วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หลักปกครอง

วัฒนธรรมตะวันตกลดอัตตาในตัวผู้ใหญ่ แต่ในสังคมเอเชียควรใช้วิถีพุทธคือผู้น้อยเคารพผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่จะเอ็นดูผู้น้อย ผู้ใหญ่ย่อมเมตตาต่อผู้น้อยที่ว่านอนสอนง่าย เหินห่างจากคนหัวดื้อว่ายากสอนยากเป็นธรรมดา เมื่อผู้น้อยผิด ผู้ใหญ่ตักเตือนแนะนำพร่ำสอนด้วยรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวเข้าถึงผู้น้อยจนไม่มีช่องว่างเป็นอุบายสำคัญในการปกครอง ผู้ใหญ่สุภาพอ่อนโยน ผู้น้อยก็จะเป็นไปตามที่ละเล็กละน้อย การถ่ายเทนิสัยใจคอนี้เปรียบเหมือนคนจูงม้าเป็นคนขาเขยกจูงม้าไปกินน้ำกินหญ้าทุกวัน ยังทำให้ม้อเป็นม้าขาเกไปได้ ผู้น้อยก็ต้องรู้จักประจบ(คือการมีน้ำใจกับผู้ใหญ่)แต่ไม่สอพลอ(เลียแข้งเลียขาด้วยราคะ)
   ผู้ใหญ่หรือผู้นำที่ดียังต้องรู้ใจของคนอื่นโดยถือเอาใจตนเป็นหลักเปรียบเทียบเสมอ เช่น
  • เราอยากสบาย เขาก็อยากสบาย 
  • เราอยากได้เงิน เขาก็อยากได้เงิน 
  • เราไม่อยากเดือนร้อน เขาก็ไม่อยากเดือดร้อน 
  • เราอยากอย่างไร เขาก็อยากอย่างนั้น 
ดังนั้นควรหาวิธีการเพื่อมิให้ไปขัดกับความต้องการเขา รู้จักผูกใจด้วยสังคหวัตถุสี่ ถ้ายังครองใจกันไม่ได้ด้วยแตกต่างกันในความประพฤติก็ดีความเห็นก็ดี ยากที่จะคล้อยตามเห็นดีเห็นงามกับเรา ต้องเพิ่มเติมคุณสมบัติให้ทัดเทียมกันก่อนด้วย
  1. ให้มีความปราถนาดีต่อกัน
  2. ให้ปรับปรุงความประพฤติให้เข้ากัน
  3. ให้มีความคิดเห็นลงกันด้วยเหตุผล
มิตรสหายหมู่คณะที่มีลักษณะเช่นนี้ทัดเทียมกัน จะเป็นสื่อสัมพันธ์ให้เข้าถึงจิตใจกันและกัน ทำให้กลุ่มสามัคคี มีกำลัง รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย แยกกันเพราะไม่เสริมสร้างคุณสมบัติให้ทัดเทียมกันดังกล่าวมานี้แล

หลักการเรียน สุ จิ ปุ ริ

  1. สุตะ การฟัง
  2. จินตะ ฟังแล้วคิด
  3. ปุจฉา ถาม
  4. ลิขิต บันทึกเพื่อความจำ
--"อธิบายธรรมในนวโกวาท"

คุณของพรหมวิหาร 4

พรหมวิหารสี่ ประกอบด้วย
  1. เมตตา ความรักใคร่ปราถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข แก้ความโกรธพยาบาท
  2. กรุณา ความสงสารปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
  3. มุทิตา ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ทำให้สังคมยังมีความดีส่วนรวมปรากฎ ไม่ถูกขัดแข้งขัดขา ช่วยแก้ความอิจฉาริษยา
  4. อุเบกขา ความวางเฉยไม่ดีใจหรือเสียใจเมื่อผู้อื่นถึงวิบัติ วางเฉยด้วยปัญญา เช่น เห็นงูกำลังกินเขียด จะกรุณาตีงูช่วยเขียดก็ไม่ยุติธรรมกับงู จะมุทิตาดีใจที่งูได้อาหารก็ไม่ยุติธรรมกับเขียด จึงควรถืออุเบกขา (สรุปถ้าทำ 1-3 ไม่ได้ ให้ทำ 4)
พรหมวิหารสี่ยังช่วยกำจัดความลำเอียง ตั้งอยู่ในความเ็ป็นธรรม ความลำเอียงหรืออคติสี่ ประกอบด้วย
  1. ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรักใคร่กัน
  2. โทสาคติ ลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน
  3. โมหาคติ ลำเอียงเพราะเขลา
  4. ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว
--"อธิบายธรรมในนวโกวาท"

    ธรรมะอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกันและกัน

    สังคหวัตถุสี่ เป็นหลักสังคมสงเคราะห์ เป็นหลักการผู้ใจกัน ประกอบด้วย
    1. ทาน ให้ปันสิ่งของแก่ผู้ที่สมควร
    2. ปิยวาจา เจรจาที่อ่อนหวาน
    3. อัตถจริยา ประพฤติสิ่งเป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่น ช่วยเหลือกัน
    4. สมานัตตตา ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว และวางตนให้เหมาะสม
    --"อธิบายธรรมในนวโกวาท"

      วิธีรวย

      1. ซื้อสินทรัพย์ อย่าซื้อหนี้สิน รถยนต์คือหนี้สิน ยกเว้นนำมาใช้หารายได้อย่างคุ้มค่าเป็นล่ำเป็นสันก็จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ที่คุ้มต้นทุน
      2. ควบคุมกระแสเงินสดให้เป็น รายได้->รายจ่าย->สินทรัพย์->รายได้->รายจ่าย->สินทรัพย์->so on ไม่ควรเป็น รายได้->รายจ่าย->หนี้สิน 
      3. ไม่ติดกับดักการทำงานหนักแล้วไม่รวย
      4. เปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมการสร้างรายได้จาก do more get more เป็นปรัชญา Do Less Get More
      5. ถ้าไม่มีเวลาหรือไม่ชำนาญไม่ควรเล่นหุ้นเอง ควรใช้กองทุนรวม
      6. ทำลายความกลัวการสูญเสียเงินที่หามายากลำบาก ไม่มีคนประสบความสำเร็จคนไหนไม่เคยล้มเหลว ปรับแนวคิด high risk high return ให้เป็นสายกลางโดยยอม take risk บ้างแต่ในระดับที่ยอมรับได้หากพลาดพลั้ง เริ่มต้นเรียนรู้ด้วยก้าวเล็กๆ ก่อน
      7. กู้เงินในวงเงินที่แท้จริงเรายังรับภาระได้มาซื้อสินทรัพย์เช่นอสังหาฯ เพื่อขายในราคาที่คุ้มกับดอกเบี้ยเงินกู้ ช่วยรักษากระแสเงินสดเราไว้ใช้ต่อได้ แน่นอนว่าต้องเป็นสินทรัพย์ที่ดีและซื้อในจังหวะที่ดีเห็นโอกาสชัดเจน
      8. ใช้ประโยชน์จากนโยบายภาษี บริษัทเสียภาษีที่คิดจากรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าเสื่อมราคา แต่ลูกจ้างเสียภาษีจากรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย
      9. สร้างวิสัยทัศน์แห่งการมีอิสรภาพทางการเงิน (= มีทั้งเงินและเวลาใช้เงิน ไม่ใช่มีแต่เงิน) (Financial freedom):
        • นักลงทุน (Invester) ใช้เงินทำงานแทน นิยมลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ การลงทุนเป็นไปเพื่อขยายสินทรัพย์
        • เจ้าของกิจการ (Business owner) ใช้คนทำงานแทน ความสำเร็จเกิดจากการเพิ่มคนทำให้เราทำงานน้อยลง มีเวลาพักผ่อนส่วนตัวมากขึ้ัน ในขณะเดียวกันก็ยังมีรายได้โดยไม่ต้องทำเอง
        • ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว (Self-employed) คือคนที่ทำงานหนักเพื่อให้ตนเองรวยโดย ใช้ตัวเองทำงาน เป็นผู้เห็นโอกาสในการทำกำไร แต่ถ้าคุณหยุดงานก็หยุด ไม่มีเวลาใช้เงินที่หามาได้อย่างเต็มที่ จึงไม่ใช่หนทางแห่งการสร้างอิสรภาพทางการเงิน
        • ลูกจ้าง (Employee) คือคนที่ทำงานหนักเพื่อให้คนอื่นรวย เป็นผลิตผลจากมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ซึ่งมุ่งเน้นการผลิตบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะทางที่เป็นเลิศ หรือมุ่งเน้นการผลิตลูกจ้าง การเป็นลูกจ้างข้อดีคือไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงสูง ข้อเสียคือหากไม่สามารถทำงานได้ด้วยเหตุผลใดๆ ก็จะทำให้รายได้ก็จะขาด

      วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

      คุณลักษณะบางประการของ พระธรรม

      • สันทิฏฐิโก : เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง
      • ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ : เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน เปรียบเหมือนใครรู้จักเกลือเค็มก็ต้องกินเสียก่อน จะไปถามท่านผู้อื่นว่ารสเค็มเป็นอย่างไรก็ไม่มีวันเข้าใจ
      --สวดมนต์แปลแบบสวนโมกข์ บทธัมมาภิถุติ

      อยู่ด้วยปัญญา ปัญหาไม่มี (สคส 2553 วัดชลประทานฯ)

      ความปล่อยวาง ไม่ใช่ขี้เกียจ ไม่ทำงานทำการ แต่เกี่ยวข้องกับอะไรด้วยปัญญา ไม่หลงมัวเมา ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่จะทำให้เราเกิดความทุกข์ความเดือดร้อนใจ ให้เข้าใจว่าธรรมดามันเป็นอย่างนี้ หรือมันเป็นเช่นนั้นเอง

      คอยเตือนใจอยู่เสมอว่าการทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนเป็นบาป ควรคิดพูดทำแต่เรื่องที่ดีคนอื่นสบายใจ เผลอๆ มารมันเข้ามารบกวนจิตใจ ให้เราคิดผิด พูดผิด ทำผิดไปบ้าง ก็ให้มีสติรู้ทัน มีปัญญารู้เท่าต่อสิ่งนั้นว่ามันแซงขึ้นมา พอรู้เท่าทัน ความชั่วนั้นก็หยุดแซงทันทีเพราะใจเรานั้นคิดได้ทีละอย่างในช่วงเวลาหนึ่งๆ

      ผู้อยู่ด้วยความรัก ผู้นั้นอยู่กับพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ผู้ใดอยู่ด้วยความเกลียด ผู้นั้นอยู่กับผีกับมาร อยู่กับพระมีความสุขความเจริญ อยู่กับผีมีความทุกข์ความเดือนร้อน

      พ่อแม่อย่าปลูกฝังความกลัวผีให้เด็ก ต้องอธิบายว่า ผี คือความชั่ว ถ้าหนูดื้อนี่เรียกว่ามีผีอยู่ในตัว ความชั่วคือผี ความดีคือพระ กบว น่าจะพิจารณาไม่อนุญาตให้ฉายหนังประเภทนี้ เพราะเป็นการเพาะนิสัยขี้ขลาดในเรื่องไม่เป็นเรื่อง กลัวเรื่อยไปไม่จบไม่สิ้น ไม่มีประโยชน์ ไม่มีปัญญาเมื่อใดก็ยังกลัวอยู่เมื่อนั้น

      --ดัดแปลงจากพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ปัญญาฯ

      การนำหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันควรอยู่บนทางสายกลาง

      จากประสบการณ์ส่วนตัว เห็นว่าไม่ควรให้สุดโต่งเกินไป ควรปรับใ้ช้ให้เหมาะกับสถานการณ์และความจำเป็น ให้เราและการงานเราอยู่รอดได้ เช่น การไม่คบคนพาล แต่หากคนพาลคือผู้ร่วมงาน เราก็ยังจำเป็นต้องคบค้าสมาคมเพื่อให้งานเดินได้ หรือฆราวาสจะทำตัวสันโดษเกินไปไม่คบหาเพื่อนฝูงก็ไม่ควร

      พระธรรมวินัยหลายข้อพระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นเพื่อไม่ให้ขัดกับความรู้สึกหรือธรรมเนี่ยมปฏิบัติของชาวบ้านหากมิใช่เรื่องเลยร้าย ทั้งนี้เพื่อคงไว้ซึ่งความศรัทธาทำให้เผยแผ่พระธรรมได้

      เลิกให้เงินขอทาน

      เพราะเป็นการส่งเสริมวงจรอกุศล ตราบใดที่ยังมีคนให้ทาน ตราบนั้นคนจะยังถูกจับไปทำให้พิการเพื่อมาเป็นขอทานขอเงินเรา ลองคิดดูหากคนนั้นเป็นบุคคลที่เรารักจะรู้สึกอย่างไร (ดังเรื่องเล่า ภรรยาหายตัวไปในอินโดฯ มาพบอีกทีถูกตัดแขนกลายเป็นขอทานไปเสียแล้ว) เพราะฉะนั้นเลิกเถิด หยุดคิดเข้าข้างตัวเองว่าทำบุญแล้วไม่ต้องคิดอะไรเราเป็นสุขจากการทำทานก็พอ ควรคิดให้รอบด้านถึงผลกระทบเชิงสังคมในระยะยาว เราและโดยเฉพาะลูกหลานเรายังต้องอยู่ในสังคมนี้ต่อไป จึงควรช่วยกันจรรโลงสังคม หยุดสร้างบุญและบาปโดยรู้เท่าไม่ถึงการ ยิ่งขอทานที่ไม่พิการ (หลวงปู่ปัญญานันทภิกขุเรียกว่าพวกสิ้นคิดเพราะคิดไม่ออกแล้วว่าจะหาเลี้ยงตัวเองอย่างไรทั้งที่ยังมีมือมีเท้าครบ) ถ้าสังเกตได้ว่าว่าเงินที่ได้ไปอาจจะนำไปซื้อเหล้าดื่มก็ยิ่งไม่ควรให้

      วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

      รางวัลรามอน แมกไซไซ หรือ รางวัลแมกไซไซ (Ramon Magsaysay Award)

      ก่อตั้งขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติแก่นายรามอน แมกไซไซ อดีตประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ และเพื่อเป็นแบบอย่างอันดีงามของการอุทิศตนทำงานบริการประชาชนในสังคมประชาธิปไตย เป็นรางวัลแก่บุคคลและนิติบุคคลในเอเชีย ที่ประสบความสำเร็จอันดียิ่งในแต่ละสาขา
      • บริการรัฐกิจ (Government Service)
      • บริการสาธารณะ (Public Service)
      • ผู้นำชุมชน (Community Leadership)
      • วารสารศาสตร์,วรรณกรรม และศิลปะการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ (Journalism, Literature and Creative Communication arts)
      • สันติภาพและความเข้าใจระหว่างประเทศ (Peace and International Understanding)
      • ผู้นำในภาวะฉุกเฉิน (Emergent Leadership)
      รางวัลแมกไซไซนั้น ถือเสมือนหนึ่งรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพของเอเชียเลยทีเดียว

      ทำดีไม่ต้องดูฤกษ์

      "ทำดีไม่ต้องดูฤกษ์ ทำเมื่อไรดีเมื่อนั้น" -- พระธรรมโมลี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์

      ระดับของสมรรถภาพทางด้านความรู้ความคิด (Cognitive Domain)

      พุทธิพิสัย (cognitive domain) ของคนประกอบด้วยความรู้ตามระดับต่าง ๆ รวม 6 ระดับ มาจาก Bloom's Taxonomy ซึ่งอาจพิจารณาจากระดับความรู้ในขั้นพื้นฐานไปสู่ระดับของความรู้ในระดับที่สูงขึ้นไปดังต่อไปนี้

