนยังอยู่กับหลังเสียไปแล้ว

แม่ได้รับบุญเท่ากัน และจะได้รับบุญมากขึ้นแม้เสียไปแล้วถ้าแม่อนุโมทนาบุญเป็น

กรรมที่ทำให้เกิดโรคฟัน

คำว่า คือ คำพูดที่เป็นหอกเป็นดาบ

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557

กำลังใจ

ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า 
แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง 
และคนฉลาดที่สุด 
ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง ..
.. ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า 
การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต
ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป 
ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน ..
.. คนที่ไม่เคยหิว 
ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม
ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว 
ย่อมหอมหวานกว่าเดิม ..
.. อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง 
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ 
เหตุผลขอคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคน 
อีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า 
ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร 
ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น 
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป 
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ 
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..
.. คนเรา 
ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง 
แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น 
ที่ได้ทำ ..
หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย 
หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า