      1. ความรู้ (Knowledge) เป็นการทำงานขั้นต่ำสุดของสมอง ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่เน้นถึงการจำ เน้นคำถาม WHAT โดยไม่มีการประยุกต์ใช้ เช่น เมืองหลวงของไทยชื่ออะไร
      2. ความเข้าใจ (Comprehension) เน้นคำถาม WHY เป็นความสามารถในการแปลความหมาย หรือการขยายความสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
      3. การนำไปใช้ (Application) เป็นการนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ของสมองเพื่อแก้ปัญหา ทดลอง คำนวณ  ทำให้สมบูรณ์ ตรวจสอบ หรือค้นพบ   โดยให้ ใช้ข้อมูล ใช้กฎ ใช้ทฤษฎี แสดง คำนวณ ทดสอบ แก้ปัญหา ค้นหา เปลี่ยน ขยายความ
      4. การวิเคราะห์ (Analysis) เป็นการใช้สมองซีกซ้ายเป็นหลัก เป็นการคิดเชิงลึก จำแนก แยกแยะองค์ประกอบต่างๆ ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แจกแจงรายละเอียดของส่วนประกอบเหล่านั้น เพื่อหาความสัมพันธ์ จัดโครงสร้างความสัมพันธ์ หรือเพื่อรู้ความแตกต่าง เปรียบเทียบความเหมือนความต่าง ข้อดี ข้อเสีย
      5. การประเมิน (Evaluation) เป็นการคิดตัดสินใจ ตัดสินเกี่ยวกับความคิด ค่านิยม ผลงาน คำตอบ วิธีการและเนื้อหาสาระเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง โดยใช้ข้อมูลเปรียบเทียบกับมาตรฐานหรือเกณฑ์ (criteria) เป็นทักษะการคิดชั้นสูง โดยให้ เปรียบเทียบ หาคุณค่า จัดลำดับ สร้างทางเลือก สนับสนุน สรุปความ เป็นทักษะการคิดขั้นสูงเพราะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจ การนำไปปรับใช้ การวิเคราะห์เข้ามาพิจารณาประกอบกันเพื่อทำการประเมิน
      6. การสังเคราะห์ (Synthesis) เป็นความสามารถในการรวบรวมส่วนประกอบย่อย ๆ หรือส่วนใหญ่ ๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นเรื่องราวอันหนึ่งอันเดียวกัน การสังเคราะห์จะมีลักษณะของการเป็นกระบวนการรวบรวมเนื้อหาสาระของเรื่องต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างรูปแบบหรือโครงสร้างที่ยังไม่ชัดเจนขึ้นมาก่อน นั่นคือการร้อยเรียงเพื่อสรุป การสังเคราะห์ยังเป็นการคิดใหม่ ประดิษฐ์สิ่งใหม่ จากการรวบรวมส่วนประกอบย่อยจนกลายเป็นสิ่งใหม่ที่มีเอกลักษณ์และคุณสมบัติต่างไปจากเดิม หรือคิดสร้างแนวคิดใหม่ โดยให้ สร้างใหม่ จัดระเบียบ ทำให้เป็นรูปแบบทั่วไป –หาสูตร วางแผน เขียนใหม่ในรูปอื่น 
      การศึกษาในระดับ ป.ตรี จะเน้นข้อ 1-3 เพื่อสร้างทักษะในการประกอบวิชาชีพและพื้นฐานความรู้ภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎีสำหรับการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ป.โท จะเน้นข้อ 1-4 ป.เอก เน้นข้อ 6 ส่วนข้อ 5 เกิดกับผู้มีประสบการณ์ข้อ 4 มาก

        ราคาน้ำมันที่ต่างกันของแต่ละปั๊ม

        คำถาม: ทำไมราคาน้ำมันของสถานีบริการมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อย อยากทราบว่า อะไรเป็นปัจจัยหลักในการที่สถานีน้ำมันใช้ในการกำหนดราคาต่อผู้บริโภค
        คำตอบ:การเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันหน้าสถานี ถูกปรับเปลี่ยนโดยบริษัทน้ำมันต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามกลไกราคาน้ำมันตลาดของโลกที่มีนัยสำคัญ การแข่งขันของแต่ละท้องถิ่น บวกกับราคาขนส่งไปยังแต่ละสถานี ซึ่งส่วนใหญ่ บริษัทน้ำมันทั่วไปจะใช้อัตราขนส่งที่กำหนดโดยสำนักงานพลังงานแห่งชาติ --http://www.ptit.org/

        วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

        การบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี (Fwd mail)

        1. อย่าเป็นนักจับผิด คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ' กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก '   คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '
        2. อย่ามัวแต่คิดริษยา   ' แข่งกันดี ไม่ดีสักคน   ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน ' คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ' เจ้ากรรมนายเวร '   ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน   ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ' ไฟสุมขอน ' ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ' แผ่เมตตา '
        3. อย่าเสียเวลากับความหลัง  90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ' ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น ' มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน ' ' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น '   ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ' สติ ' กำกับตลอดเวลา
        4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ  ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ   ธรรมชาติของตัณหา คือ ' ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม '   ทุกอย่างต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์ (Afford functionality, not passion) คำว่า ' พอดี '   คือ ถ้า ' พอ ' แล้วจะ ' ดี '     รู้จัก ' พอ ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข

        วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

        ไตรจีวร, อังสะ, บริขาร

        • ไตรจีวร
        1. จีวร คือ ผ้าห่ม เรียกว่า อุตราสงค์ ทำหน้าที่เป็นเสื้อโค้ต
        2. สบง คือ ผ้านุ่ง เรียกว่า อันตรวาสก ทำหน้าที่เป็นกางเกง
        3. สังฆาฏิ คือ ผ้าซ้อน (ปัจจุบันใช้พาดบ่า) ทำหน้าที่เป็นผ้าคลุมสำหรับป้องกันความหนาวในฤดูหนาว เป็นผ้าสารพัดประโยชน์ เช่น ห่มแทนจีวร ทำเป็นผ้ากันแดดได้ ปัจจุบันพระสงฆ์ไม่ได้ใช้ห่มซ้อนกับจีวรเหมือนก่อน ด้วยอยู่ในในถิ่นที่อากาศไม่หนาวจนเกินไป แต่พับแล้วพาดเก็บไว้บนบ่าเพื่อความสะดวกในเวลาเดินทาง จนกลายเป็นผ้าพาดบ่าไป
        • อังสะ เป็นผ้าที่มีลักษณะเหมือนสไบเฉียงของผู้หญิง มีวัตถุประสงค์เหมือนเสื้อกล้ามหรือเสื้อชั้นใน ใช้สวมใส่ขณะอยู่ตามลำพังหรือทำงานเพื่อไม่ให้ดูเปลือยกายท่อนบน สมัยพุทธกาลไม่ปรากฏว่ามีการใช้ผ้าอังสะ อังสะไม่รวมอยู่ในบริขาร 8 
        • บริขาร อ่านว่า บอริขาน หมายถึงเครื่องใช้ไม้สอยที่จำเป็นของภิกษุซึ่งมี 8 อย่าง เรียกว่าอัฐบริขาร (อ่านว่า -อัดถะ) แปลว่าบริขาร 8 คือสบง (ผ้านุ่ง) จีวร (ผ้าห่ม) สังฆาฏิ (ผ้าซ้อน) บาตร มีดโกน เข็ม ประคดเอว ธมกรก (ที่กรองน้ำ)

        วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

        ทำไมน้ำในแก้วถึงระเหยได้ทั้งๆ ที่อุณภูมิยังไม่ถึงจุดเดือดของน้ำ

        โมเลกุลของน้ำที่ผิวหน้ามีแรงยึดเหนี่ยวน้อยกว่าโมเลกุลที่อยู่ลึกลงไป ทำให้สามารถหลุดออกไปในอากาศได้ ถ้ามีพลังงานจลน์(มีการเคลื่อนไหว)มากพอ แม้แต่ขณะที่มีความชื้นสัมพัทธ์ 100% น้ำที่ผิวหน้าก็ยังมีการระเหย เพียงแต่ว่าอัตราการระเหยเท่ากับอัตราการควบแน่น เรียกว่าเกิดสมดุล น้ำจึงไม่พร่องลงไป

        BEX (Bond Electronic Exchange)

        เป็นตลาดตราสารหนี้ที่ให้บริการระบบการซื้อขายตราสารหนี้และพันธบัตรด้วยเทคโนโลยีทางอิเล็คทรอนิกส์

        http://www.set.or.th/en/products/listing/bond_listing_p1.html
        http://www.tsi-thailand.org/wiki/index.php?title=BEX

        วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

        มาบตาพุด

        โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นโรงงานประเภทปิโตรเคมีเป็นส่วนใหญ่
        โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เป็นส่วนใหญ่

        วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

        วาระแห่งชาติ

        นอกเหนือจากการปฏิรูปการศึกษาและการอ่าน การปฏิรูปหน่วยงานการรถไฟควรถูกผลักดันเป็นวาระแห่งชาติเช่นกัน เพราะวาระแห่งชาติจะถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยทุกรัฐบาล ไม่ถูกลืม

        Zero-sum game

        Describes a situation in which a participant's gain or loss is exactly balanced by the losses or gains of the other participant(s): #total wins of all players - #total losses of all players = 0
        Any commercial exchange is a non-zero-sum activity, because each party must consider the goods it is receiving as being at least fractionally more valuable than the goods it is delivering.
        To my view, the zero-sum game is comparable to a kind of win-lose situation, whereas non-zero-sum game is win-win or lose-lose situations.

        วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

        แนวทางการปฏิวัติการศึกษาของชาติ

        1. ครูควรมีพื้นฐานเป็นคนที่มีผลการเรียนในระดับดี เพราะจะช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้ดี (อุปมาอย่างสุดโต่งเหมือนการนำคนมาสอนคนกับการนำลิงมาสอนคน) ดังนั้นควรยกระดับคะแนนสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในคณะคุรุศาสตร์ให้สูงขึ้น แต่จะทำให้คนเก่งหันมาสอบเข้าเรียนคณะนี้ได้ ก็ต้องสร้างแรงจูงใจ เช่น เพิ่มผลตอบแทนให้อาชีพนี้ก่อน นอกเหนือจากเกรียติศักดิ์ศรีที่ครูมีมากอยู่แล้ว(มากกว่าหมอ)ในสายตาของคนสังคม
        2. ควรมีการจัดทำคู่มือการสอนที่ได้มาตรฐานเขียนโดยผู้มีประสบการณ์ตรง สำหรับ Self-training ของครู
        3. ครูในปัจจุบันมุ่งทำผลงานด้านการเขียนเพื่อเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งของตนเอง จนไม่ให้ความสำคัญกับงานสอนเท่าที่ควร ส่งผลให้นโยบายการยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง Student-Center ไม่ถูกตอบสนอง แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนของครูแต่ละคนมาเป็นตัวชี้วัดการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ จะก่อให้เกิดสถาณการณ์แบบ win-win ทั้งครูและผู้เรียน 
        4. ควรจัดให้มีระบบข้อสอบกลางซึ่งมีมาตรฐานเดียวกันและมีความมั่นคงปลอดภัยสำหรับทุกระดับชั้นการศึกษาทั่วประเทศ ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องมีการสอบแอดมิสชั่นอีก
        --ดัดแปลงจากบทให้สัมภาษณ์ของ ศ. ศรีราชา เจริญพานิช กรรมการสภาการศึกษา, CUradio

        วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

        ดร. วรภัทร ภู่เจริญ

        อดีตวิศวกรองค์การอวกาศนาซ่า เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ออกข้อสอบด้วยโจทย์ "จงออกข้อสอบเอง" ได้ศูนย์กันทั้งห้องเพราะอยากให้เป็นข้อสอบแสดงความคิดไม่ใช่ความจำ

        "ผมได้เรียนรู้จากนาซามาก เวลาสอนอาจารย์จะโยนหนังสือมาให้เล่มหนึ่ง อ่านภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่เราอ่านเร็วอยู่แล้ว ที่นั่นใช้วิธีสอนเหมือนไม่สอน ซักถามและวิเคราะห์กันหนักๆ อย่างเช่น คุณเห็นใบไม้ที่โคนกิ่งไม้ ลองคำนวณว่ามีแรงกี่ปอนด์ แต่ผมกลับถามตัวเองว่า ทำไมเราต้องไปถึงสุดขอบจักรวาล 450 ล้านปีแสง เรากำลังบ้าหรือเปล่า สุดท้ายเราทำอะไร ณ วินาทีนี้ ถ้าเราอยู่ขอบจักรวาล เราจะทำอะไร ผมว่า มันไร้สาระ"

        คนฉลาดและคนโง่ นิยามโดยโสเครติส

        คนฉลาดคือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ ส่วนคนโง่คือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้แต่ทำตัวเป็นผู้รู้

        สช.สะกิด ร.ร.เอกชนไม่มีใบอนุญาต ห้ามเปิดสอนเด็ดขาดเตือนลงโทษทั้งจำ-ปรับ

        นายสำรวม พฤกษ์เสถียร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เปิดเผยถึงโรงเรียนเอกชนนอกระบบซึ่งเปิดสอนหลักสูตรระยะสั้น ที่มีอยู่จำนวนมาก เช่น โรงเรียนเสริมสวย ตัดเสื้อผ้า แต่งหน้า ทำเล็บ นวด ออกแบบ สอนคอมพิวเตอร์ สอนภาษา กวดวิชา บริบาล ซ่อมมือถือ ซ่อมเครื่องไฟฟ้า สอนขับรถยนต์ ฯลฯ โรงเรียนเหล่านี้สามารถขออนุญาตจัดตั้งได้ โดยได้รับอนุญาตจาก สช. ก่อนจึงจะดำเนินการได้ แต่ยังมีโรงเรียนบางแห่งที่ยังไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้งให้ถูกกฎหมาย ทำให้ถูกเรียกเป็นโรงเรียนเถื่อน จึงขอเตือนไปยังผู้บริหารหรือเจ้าของโรงเรียนนอกระบบดังกล่าว ดำเนินการขออนุญาตจัดตั้งให้ถูกต้องตามมาตรา 121 แห่ง พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ที่ได้ประกาศใช้แล้ว ทั้งนี้โรงเรียนใดที่ยังไม่มีใบอนุญาตถูกต้อง ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ ให้ติดต่อได้ที่ สช. กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โทร.0-2628-9047-8 ส่วนโรงเรียนในต่างจังหวัด ติดต่อกลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานั้นๆ

        การดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนโดยมิได้ขออนุญาตตามกฎหมาย จะมีความผิดตามมาตรา 147 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มาตรา 128 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเข้าไปในโรงเรียนเพื่อตรวจสอบความถูกต้องได้ทุกโรงเรียน ถ้าผู้ใดขัดขวางไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือไม่อำนวยความสะดวก ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย มาตราดังกล่าวที่ระบุว่ามีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

        --หนังสือพิมพ์บ้านเมือง : ศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2008

        เส้นตายในการตรวจจับบริษัทองค์กรที่ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน

        พันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์หรือบีเอสเอ (BSA) ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้ชุดปราบปรามของกองบังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ประกาศเส้นตายล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน บก.ปอศ.กำลังดำเนินการสืบสวนและเข้าตรวจค้นองค์กรธุรกิจที่มีเบาะแสว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไปแล้วกว่า 1,000 แห่ง ตามที่ได้รับร้องเรียนจากเจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์
              
        บก.ปอศ. ยืนยันว่าขั้นตอนการตรวจจับนั้นไม่มีการโทรศัพท์เพื่อเตือนก่อนการตรวจค้นแน่นอน การตรวจค้นในที่รโหฐานก็จะต้องมีหมายค้น มีการแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นถ้ามีผู้แอบอ้างดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ที่ใกล้ที่ทำการของท่านดำเนินการตามกฎหมายได การเตือนเรื่องตรวจจับซอฟต์แวร์เถื่อนในองค์กรที่ไม่ใช่การล่อลวงมักเป็นการเตือนภัยทางอีเมล จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากบีเอสเอ หรือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ซึ่งส่งอีเมลเตือนสมาชิกองค์กรให้รับรู้กำหนดการตรวจจับจริงจังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งหมดนี้ไม่มีข้อเรียกร้องใดๆยกเว้นการทำให้บริษัทองค์กรตื่นตัวและหันไปใช้ซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ หรือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สต่อไป
              
        "ในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายจะไม่มีการข่มขู่หรือเรียกร้องเงินหรือหาประโยชน์อื่นใดอย่างเด็ดขาด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนและตรวจค้นการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในองค์กรธุรกิจใดก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บหลักฐาน ขอดูใบอนุญาตซอฟต์แวร์และถ่ายภาพที่เกิดเหตุไว้ เพื่อทำสำนวนการสอบสวนว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์หรือไม่อย่างไร ก่อนที่จะสรุปสำนวนสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ และนำคดีขึ้นสู่ศาลต่อไปหรือถ้ามีกรณีถอนคำร้องทุกข์อำนาจสอบสวนก็สิ้นสุดลง" ตามข้อความในหนังสือประชาสัมพันธ์จาก บก.ปอศ.

        สถิตินักท่องเที่ยวไทยตั้งแต่ มค. ถึง สค. 2552

        ชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามามากที่สุด อันดับสองคือญี่ปุ่น อันดับสาม อังกฤษ ส่วนอเมริกาอันดับสี่
        โดยแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งคือกรุงเทพฯ รองลงมาคือชลบุรีและเชียงใหม่ตามลำดับ
        --http://www.tourism.go.th/2009/upload/tourism/files/2_2รวมทุกด่าน.pdf

        สิ่งดึงดูดที่ทำให้มาท่องเที่ยวไทยมากที่สุดตามลำดับ
        1. อาหารไทย
        2. โบราณสถาน
        3. อัธยาศัยไมตรีของคนไทย

        แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงเทพฯ ตามลำดับ
        1.วัดพระแก้วและพระบรมหาราชวัง
        2.วัดพระเชตุพนฯ
        3.ประตูน้ำและปทุมวัน
        4.จตุจักร
        5.ถนนข้าวสาร
        (Ref: ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือกรุงเทพโพล ได้สำรวจ นักท่องเที่ยวต่างชาติต่อการมาท่องเที่ยวกรุงเทพฯ เนื่องด้วยกรุงเทพฯ ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเครือข่ายเมืองใหญ่แห่งเอเชีย 21 ครั้งที่ 8 ในวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. โดยสำรวจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป บริเวณแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาตินิยมไป 6 แห่ง ได้แก่ 1) ถนนข้าวสาร 2) ถนนสีลม 3) ประตูน้ำ-พระพรหม-แยกราชดำริ 4) ตลาดนัดจตุจักร-สวนจตุจักร 5) วัดพระแก้ว-วัดโพธิ์ 6) สถานีรถไฟหัวลำโพง ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 474 คน เป็นเพศชายร้อยละ 58.3 และเพศหญิงร้อยละ 41.7     โดยผลสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยกให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าเที่ยวมากที่สุดในบรรดา 10 เมืองที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ กรุงเดลี กรุงฮานอย กรุงจาการ์ตา กรุงกัวลาลัมเปอร์ กรุงมะนิลา กรุงโซล กรุงโตเกียว ไทเป สิงคโปร์ และกรุงเทพมหานคร โดยได้รับคะแนน 7.19 คะแนน รองลงมาเป็นกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ 3.12 คะแนน สิงคโปร์ ได้ 2.45 คะแนน กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้ 1.65 คะแนน กรุงเดลี ประเทศอินเดีย ได้ 1.49 คะแนน สำหรับสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมา กรุงเทพฯ 5 อันดับแรก คือ อาหารไทย ร้อยละ 20.4 โบราณสถานและโบราณวัตถุ ร้อยละ 19.7 อัธยาศัยไมตรีของคนไทย ร้อยละ 16.8 วัฒนธรรมประเพณีและศิลปะพื้นบ้าน ร้อยละ 15.8 แหล่งชอปปิง ร้อยละ 15.1 ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่ประทับใจมากที่สุด ได้แก่ พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ร้อยละ 39.4 2.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ร้อยละ 11.5 3.แหล่งชอปปิง ย่านประตูน้ำและปทุมวัน ร้อยละ 11.0 4.ตลาดนัดสวนจตุจักร ร้อยละ 10.7 5.ถนนข้าวสาร ร้อยละ 6.5)

        ธุรกิจไมซ์

        MiCE : Meeting Incentive Convention and Exhibition คือ ธุรกิจจัดประชุมที่ประเทศไทยกำลังพยายามส่งเสริมผลักดันโดยมีหน่วยงานสำนักงานส่งเสริม การจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญ

        พระพุทธรูป

        สอดคล้องกับแหล่งข้อมูลที่มีผู้เชื่อถือมากที่สุด พระพุทธรูปถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้ามิลินท์ กษัตริย์เชื้อสายกรีกตามวัฒนธรรมของชาวกรีกซึ่งนิยมใช้รูปคนแทนรูปเทพเจ้าต่างๆ
        พระพุทธรูปนอกจากเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจสำหรับผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นเครื่องมือในการเหนี่ยวนำให้ผู้คนเข้าถึงศาสนาได้ง่ายขึ้นเนื่องด้วยความเป็นวัตถุที่ผู้คนทั่วไปรับรู้และสัมผัสได้ง่ายกว่าสิ่งที่่เป็นนามธรรมดังเช่นพระธรรม เมื่อบังเกิดความประทับใจในองค์พระที่งดงามสงบนิ่งก็จะนำมาซึ่งความเลื่อมใสและสนใจศึกษาพระธรรมได้ในที่สุด

        วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

        รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก

        • ให้บริการภายใน พ.ศ. 2562 
        • โครงการเริ่มต้นจากสถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน มาตามเส้นทางรถไฟสายใต้ในระดับดิน แล้วเริ่มลดระดับเป็นอุโมงค์ใต้ดินบริเวณบางขุนนนท์ ก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟถนนจรัญสนิทวงศ์ ต่ำกว่าระดับดินประมาณ 20 เมตร ผ่านสถานีรถไฟธนบุรี โรงพยาบาลศิริราช ลอดแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่แนวถนนราชดำเนินกลาง ผ่านสนามหลวง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้าสู่แนวถนนหลานหลวงไปจนถึงบริเวณยมราช จากนั้นจึงเข้าสู่แนวเส้นทางรถไฟสายตะวันออก แล้วเพิ่มระดับเปลี่ยนเป็นโครงสร้างแบบคลองแห้ง (open trench) ต่ำกว่าระดับดินประมาณ 10 เมตร ไปเชื่อมต่อกับเส้นทางช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน เข้าสู่สถานีพญาไท โดยก่อสร้างถึงเพียงจุดเชื่อมต่อบริเวณยมราช รวมระยะทาง 10.5 กิโลเมตร
        • มี 6 สถานี (ไม่รวมสถานีตลิ่งชันและพญาไท) เป็นสถานีใต้ดินทั้งหมด ได้แก่ สถานีบางขุนนนท์, สถานีศิริราช, สถานีสนามหลวง, สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, สถานีหลานหลวง และสถานียมราช
        --http://th.wikipedia.org/wiki/รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน (CC-BY-SA 3.0)

          เทคโนโลยี 3G (& 4G)

          สถานการณ์ในแต่ละประเทศ
          • ญี่ปุ่นประกาศใช้เชิงพาณิชย์เป็นที่แรกในปี 2544 ตามด้วยอังกฤษ และเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย อเมริกา และยุโรป ตามลำดับ
          • กัมพูชาเปิดให้บริการ 3G ในปี 2549 โดยมีผู้ให้บริการ 4 รายแต่ค่าบริการและมือถือมีราคาแพงเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชน จึงมีผู้ใช้น้อย
          • ลาวให้บริการ 3G ครั้งแรกในปี 2551 แต่ปัญหา 3G ในลาวคือมี Infra และ App พร้อมแต่ขาด Content ภาษาลาวรวมทั้งค่าบริการและค่าอุปกรณ์มือถือยังแพงไป
          • เวียดนามประกาศให้ใบอนุญาต 3G ไตรมาสสอง 2552
          • สถาณการณ์ในไทย กทช. (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) เริ่มดำเนินการโครงการ 3G ตั้งแต่ปี พศ 2548 และปัจจุบันกำลังส่งเรื่องให้กรรมธิการกฤษฎีกาตีความอำนาจและหน้าที่ของกทช. ในการออกใบอนุญาต 3G จากนั้นจึงจะเริ่มการประมูลใบอนุญาตการจัดสรรคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G (ในช่วงคลื่นความถี่ 2.1 GHz) ได้ ในประเทศญี่ปุ่นกับสิงค์โปรจะไม่ใช้วิธีการประมูลอย่างไทยซึ่งเหมือนอังกฤษและเยอรมันโดยจะคัดเลือกจากข้อเสนอเรื่องคุณภาพการให้บริการเป็นหลัก (ตรวจสอบสถานการณ์ล่าสุดในหัวข้อด้านล่าง)
          • ในปี ค.ศ. 2010 เทคโนโลยี 3.9G ที่ถูกพัฒนาให้มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงถึง 150 Mbps ชื่อ Long Term Evolution (LTE) กำหนดจะเปิดใช้งานในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกที่เริ่มอิ่มตัวกับความเร็วของ 3G ขั้นต้น (แบบ HSPA ให้ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงสุดที่ 21 Mbps ถ้าเป็น HSPA+ จะให้ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลถึง 28 Mbps) รวมทั้ง สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน และวงการโทรคมนาคมของหลาย ๆ ประเทศ ขณะนี้ก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยี LTE สู่ LTE Advance ที่ให้ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงถึง 500 Mbps หรือ เทคโนโลยี 4G; LTE เป็นเทคโนโลยีที่กลืน WiMax เข้าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานทำให้ WiMax ถูกทดแทนด้วย 4G ในที่สุด
          โอเปอร์เรเตอร์ไทย
          • บริษัท ทีโอที เป้าหมายหลักวันนี้คือต้องการยืดเวลาการประมูล 3G ของกทช.ออกไปให้นานที่สุด เพื่อให้บริการ 3G ของตัวเองมีเวลาสร้างฐานลูกค้า โดยเริ่มปฐมบทในวันที่ 3 ธ.ค. เปิดให้บริการในกทม.และปริมณฑลก่อน บริการดังกล่าวเป็นลักษณะ MVNO (mobile virtual network operator: a company that provides mobile phone service but does not have its own licensed frequency allocation of radio spectrum, nor does it necessarily have all of the infrastructure required to provide mobile telephone service.) ผ่านบริษัท สามารถ ไอโมบาย, Loxley, บริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น จำกัด, IEC และ เอ็ม คอมมูนิเคชั่น บนคลื่นความถี่ 1900 MHz และ 2100 MHz ซึ่ง MVNO ทั้งหมดไม่สามารถให้บริการจริงได้ในวันเปิดตัวดังกล่าวเนื่องจากปัญหาหลายประการที่ต่างกันไป (TOT 3G ใช้ย่านความถี่ในการให้บริการคือ 1965-1980 MHz และ 2155 – 2170 MHz โดยมีความกว้างแถบคลื่น (Bandwidth) 15+15 MHz ตามมาตรฐานของ 3G คือ 1920-1980 MHz. และ 2110-2170 MHz โดยมีความกว้างแถบคลื่น (Bandwidth) 60+60 MHz ซึ่งระบบ 3G ของทีโอทีถือเป็น 3G ของแท้ที่ใช้ความถี่ย่านมาตรฐานต่างจากโอเปอเรเตอร์รายอื่นที่ทดสอบหรือให้บริการในวงจำกัดขณะนี้)
          • บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่มีสองเทคโนโลยี 3G คือ CDMA / EV-DO ซึ่งได้ให้บริการเป็นเวลาหลายปีมาแล้วภายใต้ชื่อ แคท ซีดีเอ็มเอ (แต่ให้บริการอยู่ 51 จังหวัดยกเว้นภาคกลาง ซึ่งกำลังดำเนินการซื้อกิจการของบริษัทฮัทช์ซึ่งให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบซีดีเอ็มเอใน 25 จังหวัดภาคกลาง โดยฮัทช์ต้องอัพเกรดระบบให้เป็นซีดีเอ็มเอ อีวีดีโอ รองรับการใช้งาน 3จี) ด้วยความเร็ว 3.1Mbps กับเทคโนโลยี WCDMA บนความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ที่จะประมูลไลเซ่นส์ กทช. กสท จะต้องสูญเสียรายได้ หากเอกชน เช่น AIS ประมูลใบอนุญาต 3 Gได้ แล้วย้ายฐานลูกค้าเดิมที่อยู่ภายใต้บริการ 2 G ซึ่งเป็นการรับสัมปทานจาก กสท ไปยังบริการ 3 G
          • ทรูมูฟเป็นโอเปอเรเตอร์อีกรายที่ต้องการ 3G บนความถี่มาตรฐาน เพราะทุกวันนี้ได้แค่ทดสอบและเปิดให้ทดลองใช้โดยอาศัยความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ของกสท ซึ่งคาราคาซังไม่สามารถเปิดบริการเชิงพาณิชย์เก็บเงินได้ เนื่องจากต้องผ่านการพิจารณาคณะกรรมการตามพรบ.ร่วมทุนปี 2535 ทรูมูฟเป็นโอเปอร์เรเตอร์สัญชาติไทยที่เหลืออยู่เพียงรายเดียว และปลายปี 2556 สัมปทานคลื่นความถี่ของ กสท จะหมดสัญญา ทำให้ กสท และทรูต้องคืนคลื่นความถี่นี้ให้ กสทช ไปประมูลใหม่
          • ดีแทคเป็นโอปอเรเตอร์ที่จะมีความถี่ 3G สองย่านคือ 850 เมกะเฮิรตซ์ที่เปิดทดลองให้ใช้อยู่ในปัจจุบันและ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ในอนาคตที่ได้จากการประมูล โดยย่านความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ เป็นบริการ HSPA ที่เปิดให้กลุ่มเป้าหมายทดสอบอยู่ ซึ่งการใช้งานอยู่ในระดับน่าพอใจอย่างมาก เหลือแต่เพียงขั้นตอนตามพรบ.ร่วมทุนปี 2535 เท่านั้นที่ยังทำให้ไม่สามารถเก็บค่าบริการได้ 
          • ปัจจุบันโอเปอร์เรเตอร์ายใหญ่อย่าง AIS ได้เปิดให้บริการ 3G ในปี 2551 ด้วยคลื่นความถี่ 900 MHz (HSPA) สำหรับ AIS แต่ประสิทธิภาพยังไม่ดีเท่าของ DTAC และในกลางเดือน มค. 2553 ได้ร่วมมือกับ TOT ในการให้บริการ 3G ซึ่ง TOT ได้ให้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ธค ปีที่แล้วผ่าน MVNO
                แม้หลายโอเปอเรเตอร์จะมีย่านความถี่ของตนให้บริการ 3G โทรศัพท์มือถือ 3G ส่วนใหญ่ทั่วโลกรองรับย่านความถี่ 2.1 GHz การที่ต้องซื้อเครื่องโทรศัพท์ที่รองรับย่านความถี่อื่นเพื่อใช้บริการของโอเปอเรเตอร์เฉพาะรายเป็นการจำกัดผู้ให้บริการทำให้เกิดผลเสียต่อผู้บริโภค ดังนั้นเหล่าโอเปอเรเตอร์จึงต้องประมูลคลื่นความถี่นี้
            ความคืบหน้าอย่างเป็นทางการล่าสุดของไทย
            • พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากระบวนการออกใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ว่ากรอบระยะเวลาน่าจะจัดให้มีการประมูลได้เสร็จสิ้นภายในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้ โดยระหว่างเดือนมิ.ย.-พ.ค. จะเป็นการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและจัดเตรียมกฏกติกาที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลการแข่งขัน หลังจากนั้นคาดว่าจะประกาศหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาต 3G ลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วเริ่มกระบวนการประมูลจากเดือน ส.ค.- ก.ย.นี้
            • กทช. อัพเกรดโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G เป็น 3.9 G ความเร็วเพิ่มขึ้น 20 เท่า: พันเอกนที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการ 3G เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการ 3G ได้หารือในที่ประชุมเรื่องการเปิดให้บริการโครงข่ายระบบ 3G นั้น ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันที่จะอัพเกรดหรือเพิ่มขีดความสามารถโครงข่ายโทรศัพท์ระบบ 3G ให้มีความเร็วสูงขึ้นอีก 20 เท่า คือปรับเป็นระบบ 3.9 G เนื่องจากมองว่าระบบโทรศัพท์ 3G ค่อนข้างล้าสมัยไปแล้วในปัจจุบัน ประกอบกับประเทศไทยมีศักยภาพของระบบโทรคมนาคมเพียงพอที่จะเปิดให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์ระบบ 3.9 G ได้ โดยหลังจากนี้ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นหลักเกณฑ์และราคาใบอนุญาตจากทุกภาคส่วนในเดือนมิถุนายนและกรกฏาคมนี้ พร้อมออกใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3.9 G จำนวน 3 ใบให้แล้วเสร็จในเดือนกันยายน และมั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการโครงข่าวโทรศัพท์ระบบ 3.9G ทั่วประเทศได้ภายในสิ้นปี 53 นี้อย่างแน่นอน
            • 4 มิ.ย.2553 กทช. และ ประธานคณะกรรมการ 3.9 จี จัดประชุมวาระพิเศษ และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณาแนวทางการอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอเอ็มที (IMT หรือ 3G and beyond) โดยนำหัวข้อในการพิจารณาให้ใบอนุญาต(ไลเซนส์) ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอเอ็มที บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ครอบคลุมการให้บริการระบบ 3จี- 3.9จี ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ 3จีแล้ว รวมทั้งได้เปิดรับฟังความคิดเห็นกลุ่มย่อยจากผู้ประกอบการ และผู้บริโภคแล้วเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา นำเสนอต่อที่ประชุม กทช. เพื่อพิจารณา ซึ่ง กทช.ศึกษาการให้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอเอ็มที มา 5 ปีแล้ว การที่ กทช. ออกใบอนุญาตครอบคลุมเทคโนโลยีระบบ 3จี-3.9จี จะทำให้ผู้ประกอบการลงทุนทำโครงข่ายตั้งแต่ 3.5จี -3.9จี เพราะการอัพเกรดเทคโนโลยีจาก 3.5จี เป็น 3.9จี ทำได้ง่ายและใช้ต้นทุนน้อยกว่า เบื้องต้นคณะกรรมการ 3จี กำหนดมูลค่าคลื่นความถี่จากรูปแบบการให้ใบอนุญาต 3จีของ 69 ประเทศ กว่า 159 ใบอนุญาต อยู่ที่ 80% หรือราคาประมาณ 1-1.3 หมื่นล้านบาท คิดจากมูลค่าคลื่นความถี่จริง สำหรับประเทศไทย คาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท กรรมการ กทช. กล่าวด้วยว่า วาระที่คณะกรรมการ 3จี จะนำเสนอให้กทช.พิจารณา ประกอบด้วย คลื่นความถี่ที่จะให้ใบอนุญาต จำนวนใบอนุญาต วิธีการอนุญาต มูลค่าใบอนุญาต กระบวนการอนุญาต และสิทธิ หน้าที่ เงื่อนไขผู้รับใบอนุญาต โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้
            • การประมูลใบอนุญาตจะต้องเกิดขึ้นในเดือน กย 53 นี้ มิเช่นนั้นอาจต้องรออีก 1-2 ปี เพราะปลายปีจะมีการออก กม. การควบรวม กทช และ กสช เป็น กสทช ทำให้คณะทำงานการออกใบอนุญาต 3G เป็นโมฆะไป ซึ่งจะต้องใช้เวลา 1-2 ปีกว่า กสทช จะลงตัวพร้อมดำเนินงานเรื่องการออกใบอนุญาตต่อ
            • 23 ก.ย. ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งศาลให้ กทช. ระงับการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน 2.1 GHZ หรือ 3G ต้องรอกฎหมายเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เสร็จคาดว่าภายในปีนี้ เพราะเมื่อมี กสทช.แล้วก็ต้องกฎหมายเกี่ยวกับกิจการโทรคมนามตามมาอีก ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร
            • หลังพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม หรือ พ.ร.บ.กสทช. ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ล่าสุดเมื่อ19 ธ.ค. 2553 มีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว และภายใน 180 วัน จะมีการตั้งคณะกรรมการ กสทช. เพื่อทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติคลื่นความถี่ โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์ 3G บนเครื่อง 2.1 กิกกะเฮิร์ทซ  นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวว่า หลัง พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ ทำให้ กทช.ต้องรักษาการเป็น กสทช.และต้องทำหน้าที่ที่ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ดังกล่าว  เลขาธิการกทช. (ในฐานะเลขาธิการ กสทช.) ยังมีประกาศเรื่องการเปลี่ยนแปลงสำนักงานกสทช. ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ หนี้ พนักงานและลูกจ้าง และเงินงบประมาณ ของสำนักงาน กทช. ไปเป็นของสำนักงาน กสทช. ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2553 เป็นต้นไป (โดยความในมาตรา 56 มาตรา 60 และมาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื้นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ได้บัญญัติให้มีสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) โดยมี เลขาธิการ กสทช.รับผิดชอบงานของสำนักงาน กสทช. และให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ หนี้ พนักงานและลูกจ้าง และเงินงบประมาณ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่มีอยู่ไปเป็นของสำนักงาน กสทช. ดังนั้นในการติดต่อกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาตินับตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2553 ขอให้ติดต่อกับสำนักงาน กสทช. เลขที่ 87 ถนนพฤลโยธิน ซอย 8 (ซอยสายลม) แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400 โทร. 022710151-60 ซึ่งเป็นที่ทำการเดิมของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งขาติต่อไป") 'ถ้าตลาดมีการแข่งขันที่สมบูรณ์แล้ว กสทช. ก็จะลดความสำคัญลง ถ้าตรงไหนที่ไม่เสรีและเป็นธรรม กสทช.ก็จะเข้าไปจัดการ สิ่งที่สำคัญคือการปฏิบัติหน้าที่ตามพ.ร.บ.ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้มีองค์กรกำกับดูแลเพียงองค์กรเดียว'
            • กสท. โทรคมนาคม เจ้าของสัมปทานสั่งระงับบริการ "dtac 3g" เหตุเพราะ Dtac นำ 850 MHz มาให้บริการเชิงพาณิชย์เพราะไม่มีคำว่า "ฟรี" อยู่ใน http://www.dtac.co.th/iphone/plan/index.html ในขณะที่ True มีดังปรากฎใน http://www.truemove.com/3g/3g_mifi.html
            • เมื่อเวลา 17.30น. ของวันที่ 16 ตุลาคม 2555 กสทช แถลงข่าวสรุปผลการประมูล3G และทั้ง 3 บริษัทผู้ร่วมประมูล ได้เลือกช่วงความถี่เรียบร้อยแล้ว ผลการเคาะประมูลปรากฎว่า ใบที่สูงสุด 4,950 ล้านบาท โดย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AIS)  เสนอราคาสูงสุด 14,625 ล้านบาท บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด  (dtac) และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด (true) เสนอราคาเท่ากันคือ 13,500  ล้านบาท สิทธิในการเลือกย่านความถี่ตามลำดับ คือ AIS , True และ Dtac  (ทั้งนี้บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด (true ) เป็นผู้จับสลากได้เลือกย่านความถี่ก่อน dtac) สรุปการเลือกช่วงคลื่นความถี่:
              • บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด เลือกย่าน 1920 MHz – 1935 MHz และ 2110 MHz – 2135 MHz 
              • บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด เลือกย่าน  1935 MHz – 1950 MHz และ 2125 MHz – 2140 MHz 
              • บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด  เลือกย่าน 1950 MHz – 1965 MHz และ 2140 MHz – 2155 MHz  ซึ่งเป็นช่วงคลื่นกลางๆ ของ 3G spectrum ถัดไปคือช่วงคลื่นของ TOT ประกบอยู่ เพื่อลดสัญญาณรบกวนกับ Spectrum อื่นที่ไม่ใช่ 3G
            ทำความรู้จัก 3G
            • 1G คือระบบ Analog เสียงจะแหลมกว่าระบบ Digital ชุด Handset หนัก 1 กก (รุ่น 470 ให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลายโดยองค์การโทรศัพท์ฯ) รับส่งข้อความไม่ได้
            • 2G คือระบบ Digital นอกจากเสียงแล้วยังรับส่งข้อความได้ที่ความเร็วประมาณ 200 Kbps
            • 3G เหมือน 2G แต่เร็วกว่าประมาณ 10X  จึงรับส่งข้อมูลมัลติมีเดียได้ด้วย เหมาะสำหรับการประยุกต์ใช้งานด้าน E-learning, GPS, Telemedicine, Remote Home-Security Monitoring และล่าสุดถ่ายทอดทาง Skynews เป็นการใช้ซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนมือถือ iPhone ทำหน้าที่เป็น Remote controller ในการควบคุมการเคลื่อนที่ของรถยนต์ตำรวจไร้คนขับ เครื่อง hanset ส่วนใหญ่ที่มีกล้องอยู่ด้านหน้าจะรองรับระบบ 3G แล้วเพราะใช้สำหรับทำ Video call ซึ่งต้องอาศัย 3G
            ประโยชน์ของ 3G
            1. การขยายโครงสร้างพื้นฐานของระบบ 3G ง่ายกว่าการเดินสายโทรศัพท์มาก เพราะอย่างหลังต้องขออนุญาต อบต อบจ ฯ (เนื่องด้วยการปกครองแบบกระจายอำนาจ) ในขณะที่อย่างแรกสามารถติดตั้งเสารในโรงเรียน หรือที่ๆ เหมาะสมได้
            2. 3G ที่ไทยกำลังจะใช้เป็นคลื่นความถี่ 2.1 GHz จึงใช้กำลังส่งต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องมะเร็ง เพราะคลื่นความถี่สูงทำให้ต้องติดตั้งเสาสัญญาณใกล้ๆ กันจึงใช้กำลังส่งที่ต่ำได้ ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยี 3G ระบบ 2.6 GHz
            3. การลงทุน 3G ของโอเปอร์เรเตอร์ไทย จะใช้งบประมาณสองหมื่นห้าพันล้านบาทต่อเจ้าต่อปี ดังนั้นสำหรับใบอนุญาตที่จะประมูลกัน 4 ไลเซนส์ รัฐจะได้ประโยชน์ในรูปแบบภาษีนำเข้ากับภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าเทคโนโลยี (ประมาณสองหมื่นห้าพันล้านบาทต่อเจ้า) และค่าไลเซนส์ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการจ้างแรงงานเพื่อสร้างโครงข่ายซึ่งจะใช้เวลาประมาณสิบปีจึงครอบคลุมทั้งประเทศ เงินจ้างดังกล่าวจะเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจโดยไหลจากผู้รับจ้างไปยังอาชีพอื่นๆ เช่นอาชีพที่เกี่ยวกับปัจจัยสี่ เป็นการกระจายรายได้ ช่วยสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจของคนไทยด้วยกันเอง และในระหว่างการสร้างโครงข่ายนี้เองจะทำให้ผู้ให้บริการ 2G อย่าง TOT ยังได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการ Roaming ก่อนที่จะถูกแย่งฐานลูกค้าในระยะยาว กล่าวคือถ้าผู้ใช้นำมือถือระบบ 3G ไปใช้ในจังหวัดที่ยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน 3G เช่น อยุธยา ก็ต้องทำ Roaming โดยมาเกาะที่ระบบเครือข่าย 2G เพื่อให้ใช้งานได้ มิได้ทำให้ TOT กับ CAT สูญเสียลูกค้าอย่างรวดเร็วแต่อย่างใด (TOT & CAT เป็น Telco ที่เป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของไทย และเป็นผู้ให้สัมปทานโอเปอร์เรเตอร์ในไทยในการเข้าใช้โครงข่ายดังกล่าว) ดังที่ได้พยายามออกมาคัดค้านการประมูลดังกล่าว ความจริงทั้ง TOT และ CAT ได้คลื่นความถี่สำหรับ 3G ไปตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่นำไปสร้างประโยชน์เท่าที่ควร โดยเฉพาะ TOT
            ข้อควรพิจารณาของ 3G
            1. ในอเมริการมีองค์กร CFIUS คอยควบคุมกิจการที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ รวมถึงกิจการอินเทอร์เน็ตและ 3G ประเทศไทยควรพิจารณาประเด็นนี้เช่นกัน
            2. ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ควรใช้เทคโนโลยี 3G เมื่อมีความพร้อมเชิงเศรษฐกิจและเล็งเห็นว่าจะก่อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมให้แก่ตัวผู้บริโภคเอง
            3. กทช ได้มีการควบคุมประเด็นการมีอำนาจเหนือตลาดหรือการผูกขาดโดยกำหนดให้เครือข่ายใหม่ของโอเปอร์เรเตอร์รายใหญ่ต้องยอมให้เครือข่ายย่อยของโอเปอร์เรเตอร์รายย่อยมาเชื่อมต่อเพื่อเป็นทางผ่านไปยังเครือข่ายย่อยอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีการควบคุมเรื่องราคาค่าบริการถ้ามีการละเมิดจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตทันทีทำให้โครงสร้างพื้นฐาน 3G ที่ได้ลงทุนไปสูญเปล่า
            4. ตาม พรบ การประกอบกิจการโทรคมนาคม พศ 2544 กำหนดใบอนุญาตเป็นสามประเภท 1) Internet 2)แบบมีและไม่มีโครงข่าย และ 3) แบบมีโครงข่ายซึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตห้ามเป็นต่างด้าว (DTAC & AIS จะถูกกีดกันไปโดยปริยาย) กรณี 3G เป็นประเภทที่สาม ต่างชาติจึงไม่สามารถมายึดครองพื้นที่ 3G ของไทยได้
            --อ้างอิงจากนิตยสาร Marketeer, Manager Online, บทให้สัมภาษณ์ทางวิทยุรัฐสภาของคุณอนันต์ วรธิติพงศ์ (สมาชิกวุฒิสภา & อดีตนายกสมาคมโทรคมนาคม) และ พลตำรวจตรีเกริก กัลยาณมิตร (ส.ว.สรรหา) และนสพ.ฐานเศรษฐกิจ, นสพ.เดลินิวส์, นสพ.มติชน

            ประโชน์ของการประมูล 3G --กรุงเทพธุรกิจ

            LTE advance เป็นเทคโนโลยี 4g ความเร็ว 3 Gbps downstream และ 1.5 Gbps upstream ใช้เสาอากาศ 8 เสาในอุกรณ์พกพา เช่น Galaxy 4 ส่วน cell site ทำหน้าที่เป็น internet gateway
            เริ่มติดตั้งใช้งานแล้วโดยบาง Carrier (บ้านเราเรียกว่า operator) ในอเมริกาเหนือ



            วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

            จัดอันดับมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2009

            1. อันดับ 1 นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ กระทิงแดงที่มีเครือข่ายทั่วโลก มีทรัพย์สินรวม 4,000 ล้านเหรียญ หรือ ราว 136,000 ล้านบาท
            2. อันดับ 2 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กิจการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี.) มีทรัพย์สินรวม 3,000 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ  102,000 ล้านบาท
            3. อันดับ 3 ตระกูล จิราธิวัฒน์ เจ้าของห้างค้าปลีกในเครือเซ็นทรัล ได้แก่ เซ็นทรัล เซ็นทรัลเวิร์ล โรบินสัน พาวเวอร์บาย โอมเวิร์ค ธุรกิจโรงแรมในเครือเซ็นทรัล และ ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกิจการค้าปลีก บิ๊กซี (BigC) มีทรัพย์สินรวม 2,900 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 98,600 ล้านบาท
            4. อันดับ 4 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อน้ำเมาเมืองไทย เจ้าของและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ เบียร์ช้าง อาชา สุราขาว และ สุราสี อีกหลายี่ห้อในไทย มีทรัพย์สินรวม 2,800 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 95,200 ล้านบาท
            5. อันดับ 5 นายกฤตย์ รัตนรักษ์ และ ครอบครัว รัตนรักษ์ เจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์ และ วิทยุ จำกัด (BBTV) หรือ ช่อง 7 สี ตลอดจนบริษัทในเครือช่อง 7 ปัจจุบันตำรงตำแหน่งประธานกรรมการช่อง 7 สี (CEO) นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ผู้ถือหุ้น บริษัท ปูนซิเมนต์ นครหลวง มีทรัพย์สินราว 1,200 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 40,800 ล้านบาท
            6. อันดับ 9 นายวิชัย มาลีนนท์ และ ครอบครัว มาลีนนท์ เจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท บีอีซี เวิร์ล จำกัด (มหาชน) และ บริษัทย่อย รวม 23 บริษัท ผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 อสมท. หรือช่อง 3 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดด้านเม็ดเงินโฆษณาในปี 2009 สูงสุดติดต่อกัน 8 เดือน มีทรัพย์สินรวม 650 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 22,100 ล้านบาท
            7. อันดับ 12 นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 หรือช่อง 7 สี และถือหุ้นใหญ่ในช่อง 7 สี เป็นลำดับ 2 ซึ่งเป็นการถือหุ้นต่อมาจาก บิดา มารดา และ พี่ชาย ซึ่งร่วมก่อตั้งช่อง 7 สี มากับ ตระกูล รัตนรักษ์ (อันดับ 5) มีทรัพย์สินรวม 460 ล้านเหรียญ หรือราว ๆ 15,640 ล้านบาท (นางสุรางค์ สมรสกับ ดร.ไพโรจน์ เปรมปรีดิ์ อดีต คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหิดล ปัจจุบันทั้ง 2 ท่านไม่มี บุตร ธิดา ด้วยกัน)
            8. อันดับ 8 นายอิสระ ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มน้ำตาลทรายมิตรผล มีทรัยพ์สิน 900 ล้านเหรียญ หรือ ราว 30,600 ล้านบาท ธุรกิจน้ำตาล ก็รวยกันไม่เบาเลย
            9. อันดับ 16 พันตำรวจโท ทักษิณ ชิณวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหนีคดีอยู่ต่างประเทศ มีทรัพย์สินที่ตรวจสอบพบ รวม 390 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ  13,260 ล้านบาท
            --forbes

              Life Insurance Market Shares (2552)

              1. เอไอเอ 33.2%
              2. ไทยประกันชีวิต 14%
              3. เมืองไทยประกันชีวิต 8.6%
              4. ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ 7.8%
              5. กรุงเทพประกันชีิวิต 7.7%
              คำนวณจากมูลค่าเบี้ยรับรวม โดย นสพ ฐานเศรษฐกิจ

              วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              วิเคราะห์อาการโอ้อวด (สาเถยยะ)

              • การอวดที่เป็นกุศลธรรม เช่น เห็นธรรมชาติที่สวยงามเกิดฉันทะความพอใจ จึงต้องการเผื่อแผ่ด้วยการพยายามชักชวนผู้อื่นให้มาดูมาเห็นเพื่อให้มีความรู้สึกที่ดี
              • การอวดที่เป็นอกุศลธรรม เช่น เมื่อตนเกิดความสำเร็จประการใดหรือมีสิ่งที่ตนคิดว่าดี และรู้สึกอยากให้ผู้อื่นรับรู้เพื่อสนองตัณหาตนเองในแง่ที่ว่าทำให้ตนเองรู้สึกเป็นผู้มีคุณค่าสูงส่งเหนือกว่าผู้อื่น ผลกระทบที่มักเกิดขึ้นกับผู้รับรู้หากไม่ใช่มุทิตาจิตความยินดีก็จะเป็นความอิจฉาและความรู้สึกเศร้าหมองว่าตนต่ำต้อยกว่า ฉันทะถูกทำลาย หรือแม้แต่ก่อให้เกิดการตอบสนองกลับด้วยการดูถูกหรือโม้ข่มเพื่อกลบความรู้สึกมีปมด้อยของตน วิธีแก้ควรเป็นการฝึกสร้างสันโดษ (ความยินดีของของตน ยินดีตามมีตามได้) และมุทิตาในฝั่งคนฟังคนดู และไม่ช่วยกันส่งเสริมนิสัยขี้อวดขี้โม้นี้ในฝั่งคนมีดีโดยผู้ชื่นชมต้องไม่ชมจนเกินเลยไปเป็นการพะเน้าพะนอเพราะจะทำให้ขาดสติเกิดความถือมั่นในตัว เกิดตัณหาอยากได้คำพะนอ เมื่อใดมีดีต้องอวดเพื่อให้ได้ฟังคำพะนอหรือได้เห็นสายตาอิจฉา ผู้ใหญ่หลายคนปลูกฝังนิสัยแบบนี้ให้ลูกหลานโดยไม่รู้ตัวด้วยการชมลูกชมหลานเกินเหตุให้ผู้อื่นรับฟัง ส่วนใหญ่จะเป็นไปเพื่อสนองตัณหาตนเอง มิใช่ต้องการเผื่อแผ่ความดีงามให้ผู้อื่นคิดอย่างกุศลธรรม ทั้งยังเป็นการสร้างนิสัยเสียให้ลูกหลานที่ถูกชมต่อหน้า สร้างอกุศลจิตให้แก่ผู้รับฟังที่อ่อนการเจริญสติ หนังสือ "อธิบายธรรมในนวโกวาท" ได้แนะนำวิธีแก้สาเถยยะไว้ซึ่งให้แก้ด้วย สัปปุริสธรรม 7
              --วิเคราะห์ตามตำรา พุทธธรรม

              วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              โคมลอยที่เชียงใหม่

              ลอยในช่วงประเพณียี่เป็ง(ประเพณีลอยกระทงแบบล้านนาไทย)

              สุขกาย สุขใจ สุขสังคม

              สุขกาย ด้วยการออกกำลังกาย
              สุขใจ ด้วยธรรมะ
              สุขสังคม ด้วยการทำประโยชน์แก่สังคม นอกเหนือจากการสร้างความสุขให้ตนเอง

              สุขครอบครัว
              สุขเพื่อนฝูง

              วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              การค้าขาย กับ การเป็นลูกจ้าง

              บางคนมองการค้าขายเป็นการหาแสวงผลประโยชน์เข้าตนในขณะที่การเป็นลูกจ้างไม่ใช่
              อย่างไรก็ตามลูกจ้างก็อาจมีส่วนสนับสนุนการค้าขายดังกล่าว

              การเช่าซื้อ

               สัญญาเช่าซื้อ คือ สัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์ออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้น หรือจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้เช่า โดยมีเงื่อนไขผู้เช่าจะต้องใช้เงินเป็นงวดๆ
              เช่าซื้อต่างกับซื้อขายเงินผ่อน  กล่าวคือ เช่าซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อยังอยู่กับเจ้าของ (ผู้ให้เช่าซื้อ) จนกว่าผู้เช่าซื้อจะชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน เพราะผู้ให้เช่าซื้อนำทรัพย์สินออกให้เช่าโดยมีคำมั่นว่าจะขายเท่านั้น ดังนี้ในระหว่างยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบผู้เช่าซื้อเป็นเพียงผู้มีสิทธิครอบครองทรัพย์สินเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าของหากผู้เช่าซื้อนำทรัพย์สินที่เช่าซื้อไปขายหรือจำนำจะมีความผิดอางอาญา ส่วนการซื้อขายเงินผ่อน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินโอนไปยังผู้ซื้อทันที ฉะนั้นผู้ซื้อเป็นเจ้าของทรัพย์สินในทันทีแต่มีข้อตกลงเรื่องการชำระราคาผู้ขายยินยอมให้ผู้ซื้อผ่อนชำระราคาเป็นงวดๆ ได้ เช่น การผ่อนชำระรถยนต์

              World University Rankings 2009

              http://www.timeshighereducation.co.uk/hybrid.asp?typeCode=430&pubCode=1&navcode=105

              แก้พรบ.ลิขสิทธิ์ และ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า

              กระทรวงพาณิชย์เสนอให้ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ที่กำหนดเพิ่มความรับผิดของผู้ซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และความรับผิดของเจ้าของพื้นที่ที่ขายสินค้าละเมิด ซึ่งถือเป็นผู้สนับสนุนการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์
              1. ผู้ซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ีต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
              2. เจ้าของพื้นที่ที่ขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้ครอบครอง หรือผู้ใดให้ผู้อื่นใช้อาคารหรือพื้นที่ของตนเองหรือผู้อื่น โดยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ถึงการกระทำของผู้ใดใช้อาคารหรือพื้นที่นั้นเพื่อกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น โดยการทำซ้ำ ผลิต ขาย หรือมีไว้เพื่อขาย เสนอขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือเสนอให้เช่าซื้อ ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดตาม พ.ร.บ.นี้เช่นกัน โดยต้องระวางโทษปรับ ตั้งแต่ 30,000-300,000 บาท ทั้งนี้ ให้รวมไปถึงผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่นด้วย
              กระทรวงพาณิชย์ยังเสนอขอความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า เพื่อกำหนดความรับผิดของผู้ซื้อสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า และความรับผิดของเจ้าของพื้นที่ที่ขายสินค้าละเมิด
              1. ผู้ซื้อสินค้า โดยรู้อยู่แล้ว หรือมีเหตุอันควรรู้ว่าสินค้านั้นมีเครื่องหมายการค้าปลอม เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท เว้นแต่เป็นการซื้อโดยเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นเอง เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดี หรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการ
              2. ผู้ครอบครอง อาคาร หรือผู้ใดให้ผู้อื่นใช้อาคารหรือพื้นที่ของตนเองหรือผู้อื่น โดยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ถึงการกระทำของผู้ใช้อาคารหรือพื้นที่นั้นเพื่อผลิต จำหน่าย เสนอจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่าย สินค้าที่มีเครื่องหมายปลอมของบุคคลอื่น ที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรหรือเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท ทั้งนี้ ให้รวมทั้งผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่นด้วย

              วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              นิกายในพระพุทธศาสนา

              1. เถรวาท เป็นนิกายที่เก่าแก่ที่สุดในศาสนาพุทธ มีอีกชื่อหนึ่งว่า หินยาน หรือ หีนยาน นิกายเถรวาทเป็นนิกายหลักที่ได้รับการนับถือในประเทศศรีลังกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พุทธศาสนานิกายเถรวาทในประเทศไทยยังได้แบ่งเป็นนิกายย่อยอีก 2 นิกาย คือ
              • มหานิกาย เป็นพระสงฆ์ส่วนใหญ่ในประเทศไทย เป็นฝ่ายคันถธุระ (แปลว่า งานด้านการเล่าเรียน, งานเกี่ยวกับคัมภีร์หรือตำรา) 
              • ธรรมยุตินิกาย เป็นฝ่ายวิปัสสนาธุระ (แปลว่า งานด้านบำเพ็ญวิปัสสนกรรมฐาน) มีความเข้มงวดตามพุทธบัญญัติ ให้พระภิกษุสงฆ์มีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดถูกต้องตามพระวินัยปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม
              2. มหายาน หรือ อาจริยวาท หรือ อุตตรนิกาย เป็นนิกายหนึ่งในพุทธศาสนาที่นับถือกันอยู่ประเทศแถบตอนเหนือของอินเดีย เนปาล จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม มองโกเลีย ไปจนถึงบางส่วนของรัสเซีย นิกายย่อยของมหายานในญี่ปุ่น คือ นิกายเซน เป็นต้น วัดจีนในไทย เช่น วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) ก็เป็นมหายาน จะมีการไว้คิ้วได้ บางนิกายย่ิอยอนุญาตให้แต่งงานได้
              • วัชรยาน หรือ มหายานพิเศษ ปัจจุบันมีใน อินเดียบริเวณลาดักในรัฐชัมมูและกัษมีร์ และในรัฐสิกขิม ประเทศเนปาล ภูฏาน ปากีสถาน มองโกเลีย และ เขตปกครองตนเองทิเบต

              วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              บรรษัทบริบาล vs. บรรษัทภิบาล

              บรรษัทบริบาล (Cooperative Social Responsibility; CSR) หมายถึง การดำเนินธุรกิจด้วยความสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม มาจากคำว่า บรรษัท (บริษัท) + บริ (แปลว่า ทั้งหมด ออกไป โดยรอบ) + บาล (แปลว่า การปกครอง การรักษา) หมายถึง การดูแลรักษาไม่เฉพาะในส่วนที่เป็นกิจการ แต่ยังแผ่ขยายกว้างออกไปครอบคลุมในส่วนที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด ที่อยู่โดยรอบกิจการ ด้วยเงื่อนไขของคุณธรรม และการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและนอกกิจการอย่างเท่าเทียมกัน ในอันที่จะทำให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข [สรุป: การปกครองผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทบนพื้นฐานของจริยธรรม]

              บรรษัทภิบาล (Corporate Governance) หรือการกำกับดูแลกิจการที่ดี มาจากคำว่า บรรษัท + อภิ (แปลว่า เฉพาะ ข้างหน้า ยิ่ง) + บาล หมายถึง การกำกับดูแลกิจการให้เจริญรุดหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเงื่อนไขของความถูกต้องโปร่งใส การมีจริยธรรมที่ดี โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียในกิจการเป็นหลัก [สรุป: การขับเคลื่อนบริษัทบนพื้นฐานของจริยธรรม]

              Symphony orchestra

              Full-size orchestra about 100 players. มีการแสดงฟรีเป็นประจำโดย วงซิมโฟนีออร์เคสตราแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครั้งถัดไปวันที่ 26 ตค 2552 19:00 ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

              Dwarfs standing on the shoulders of giants

              Is a Western metaphor meaning "One who develops future intellectual pursuits by understanding the research and works created by notable thinkers of the past".
              Isaac Newton famously remarked this metaphor in a letter to his rival Robert Hooke "If I have seen a little further it is by standing on the shoulders of Giants." Hooke and Newton had exchanged many letters in tones of mutual regard...

              เครดิตบิวโร (Credit Bureau)

              เป็นธุรกิจข้อมูลเครดิตซึ่งทำการรวบรวมข้อมูลประวัติการชำระสินเชื่อ และการชำระบัตรเครดิตของบุคคลจากสถาบันการเงินหลายๆ แห่ง เช่น ธนาคารพาณิชย์ หรือผู้ให้บริการสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต โดยเมื่อลูกค้าให้ความยินยอมให้สถาบันการเงินตรวจสอบข้อมูลการชำระสินเชื่อ และการชำระบัตรเครดิตของตนในขณะที่ยื่นขอสินเชื่อแล้วนั้น สถาบันการเงินก็สามารถจะเรียกดูข้อมูลดังกล่าวจาก Credit Bureau เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้--http://www.ncb.co.th

              มหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย

              มีทั้งหมด 39 แห่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ 37 แห่ง เอกชน 2 แห่ง

              ตลาดขึ้นชื่อประจำจังหวัด

              เชียงใหม่-ตลาดวโรรส
              สงขลา-ตลาดกิมหยงในหาดใหญ่
              สุพรรณบุรี-ตลาดร้อยปี หรือตลาดสามชุก (อำเภอ สามชุก)
              ชลบุรี-ตลาดหนองมน
              ฉะเชิงเทรา-ตลาดบ้านใหม่
              สมุทรปราการ-ตลาดคลองสวน 100 ปี
              มุกดาหาร-ตลาดอินโดจีน

              วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              Suvarnabhumi Airport Rail Link (SARL)

              เส้นทางให้บริการ
              http://www.railway.co.th/sarl/images/map_SAL.jpg
              http://www.railway.co.th/sarl/images/map.gif

              ข้อมูลเพิ่มเติม
              http://www.railway.co.th/sarl/

              วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              กฎหมายเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ

              ประกาศกระทรวงสาธารณสุข(ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๕๐
              เรื่อง การคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และกำหนดส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของสถานที่สาธารณะดังกล่าวเป็นเขตสูบบุหรี่หรือเขตปลอดบุหรี่

              มีสาระน่าสนใจดังนี้
              • ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มเฉพาะบริเวณที่มีระบบปรับอากาศ (รวมถึง ผับ บาร์ และสถานบริการอื่นๆ) จะเป็นเขตปลอดบุหรี่ประเภทที่ 1 คือ ปลอดบุหรี่ร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยไม่มีข้อยกเว้น
              • ส่วนร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มบริเวณที่ไม่มีระบบปรับอากาศ กับสถานที่ทำงานของเอกชนบริเวณที่มีระบบปรับอากาศทั้งหมด ก็จะต้องเป็นเขตปลอดบุหรี่เช่นเดียวกัน แต่สามารถจัดเขตสูบบุหรี่ให้กับผู้ใช้บริการได้ เหมือนที่ท่าอากาศยาน หรือในสถานที่ราชการ (ซึ่งการจัดเขตสูบบุหรี่ก็จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2540)

              นอกจากนี้ ประกาศฉบับนี้ยังได้เพิ่มสถานที่สาธารณะแห่งใหม่ที่ประกาศกำหนดให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ คือ “ตลาด” หรือ “สถานที่ที่จัดไว้ให้ผู้ค้าเป็นที่ชุมนุม เพื่อจัดแสดง จำหน่าย หรือแลกเปลี่ยนสินค้า หรือบริการ ซึ่งจัดเป็นประจำหรือเป็นชั่วคราวหรือตามวันที่กำหนด” ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ประเภทที่ 2 คือ ประเภทที่สามารถจัดเขตสูบบุหรี่ให้กับผู้ใช้บริการได้ (เช่นเดียวกับร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มบริเวณที่ไม่มีระบบปรับอากาศ หรือสถานที่ราชการ)

              บทบังคับ: ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษปรับตามกฎหมาย โดยเจ้าของผู้ดูแลสถานที่ มีโทษปรับ 20,000 บาท ส่วนประชาชนที่สูบในเขตห้ามจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

              มีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป

              วัดที่มีเจดีย์มากทีุ่สุดในประเทศไทย

              วัดโพธิ์

              วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              Nasa's Spitzer Space Telescope discovers eighth ring around Saturn

              กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ ของสำนักงานบริหารการบิน และอวกาศสหรัฐ ค้นพบวงแหวนดาวเสาร์ ขนาดใหญ่ที่สุด แต่กลับไม่เคยมีใครได้เคยเห็นมันมาก่อน ห้องปฏิบัติการณ์การขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เจ็ตของนาซ่า ระบุว่า วงแหวนบางๆที่ประกอบด้วยเศษน้ำแข็งและอนุภาคของฝุ่นที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ อยู่ห่างออกมาจากดาวเสาร์มาก และมันล้อมรอบดาวเสาร์เป็นแนวเฉียง 27 องศา ตัดกับวงแหวนหลักของดาว วงแหวนนี้มีการกระจายตัวออกไปอย่างมาก และไม่สะท้อนแสงที่มองเห็นได้ แต่ระบบอินฟราเรดของกล้องโทรทรรศน์สปิตเซอร์ สามารถตรวจพบมันได้ เพราะแม้อุณหภูมิของวงแหวนนี้จะหนาวเย็นมากถึง ลบ 316 องศาฟาเรนไฮท์ มันก็ยังส่องประกายออกมาเมื่อเจอกับรังสีความร้อน แต่ที่ไม่มีใครพบมันก่อนหน้านี้ ก็เพราะไม่มีใครใช้รังสีอินฟราเรดตรวจหามันในจุดที่มันตั้งอยู่ แถบวงแหวนเริ่มต้นที่บริเวณที่ห่างจากดาวเสาร์ 5 ล้าน 9 แสน 5 หมื่นกิโลเมตร และกระจายตัวเรื่อยไปจนถึงระยะห่างจากดาว 7 ล้าน 4 แสนกิโลเมตร ซึ่งมีขนาดพอๆ กับดวงจันทร์เมื่อสังเกตการณ์จากโลก ก่อนหน้านี้ นักดาราศาสตร์พบว่า ดาวเสาร์มีวงแหวนหลัก 7 วง มีชื่อตั้งแต่ เอ ถึง อีนอกจากนั้นก็ยังมีวงแหวนเล็กๆอีกมากมาย

              วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง” ตัดตอนจากข้อมูลที่รวบรวมโดยทีม Policy Watch คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์

              ผศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในทีม Policy Watch ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันโครงสร้างการจัดเก็บภาษีโดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 3 ฐานภาษี ได้แก่ ฐานรายได้ ฐานการบริโภค และฐานทรัพย์สิน โดยที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีการจัดเก็บภาษีจากฐานทรัพย์สินหรือที่เรียกว่า “ภาษีทรัพย์สิน” เลย โดยเฉพาะในรูปที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งสะท้อนถึงความมั่งคั่งของผู้ครอบครอง จึงก่อให้เกิดปัญหาหลายด้าน เช่น ปัญหาการกระจายรายได้ และการกระจุกตัวของการถือครองที่ดิน

              โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีเพียงการจัดเก็บภาษีที่เรียกว่า “ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่” ที่ถือว่าเป็นภาษีที่เกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จัดเก็บจากฐานรายได้และมูลค่าที่ดินที่ไม่เป็นปัจจุบันและมีการรั่วไหล เป็นเหตุผลให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีที่ดินใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทีม Policy Watch เห็นว่าเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวม ลดปัญหาการกระจุกตัวของการถือครองที่ดินของคนเพียงกลุ่มเดียว หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

              ข้อบกพร่องของภาษีเดิม คือ ภาษีโรงเรือนฯ คำนวณภาษีบน “ฐานรายได้” หรือที่เรียกกันว่า “ค่ารายปี” ในสัดส่วน 12.5% มิใช่บน “ฐานความมั่นคั่ง” อีกทั้ง ยังใช้ดุลพินิจ จนทำให้เกิดการรั่วไหลของภาษีได้ง่าย การยกเว้นภาษีจนทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน กลายเป็นปัญหาในการบริหารจัดการ และอัตราภาษีที่สูงอย่างค่ารายปี 12.5% ยังทำให้เกิดการเลี่ยงภาษีมากขึ้นอีกด้วย

              ขณะที่ภาษีบำรุงท้องที่ ใช้อัตราภาษีถดถอย ถ้าราคาที่ดินยิ่งสูงขึ้น อัตราภาษีจะต่ำ ทำให้จัดเก็บรายได้ได้ต่ำ รวมถึง ราคาปานกลางยังล้าสมัย เพราะคิดจากฐานเดิมเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

              หลักการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ระบบภาษีใหม่ ภาระภาษีจะตกอยู่กับคนในระดับบนมากกว่าคนในระดับล่าง ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขยายฐานภาษีรายรับเพิ่มขึ้น โดยพรบ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราการจัดเก็บเป็นเพดานสูงสุด ดังนี้ ที่ดินในเชิงพาณิชย์ อัตราไม่เกิน 0.5% ของฐานภาษี ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย อัตราไม่เกิน 0.1% และที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อัตราไม่เกิน 0.05% ของฐานภาษี โดยจะมีคณะกรรมการกลางประเมินอัตราภาษี ทุก 4 ปี

              หลายคนอาจมีคำถามว่า แล้วสังคมจะได้อะไร? จากการเปลี่ยนแปลงระบบภาษีทรัพย์สินรูปแบบใหม่ ผศ.ดร.ดวงมณี อธิบายว่า การคำนวณภาษีจากฐานทรัพย์สิน จะก่อให้เกิดความเป็นธรรม ลดการรั่วไหลของภาษี อัตราภาษีไม่ถดถอย ท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น การใช้ประโยชน์ที่ดินมีประสิทธิภาพ ขยายฐานภาษี เพิ่มรายรับภาษี และยังช่วยให้เกิดการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง

              นอกจากนี้ ผศ.ดร.ดวงมณี ยังกล่าวถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำและการกระจุกตัวของการถือครองที่ดินในประเทศไทย ในหลายจังหวัดมีปัญหาการกักตุนที่ดินในกลุ่มของนักการเมือง หรือนายทุนต่างๆ เช่น ภูเก็ต กลุ่มคน 50 คนถือครองที่ดินในภูเก็ตรวมกว่า 14.23% หมายถึง ที่ดิน 14.23% ของทั้งจังหวัด อยู่ในมือคนเพียง 50 คน ดูจากสัดส่วนอาจมองเห็นเป็นตัวเลขไม่เยอะ แต่หากดูเป็นจำนวนที่ดินจริงๆ แล้วไม่น้อยทีเดียว หรือในกรุงเทพฯ ก็ดี ที่ดิน 10.07% ของทั้งหมด อยู่ในมือกลุ่มคน 50 คนเช่นเดียวกัน

              หลักการทำสมาธิเบื้องต้น--สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

              • ความหมายของสมาธิ คือ ตั้งใจมั่นอยู่ในเรื่องที่ต้องการเพียงเรื่องเดียว ไม่คิดฟุ้งซ่านออกไป และต้องมีในกิจการทุกอย่าง
              • วัตถุประสงค์ สมาธิต้ิองมีการหัดให้แข็งแรง เพราะสมาธิที่มีอยู่ตามธรรมดายังไม่พอ ดิ้นรนกวัดแกว่งง่าย หวั่นไหวไปตามอารมณ์ที่เกิดจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หรืออาตยนะทั้งหก วัตถุประสงค์ของการหัดทำสมาธิคือ 1) เพื่อฝึกใจให้มีพลังสมาธิมากขึ้นเพื่อใช้ประกอบการงานที่พึงจะทำให้ดีขึ้น 2) เพื่อระงับอารมณ์และกิเลสที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ผู้ฝึกสมาธิดีแล้วจะระงับใจได้ดี ไม่ลุอำนาจของอารมณ์ของกิเลส ความรัก ความชัง ความหลง สามารถสงบใจตัวเองได้ ไม่มาเป็นอันตรายต่อการเรียน การงาน กฎหมายศีลธรรม เพราะเมื่อจิตประกอบด้วยราคะหรือโลภะ โทสะ โมหะ แล้วก็เป็นจิตที่ลำเอียง ไม่รู้อะไรตามจริง สันนิษฐานให้ถูกตามจริงก็ไม่ได้ กล่าวคือเมื่อจิตมีราคะหรือโลภะอันเป็นกิเลสให้ยึดติดในฝ่ายที่ชอบ เมื่อชอบสิ่งใดแล้วก็ย่อมลำเอียงไปในสิ่งนั้น เห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีโดยมาก เป็นการบังปัญญาคือความรู้เห็นตามความเป็นจริง
              • ประเภทของกรรมฐานมีสองแบบ คือ สมถกรรมฐาน แปลว่าที่ตั้งของการงานทางใจซึ่งจะทำให้สงบหรือเป็นสมถะ กับวิปัสนากรรมฐาน แปลว่าที่ตั้งของการงานทางใจอันทำให้เกิดวิปัสสนาคือความรู้แจ้งเห็นจริง ต้องดำเนินสมถกรรมฐานก่อนเพื่อให้จิตสงบจากราคะ จากนั้นดำเนินวิปัสนากรรมฐานเพราะจิตที่ปราศจากความลำเอียงจะพิจารณาดูอะไรจะเห็นแจ่มแจ้งตามจริง
              • วิธีการทำสมถกรรมฐาน
              1. นั่งขัดสมาธิหรือขัดบัลลังก์ขวาทับซ้ายหรือจะนั่งพับเพียงก็ได้สุดแล้วแต่ความสะดวก
              2. สร้างที่พึ่งของจิตใจเหมือนเป็นแผ่นดินสำหรับเหยีบ โดยการระลึกคุณพระรัตนตรัยคือ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้จริง พระธรรมเป็นทางปฏิบัติให้สิ้นกิเลสได้จริง และพระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติตามพระธรรมจนบรรลุผลได้จริง
              3. อธิฐานเบญจศีลเพื่อให้ศีลเกิดขึ้นในใจ โดยการตั้งจิตอธิษฐานงดเว้นการฆ่าสัตว์ การลักขโมย การประพฤติผิดในกาม การพูดจามุสา และการเสพสุราของมึนเมาอันเป็นที่เหตุแห่งความประมาท
              4. กำหนดที่ตั้งมั่นของใจ โดยสามารถตั้งไว้ที่กาย ที่เวทนา ที่จิต หรือที่ธรรมะ ในขั้นต้นให้ใช้ที่ตั้งกายโดยตั้งจิตไว้ที่ลมหายใจเข้าออก มีสติกำหนดลมหายใจหใ้รู้ว่าเข้าหรือออกที่ปลายจมูก จากนั้นกำหนดให้ละเอียดลงไป หายใจเข้ายาวก็ให้รู้ ออกยาวก็ให้รู้ ไม่ต้องบังคับลม เพียงให้รู้ จากนี้พระสูตรสอนให้สำเหนียกคือรู้กายทั้งหมดทั้งส่วนนามกายคือสติขณะนั้นเป็นอย่างไรและรูปกาย มีอิริยาบถอย่างไร จากนั้นหายใจเข้า และรู้กายทั้งหมดอีกครั้ง และหายใจออก จนจิตสงบ ลมหายใจจะละเอียดจนรู้สึกเหมือนไม่หายใจ แต่ไม่ต้องตกใจเพราะยังหายใจอยู่นั่นเอง กำจัดความยินดียินร้ายคือเมื่อประสบอารมณ์กรรมฐานที่น่ายินดีก็ต้องคิดว่านั้นเป็นสัญญาหรือของหลอกทั้งหมด ไม่ใช่ความจริง เมื่อปรากฎนิมิตน่ากลัวก็มีสติรู้ว่าของหลอกเช่นกัน ให้มีสติกลับมาอยู่ในที่ตั้งเสมอ การเจริญสมถกรรมฐานจะตันอยู่แค่นี้ ระดับสูงกว่านี้คือการฝึกวิปัสนากรรมฐาน (ข้อมูลเพิ่มเติมโดยสังเขป)
              • คำแนะนำทั่วไป การทำสมาธิต้องมีอาตาปะหรือความเพียร คือ ตั้งใจ และมีสัจจะไม่เหลาะแหละเรื่องกำหนดการทำสมาธิ มีสติคือความกำหนดรู้ระลึกอยู่ลมหายใจปลายจมูกให้มั่นไม่ปล่อยให้สติเลื่อนลอย มีสัมปชัญญะ คือ การตระหนักรู้หรือความรู้ตัวไม่เผลอหลับ
              จากการสนทนาระหว่างผู้เขียนกับพระอาพาธรูปหนึ่งที่ รพ.จุฬา ผู้ซึ่งเคยปฏิบัตินิโรธสมาบัติสามวันต่อเนื่องกันได้แนวปฎิบัติต่มาว่าหลังเจริญสมถกรรมถานจนนิ่งแล้วก็ให้ต่อด้วยวิปัสนากรรมฐานในขณะนั้นต่อเนื่องไปเลย ตอนปฎิบัติสมถกรรมฐานอาจต้องถวายชีวิตเพื่อให้ข้ามนิวรณ์ไปได้จนสลบไปหลายรอบฟื้นแล้วปฏิบัติต่อ ท่านเล่าต่อว่าเมื่อออกจากนิโรธสมาบัติจะรู้สึกหิวทันที

              วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              วิธีกันจน

              ยังไม่จน อยู่อย่างจน จะไม่จน
              ยังไม่รวย อยู่อย่างรวย จะไม่รวย

              วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

              รถไฟฟ้าโมโนเรลกทม.เชื่อมพื้นที่ทำเลทองแก้ปัญหาจราจร

              มี 8 เส้นทาง หนึ่งในนั้นคือ สายที่ 1 กทม2(ดินแดง)-ถนนเพชรบุรี-ถนนหลานหลวง สิ้นสุดที่ศาลาว่าการ กทม 1 เสาชิงช้า กำหนดให้บริการปี 2554

              1 ต.ค.เริ่มภาษีอีโคคาร์17%

              1 ต.ค. เริ่มต้นภาษีอีโคคาร์ 17 % ค่ายนิสสันเตรียมประกาศความพร้อมใช้ไทยเป็นฐานผลิตมาร์ชแทนญี่ปุ่นหวังส่งออกขายทั่วโลก สถาบันยานยนต์มั่นใจมีความต้องการรถประหยัดพลังงานจากทั่วโลก เพราะประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

              นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการ สถาบันยานยนต์ เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2552 รัฐบาลจะเริ่มประกาศภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์ ในอัตรา 17 % ซึ่งเป็นอัตราที่ลดต่ำมาก เมื่อเทียบกับรถยนต์นั่งทั่วไป ขนาดไม่เกิน 3,000 ซีซี ที่เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 30 % และรถยนต์นั่งที่มีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ที่เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 25 % โดยคาดว่า การประกาศภาษีอีโคคาร์ จะทำให้รถยนต์ในโครงการนี้ มีราคาถูกลง และจูงใจให้คนไทยหันมาซื้อรถยนต์ประหยัดพลังงานมากขึ้น หากมีบริษัทรถยนต์ผลิตรถยนต์ตรงตามเงื่อนไขของโครงการอีโคคาร์ ก็พร้อมจะจำหน่ายได้ทันที ในอัตราภาษีแค่ 17 %

              "อีโคคาร์คือรถเซ็กเมนต์ใหม่ที่มีอนาคต มีความต้องการทั่วโลกถึงปีละ 3 ล้านคัน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่เพียงพอที่ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอีโคคาร์ ปัจจุบันมีผู้สนใจร่วมโครงการ 6 ราย มีกำลังการผลิตรวมกันไม่น้อยกว่าปีละ 600,000 คัน ภายในเวลา 5 ปี รถยนต์ที่ผลิตได้จะมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำไม่น้อยกว่า 20 กม./ลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียเพียง 120 กรัม/กม. มาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4"--นสพ.ฐานเศรษฐกิจ

              วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

              วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (Temple of Dawn)


              สร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดมะกอก ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสิตมหาราชทรงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดแจ้ง หลังจากนั้นในสมัย ร.๒ ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า วัดอรุณราชธาราม และสมัย ร.๔ ว่าเป็นชื่อปัจจุบัน
              พระปรางวัดอรุณฯ และพระประธาน พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก สร้างในสมัย ร.๒

              การดูจิต (วิปัสนากรรมฐาน)

              คือ การมีสติรู้สภาวธรรมหรือปรมัตถธรรมที่กำลังปรากฏ
              เช่นเมื่อเกิดสภาวะบางอย่างขึ้นในจิต อันนี้เป็นปรมัตถธรรม
              ถัดจากนั้นก็จะเกิดสมมุติบัญญัติว่า นี้เรียกว่าราคะ
              สมมุติตรงนี้ห้ามไม่ได้ เพราะจิตเขามีธรรมชาติเป็นนักจำและนักคิด
              ผู้ปฏิบัติจึงไม่ต้องไปห้ามหรือปฏิเสธสมมุติบัญญัติ
              เพียงรู้ให้ทัน อย่าได้เผลอหรือหลงเพลินไปตามความคิดนึกปรุงแต่งนั้น
              หรือแม้แต่การหลงไปคิดนึกเรื่องอื่นๆ ด้วย
              แล้วให้เฝ้ารู้สภาวะ(ที่สมมุติเรียกว่าราคะนั้น)ต่อไป ในฐานะผู้สังเกตการณ์
              จึงจะเห็นไตรลักษณ์ของสภาวะอันนั้นได้

              ในทางกลับกัน ผู้ปฏิบัติที่ไปรู้สภาวะที่กำลังปรากฏ
              จะต้องไม่เพ่งใส่สภาวะนั้นด้วย
              เพราะถ้าเพ่ง จิตจะกระด้างและเจริญปัญญาไม่ได้
              แต่จิตจะ "จำ และจับ" สภาวะอันนั้นมาเป็นอารมณ์นิ่งๆ แทนการรู้สภาวะจริงๆ
              พึงให้จิตเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ เหมือนคนดูละคร ที่ไม่โดดเข้าไปเล่นละครเสียเอง
              จิตที่ทรงตัวตั้งมั่น นุ่มนวล อ่อนโยน ควรแก่การงาน
              โดยไม่เผลอและไม่เพ่งนี้แหละ คือสัมมาสมาธิ
              เป็นจิตที่พร้อมที่จะเปิดทางให้แก่การเจริญปัญญาอย่างแท้จริง

              คือเมื่อจิตมีสติ รู้ปรมัตถธรรม ด้วยความตั้งมั่น ไม่เผลอและไม่เพ่ง
              จิตจะได้เรียนรู้ความจริงของปรมัตถธรรมอันนั้นๆ 4 ประการ
              คือ (1) รู้สภาวะของมันที่ปรากฏขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป (รู้ตัวสภาวะ)
              (2) รู้ว่าเมื่อสภาวะอันนั้นเกิดขึ้นแล้ว
              มันมีบทบาทและหน้าที่อย่างไร (รู้บทบาทของสภาวะ)
              (3) รู้ว่าถ้ามันแสดงบทบาทของมันแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น (รู้ผลของสภาวะ)
              และเมื่อชำนาญมากเข้า เห็นสภาวะอันนั้นบ่อยครั้งเข้า
              ก็จะ (4) รู้ว่า เพราะสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว
              จึงกระตุ้นให้สภาวะอันนั้นเกิดตามมา (รู้เหตุใกล้ของสภาวะ)
              การที่จิตเป็นผู้สังเกตการณ์และเรียนรู้ หรือวิจัยธรรม (ธรรมวิจัย)
              อันนี้เองคือการเจริญปัญญาของจิต หรือสัมปชัญญะ หรือสัมมาทิฏฐิ

              ตัวอย่างเช่นในขณะที่มองไปเห็นภาพๆ หนึ่งปรากฏตรงหน้า
              จิตเกิดจำได้หมายรู้ว่า นั่นเป็นภาพสาวงาม
              แล้วสภาวธรรมบางอย่างก็เกิดขึ้นในจิต (ซึ่งเมื่อบัญญัติทีหลังก็เรียกว่า ราคะ)
              การรู้สภาวะที่แปลกปลอมขึ้นในจิตนั่นแหละคือการรู้ตัวสภาวะของมัน
              แล้วก็รู้ว่ามันมีบทบาทหรืออิทธิพลดึงดูด
              ให้จิตหลงเพลินพอใจไปกับภาพที่เห็นนั้น
              ผลก็คือ จิตถูกราคะครอบงำ
              ให้คิด ให้ทำ ให้อยาก ไปตามอำนาจบงการของราคะ
              และเมื่อรู้ทันราคะมากเข้า ก็จะรู้ว่า
              การเห็นภาพที่สวยงาม เป็นเหตุใกล้ให้เกิดราคะ
              จึงจำเป็นจะต้องคอยเฝ้าระวังสังเกต ขณะที่ตากระทบรูปให้มากขึ้น เป็นต้น

              ในส่วนตัวสภาวะของราคะเอง เมื่อผู้ปฏิบัติมีสติรู้อยู่นั้น
              มันจะแสดงความไม่เที่ยงให้เห็นทันที คือระดับความเข้มของราคะจะไม่คงที่
              มันตั้งอยู่ไม่นาน เมื่อหมดกำลังเพราะเราไม่ได้หาเหตุใหม่มาเพิ่มให้มัน (ย้อนไปมองสาว)
              มันก็ดับไป แสดงถึงความเป็นทุกข์ของมัน
              และมันจะเกิดขึ้นก็ตาม ตั้งอยู่ก็ตาม ดับไปก็ตาม
              ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยกำหนด ไม่ใช่ตามที่เราอยากจะให้เป็น
              นอกจากนี้ มันยังเป็นเพียงสิ่งที่ถูกรู้ ไม่ใช่ตัวเรา
              เหล่านี้ล้วนแสดงความเป็นอนัตตาของสภาวะราคะทั้งสิ้น

              ผลของการดูจิต และข้อสรุป
              จิตที่อบรมปัญญามากเข้าๆ ถึงจุดหนึ่งก็จะรู้แจ้งเห็นจริงว่า
              ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจิต เจตสิก กระทั่งรูป ล้วนแต่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งสิ้น
              ถ้าจิตเข้าไปอยาก เข้าไปยึด จิตจะต้องเป็นทุกข์
              ปัญญาเช่นนี้แหละ จะทำให้จิตคลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกูลง
              ความทุกข์ก็จะเบาบางลงจากจิต เพราะจิตฉลาด
              ไม่ไปส่ายแส่หาความทุกข์มาใส่ตัวเอง
              (แต่ลำพังคิดๆ เอา ในเรื่องความไม่มีตัวกูของกู
              ย่อมไม่สามารถดับ ความเห็นและความยึด ว่าจิตเป็นตัวกูของกูได้
              จะทำได้ก็แค่ "กู ไม่ใช่ตัวกูของกู" คือจิตยังยึดอยู่
              ส่วนการที่จะลดละได้จริง ต้องเจริญสติปัฏฐานจริงๆ เท่านั้นครับ)

              สรุปแล้ว การดูจิตที่ชาวลานธรรมพูดถึงกันนั้น ไม่ใช่การดูจิตจริงๆ
              เพราะจิตนั้นแหละ คือผู้รู้ ผู้ดู ผู้ยึดถือ อารมณ์
              แต่การดูจิต หมายถึงการเจริญวิปัสสนา โดยเริ่มต้นจากการรู้นามธรรม
              ซึ่งเมื่อชำนิชำนาญแล้ว ก็จะรู้ครบสติปัฏฐานทั้งสี่นั่นเอง
              ดังนั้น ถ้าไม่ชอบคำว่า ดูจิต ซึ่งนักปฏิบัติส่วนหนึ่งชอบใช้คำนี้เพราะรู้เรื่องกันเอง
              จะใช้คำว่าการเจริญเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
              + การเจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
              + การเจริญธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็ได้ครับ

              แต่การที่นักปฏิบัติบางส่วนชอบพูดถึงคำว่า "การดูจิต" ก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน
              คือเป็นการเน้นให้ทราบว่า จิตใจนั้นเป็นใหญ่ เป็นประธานในธรรมทั้งปวง
              และเป็นการกระตุ้นเตือนให้หมั่นสังเกตพฤติกรรมของจิตเมื่อมันไปรู้อารมณ์เข้า
              เพราะถ้ารู้จิตชัด ก็จะรู้รูปชัด รู้เวทนาชัด รู้กิเลสตัณหาชัดไปด้วย
              เนื่องจากจิตจะตั้งมั่น และเป็นกลางต่ออารมณ์ทั้งปวง
              ในทางกลับกัน ถ้าจิตไม่มีคุณภาพ คือไม่มีสัมมาสมาธิ สัมมาสติ และสัมมาทิฏฐิ
              แม้จะพยายามไปรู้ปรมัตถ์ ก็ไม่สามารถจะรู้ปรมัตถ์ตัวจริงได้
              นอกจากจะเป็นเพียงการคิดถึงปรมัตถ์เท่านั้น

              อันที่จริงสิ่งที่เรียกว่าการดูจิตนั้น แม้จะเริ่มจากการรู้นามธรรมก็จริง
              แต่เมื่อลงมือทำไปสักระยะหนึ่ง ก็จะสามารถเจริญสติปัฏฐานได้ทั้ง 4 อย่าง
              โดยจิตจะมีสติสัมปชัญญะต่อเนื่องอยู่ในชีวิตประจำวันนี่เอง
              เพียงก้าวเดินก้าวเดียว ก็เกิดการเจริญสติปัฏฐานได้ตั้งหลายอย่างแล้ว

              คือเมื่อเท้ากระทบพื้น ก็จะรู้รูป ได้แก่ธาตุดินคือความแข็งภายในกาย (รูปภายใน)
              และธาตุดินคือความแข็งของพื้นที่เท้าเหยียบลงไป (รูปภายนอก)
              อันนี้ก็คือการเจริญกายานุปัสสนาสติปัฏฐานแล้ว
              และรู้ถึงความเย็น ความร้อนคือธาตุไฟของพื้นที่เท้าเหยียบลงไป เป็นต้น

              ขณะที่เหยียบพื้นนั้น ถ้าสติรู้เข้าไปที่ความรู้สึกอันเกิดจากการที่เท้ากระทบพื้น
              เช่นความเจ็บเท้า ความสบายเท้า
              ก็คือการเจริญเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานแล้ว

              ขณะที่เหยียบพื้นนั้น ถ้าพื้นขรุขระ เจ็บเท้า ก็สังเกตเห็นความขัดใจ ไม่ชอบใจ
              หรือถ้าเหยียบไปบนพรมนุ่มๆ สบายๆ เท้า ก็สังเกตเห็นความพอใจ
              อันนี้ก็เป็นการเจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานแล้ว

              ขณะที่เหยียบนั้น ถ้ารู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ ก็จะเห็นกายเป็นส่วนหนึ่ง
              เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นแต่ละส่วนๆ
              หรือรู้ถึงความทะยานอยากของจิตที่ส่งหลงเข้าไปที่เท้า
              หรือรู้อาการส่งส่ายของจิต ตามแรงผลักของตัณหาคือความอยาก
              แล้วหนีไปเที่ยวทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
              หรือรู้ถึงความเป็นตัวกูของกูที่เกิดขึ้นในจิต
              หรือรู้ถึงนิวรณ์ที่กำลังปรากฏขึ้น แต่ยังไม่พัฒนาไปเป็นกิเลสเข้ามาครอบงำจิต
              หรือรู้ชัดถึงความมีสติ มีสัมปชัญญะ มีความเพียร มีปีติ มีความสงบระงับฯลฯ
              สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานทั้งสิ้น

              การดูจิต ไม่ใช่วิธีการปฏิบัติธรรมที่ดีที่สุดเสมอไป
              เพราะในความเป็นจริง ไม่มีวิธีการปฏิบัติธรรมที่ดีที่สุดในโลก
              มีแต่ "วิธีปฏิบัติที่เหมาะสมที่สุด" เฉพาะของแต่ละบุคคลเท่านั้น

              --ตัดตอนมาจาก http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001773.htm ผู้เขียน: สันตินันท์ (หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช)

              วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

              Creative Commons

              กฎหมายลิขสิทธิ์เป็นดาบสองคม ด้านหนึ่งทำให้นายทุนเจ้าของลิขสิทธิ์และผู้สร้างสรรค์เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยทั้งที่ความจริงงานสร้างสรรค์ที่พบเห็นในปัจจุบันเกิดจากการพัฒนางานจากภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนในสังคม อีกด้านหนึ่งก็ทำให้การต่อยอดงานเป็นไปด้วยความลำำบาก การคืนประโยชน์ให้แก่สังคมเป็นไปได้ยากเพราะ All Rights Reserved ในขณะที่ผลงานที่เปิดเสรีไม่สงวนลิขสิทธิ์มีโอกาสโด่งดังกว้างขวางมากกว่า

              ครีเอทีฟคอมมอนส์เป็นแนวคิดวัฒนธรรมเสรีสีเทา เป็นการอนุญาตให้บุคคลหรือองค์กรร่วมผลักดันการเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ให้สาธารณชนได้ใช้และแลกเปลี่ยนกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายในรูปแบบของสัญญาอนุญาต โดยผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพียงแปะสัญญลักษณ์ครีเอทีฟคอมมอนส์ ทำให้ผู้อื่นนำผลงานไปใช้ต่อได้อย่างถูกกฎหมายภายใต้เงื่อนไขบังคับบางประการที่เจ้าของสามารถเลือกกำหนดได้ เช่น ต้องแสดงที่มา, ต้องไม่ใช้เพื่อการค้าการทำมาหากิน, ต้องไม่แก้ไขดัดแปลงต้นฉบับ หรือต้องใช้สัญญาอนุญาตแบบเดียวกัน (เช่น ถ้าเจ้าของใช้ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบต้องแสดงที่มา ผู้นำผลงานไปใช้ต่อก็ต้องกำหนดครีเอทีฟคอมมอนส์ที่มีเงื่อนไขเดียวกันนี้คือ แสดงที่มา ด้วยเช่นกัน)
              • ครีเอทีฟคอมมอนส์ประเทศไทย http://cc.in.th/
              • ใช้สัญญาอนุญาตกับงานของคุณ http://creativecommons.org/choose/?lang=th
              There are six major licenses of the Creative Commons:
              • Attribution (CC-BY)
              • Attribution Share Alike (CC-BY-SA)
              • Attribution No Derivatives (CC-BY-ND)
              • Attribution Non-Commercial (CC-BY-NC)
              • Attribution Non-Commercial Share Alike (CC-BY-NC-SA)
              • Attribution Non-Commercial No Derivatives (CC-BY-NC-ND)
              There are four major conditions of the Creative Commons: Attribution (BY), requiring attribution to the original author; Share Alike (SA), allowing derivative works under the same or a similar license (later or jurisdiction version); Non-Commercial (NC), requiring the work is not used for commercial purposes; and No Derivative Works (ND), allowing only the original work, with out derivatives นั่นคือห้ามดัดแปลงแก้ไข.

              As of the current versions, all Creative Commons licenses allow the "core right" to redistribute a work for non-commercial purposes without modification.

              Additional options include the CC0 option, or "No Right Reserved." For software, Creative Commons has three available licenses: the BSD License, the CC GNU LGPL license, and the CC GNU GPL.

              สังเกตว่าถ้าไม่มีเครื่่องหมาย NC สามารถนำงานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าได้ ซึ่งเป็นข้อห้ามที่สำคัญประการหนึ่งในกฎหมายลิขสิทธิทั่วไป

              คนที่มีความสุข...

              คนที่เป็นที่รักของคนรอบข้างบางครั้งก็ยังเป็นทุกข์ แต่เป็นคนที่รักผู้อื่นรอบข้างด้วยความเมตตาจะมีความสุขตลอดเวลา

              วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

              นิตยสารฟอร์บส์เอเชียจัดอันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไทยประจำปี 2552

              1. นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าพ่อครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง สามารถครองตำแหน่งมหาเศรษฐีรวยที่สุดในประเทศไทยเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีทรัพย์สินเท่าเดิมคือ 4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 136,000 ล้านบาท)
              2. อันดับสองคือนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กิจการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี.) ที่ขยับขึ้นมา 2 อันดับ ด้วยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1 พันล้านดอลลาร์ เป็น 3 พันล้านดอลลาร์ (ราว 102,000 ล้านบาท)
              3. ส่วนอันดับ 3 ยังเป็นของผู้ก่อตั้งและผู้สืบทอดเซ็นทรัลกรุ๊ป นายเตียง และตระกูลจิราธิวัฒน์ อันประกอบด้วยภรรยา 3 คนและลูกๆอีก 25 คน โดยพวกเขามีทรัพย์สิน 2.9 พันล้านดอลลาร์ (ราว 98,600 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 100 ล้านดอลลาร์
              ทั้งนี้มหาเศรษฐีรายอื่นๆที่ประกอบธุรกิจด้านอาหารและกสิกรรมต่างก็มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ในจำนวนนั้นรวมไปถึงอิสระ ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล ขยับจากอันดับ 14 ขึ้นมารั้งอันดับ 8 มีทรัยพ์สิน 900 ล้านดอลลาร์ (ราว 30,600 ล้านบาท)

              วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

              คุณวุฒิแพทย์

              แพทย์ไม่มีปริญญาโท ปริญญาแรกของแพทย์เรียกว่า แพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ. หรือ M.D.) ใช้เวลาเรียน 6 ปี แต่เนื่องจากอัดหน่วยกิตเข้าไปมาก(เท่ากับปริญญาตรี 2 ใบรวมกัน) รวมทั้งฝึกภาคปฏิบัติอย่างหนักเทียบเท่ากับการเป็นแพทย์ฝึกหัดของสมัยก่อนด้วย เมื่อจบแล้วก.พ.ตีเงินเดือนให้สูงว่าปริญญาโท( 4+2 ปี) อยู่ 1 ขั้น เมื่อจบ พ.บ.แล้ว สามารถไปเรียนปริญญาเอก (Ph.D.) ได้เลยค่ะ ขึ้นอยู่กับหลักสูตรปริญญาเอกสาขานั้นจะกำหนดเพราะบางสาขาก็กำหนดว่าต้องจบปริญญาตรีสาขาจำเพาะ หรือไม่ก็ต้องมีพื้นฐานทางด้านนั้นมาบ้าง เช่นจะไปต่อปริญญาเอกพยาบาลศาสตร์ไม่ได้ค่ะ แต่ไปต่อปริญญาเอกวิทยาศาสตร์สุขภาพได้หลายสาขา เศรษฐศาสตร์ก็ได้ สังคมศาตร์บางสาขาก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แพทย์นิยมเรียนต่อเพื่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง

              ความจริง ปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต ในกรณีของประเทศไทย อเมริกา และยุโรปหลายประเทศ ไม่ใช่ทั้งปริญญาตรีและปริญญาโทแต่เรียกว่าเป็นปริญญาวิชาชีพ (First professional degrees) คือเป็นวุฒิจำเพาะวิชาชีพใดวิชาชีพหนึ่ง แต่ในบางประเทศ เช่น อังกฤษ และประเทศอาณานิคม อย่าง อินเดีย ไอร์แลนด์ นั้น M.D. กลับหมายถึงปริญญาเอกในสาขาแพทยศาสตร์ ส่วนปริญญาแพทยศาสตร์ใบแรกจะเป็น Bachelor of Medicine and Surgery (B.M., Ch.B.) ซึ่งก็เทียบเท่ากับปริญญาวิชาชีพดังกล่าวข้างต้น

              วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

              Computer Related Crime Act. B.E. 2550

              พรบ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 สรุประเด็นเป็น 10 กฎเหล็กห้าม และ 10 ข้อแนะนำควรทำ ดังนี้

              10 กฎเหล็กห้าม
              1) เจาะ..ข้อมูลคนอื่นที่ตั้ง password เอาไว้
              2) เอา..password หรือระบบรักษาความปลอดภัยมั่นคงผู้อื่นไปเปิดเผย
              3) ล้วง..ข้อมูลคนอื่นโดยยังไม่ได้รับอนุญาต
              4) ดัก..e-mail ส่วนตัวคนอื่นขณะทำการส่ง e-mail
              5) แก้ไข..ทำลายข้อมูลคนอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม
              6) ก่อกวน..ระบบคนอื่นจนระบบล่ม
              7) ส่ง..ฟอร์เวิร์ดเมล์รบกวนคนอื่นจนก่อให้เกิดความเดือนร้อน
              8) รบกวน..ระบบโครงสร้างทางด้านสาธารณูปโภคและความมั่นคงของประเทศ
              9) เผยแพร่..โปรแกรมที่ใช้ในการทำผิด
              10) ส่งต่อ..ภาพลามกและเนื้อหาที่ทำลายความมั่นคงของประเทศ

              10 ข้อแนะนำควรทำ
              1) เปลี่ยน.. password ทุกๆ 3 เดือน
              2) ไม่แชร์..password กับผู้อื่น
              3) ใช้.. password เสร็จต้องออกจากโปรแกรมทันที
              4) ตั้ง..ระบบป้องกันการเจาะข้อมูล
              5) เก็บรักษา..ข้อมูลของตนอย่างดีและต้องไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่น
              6) อ่าน..เงื่อนไขให้ละเอียดก่อนดาวน์โหลดโปรแกรม
              7) แจ้ง..พนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อพบเจอการกระทำความผิด
              8) บอกต่อ..คนใกล้ชิด เช่น เพื่อน คนในครอบครัว ให้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างระมัดระวัง
              9) ไม่ใช้..โปรแกรมที่ผิดกฎหมาย
              10) ไม่..หลงเชื่อโฆษณาหรือเนื้อหาในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม จนถูกหลอกได้

              วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

              พระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย


              อยู่ที่่วัดสุทัศน์ ตามที่เขียนให้ข้อมูลอยู่ในวัด ไม่แน่ใจปัจจุบันยังยาวที่สุดหรือไม่ บริเวณนี้และหน้าโบสถ์พราหม์ถือว่าเป็นสะดือเมือง ศึกษาประวัติวัดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.geocities.com/wat_suthat/





              พระศรีศากยมุนีในวิหารวัดสุทัศน์ ในความรู้สึกส่วนตัว เป็นพระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย ทุกคราที่มองจะรู้สึกปิติกว่าพระพุทธชินราชที่เคยไปสักการะ

              "ผมจะเป็นคนดี ก่อร่างสร้างธุรกิจ จากหนึ่งสลึงถึงหมื่นล้าน"

              นิยายชีวิตจริงของคุณ วิกรม กรมดิษฐ์ นักธุรกิจผู้เป็นแบบอย่างแห่งการสร้างตัวด้วยความวิริยะ, อดทน, กล้าเสี่ยง, สมถะ และถ่อมตน ให้แก่อีกหลายคนที่อยากมีธุรกิจหรือมีธุรกิจอยู่แล้ว ประสบการณ์และเทคนิคในการริเริ่มและการขยายธุรกิจถูกถ่ายทอดผ่านตัวหนังสืออย่างน่าสนใจ ราคาเล่มละ 100 บาท รายได้จากการจำหน่ายมอบแก่มูลนิธิอมตะ www.vikron.net

              วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

              ถนนข้าวสาร (Khaosan Road; カオサンどおり)

              • มีความยาวเกือบสี่ร้อยเมตร
              • แต่เดิม ถนนข้าวสารมีแต่ร้านขายข้าวสาร
              • นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ Backpackers นิยมมาตั้งต้นการเดินทางที่ถนนข้าวสาร ส่วนหนึ่งคงได้อ่านหนังสือ Lonely planet Thailand Guidebook เขียนโดย Joe Cummings ชาวต่างชาติที่มาตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย
              • เมนูยอดนิยมบนถนนข้าวสารคือ ผัดไทรถเข็น แม้กฎหมายจะห้ามขายของบนถนน ขายได้แต่บน Footpath เวลาเทศกิจมาพวกแม่ค้ารถเข็นก็ใช้วิธีเข็นหลบในซอย
              • ธุรกิจที่ทำเงินมากบนถนนข้าวสารคือเครื่องเงิน(บนถนนตะนาว), ตัดสูท และทัวร์ราคาถูก เป็นทัวร์รถตู้ ไปทั่วประเทศโดยเฉพาะ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก และหมู่เกาะภาคใต้ รวมถึงวัดเสือ กาญจนบุรี (วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ที่มีเสือเลี้ยงหลายตัว) Backpacker นิยมซื้อทัวร์แบบ Oneway ticket และไปหาต่อเอาข้างหน้า
              • ธุรกิจอื่นที่ขึ้นชื่อบนข้าวสารที่มีมากคือ Pub&Bar เช่น Mulligan Irish Bar, Cocktail ริมถนน และร้านรับซื้อหนังสือมือสอง จะมีป้ายเขียนว่า "We buy" คือรับซื้อสำภาระไม่ใช้แล้วของ Backpacker เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก เช่น ร้าน Moonlight Book Shop ซึ่งเป็นร้านขายหนังสือมือสองแห่งแรกบนข้าวสาร
              • ตามถนนจะพบเห็น Street shows ที่จัดการแสดงแปลกๆ เพื่อแลกเศษเงิน และ Mr.Thailand ถีบสามล้อสีสันฉูดฉาด ถ้าจ้างขี่รอบเกาะก็คิดร้อยถึงสองร้อยบาท
              • นิตยสารรายเดือนฟรี Khaosaner มีวางตามร้านอาหาร, ผับ, Guesthouse รวมถึง iStudio
              • ความจริงในย่านนี้มีโรงเรียนพิมานวิทย์ตั้งอยู่บนถนนข้าวสาร โรงเรียนนี้สร้างในสมัย ร.6 แม้ว่าโรงเรียนควรอยู่ห่างจากสภาพแวดล้อมอย่างข้าวสารสักหลายร้อยเมตร แต่โรงเรียนก็ได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ให้ นร. ได้สัมผัสประสบการณ์จริงในการฝึกใช้ภาษา นร ที่นี้จึงคุ้นเคยกับชาวต่างชาติ
              • นายสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร เปิดคลีนิกเวชกรรมสุรัตน์ซอยรามบุตรี ตรงข้ามโรงแรมเวียงใต้ อาคารเดียวกับร้านอาหารญีปุ่น Sakura House รักษาโรคละบาท
              • นักท่องเทียวที่มาติดต่อตำรวจท่่องเที่ยวๆ จะประสานไปยังอาสาสมัครต่างชาติที่ค่อยช่วยเป็นล่ามให้ตำรวจ

              ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

              Silver-Nano Technology

              Used by Antibacterial Keyboards. Would be nice to extend to antibacterial screen protective films for Touch phones.

              vcharkarn.com: โลหะเงินเกิดประจุบวก Ag+ ได้ดีและมีอิเล็กตรอนวงนอกสุดเพียงตัวเดียว เมื่อโลหะเงินแตกตัวกลายเป็นประจุเงินแขวนลอย (SILVER COLLOID) อนุภาคเงินนาโนก็จะไปเกาะที่ผนังของเชื้อแบคทีเรียและแทรกเข้าไปภายในโดยไปเกาะกับหมู่ SULPHYDRYL(-SH) ของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เผาผลาญออกซิเจนและพลังงาน (OXYGENIC METABOLIC ENZYMES) ทำให้ไปขัดขวางการทำงานของเอนไซม์และทำให้เชื้อโรคแบคทีเรียขาดอาหารและตายในที่สุด

              ปวช. ปวส. ปวท.

              การศึกษาระดับ ปวส. รับนักศึกษาที่จบจากระดับ ปวช. ซึ่งเป็นการศึกษาทางด้านอาชีพอยู่แล้ว และต้องการศึกษาในสาขาวิชาชีพที่สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อเพิ่มพูนทักษะใน อาชีพที่ตนมีความสนใจ และได้ศึกษามาแล้วซึ่งนับได้ว่านักศึกษากลุ่มนี้มีความพึงพอ ใจในแนวทางการศึกษาต่อเพื่อการประกอบอาชีพของตน ปกติ ปวช จะเรียนกัน 3 ปี ส่วน ปวส 2 ปี และอาจเข้าหลักสูตรต่อเนื่องบางสาขาในมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนอีก 2 ปีได้ปริญญาตรี

              ปวท. เป็นนักเรียนที่รับมาจากมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายสามัญ ซึ่งนักเรียนในกลุ่มนี้ ศึกษาสายสามัญ เพื่อมุ่งหวังเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมีความ คาดหวังทางด้านการศึกษาและอาชีพ สูง แต่เนื่องจากนักเรียนกลุ่มนี้สอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อใน ระดับมหาวิทยาลัยไม่ได้ จึงเปลี่ยนแนวการศึกษามาทางสายอาชีพ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การเลือก แนวทางการ ศึกษาที่ไม่เหมาะสมกับตนเองนั้นก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งเวลาและทุนทรัพย์ และ อาจ ไม่ประสบความำเร็จในอาชีพ

              อนุปริญญา คือ วุฒิ ปวส/ปวท หรือ มัธยมศึกษาที่ 6 แต่เรียนสายอาชีพแล้วค่อยมาต่อเป็นวุฒิปริญญาตรีอีก 2 ปีต่อเนื่อง

              วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

              คลังต่ออายุอุ้มอสังหาฯ

              คลัง แบะท่าต่ออายุลดภาษีซื้อ-ขายบ้าน หวังใช้กระตุ้นเศรษฐกิจปีหน้าต่อ; นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ถ้าหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ปีหน้ากระทรวงการคลังอาจต้องพิจารณาขยายมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังจะหมดอายุลงวันที่ 28 มี.ค. 2553 ออกไป หลังจากใช้มาตรการต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี และช่วยกระตุ้นการซื้อขายบ้านได้ดี; สำหรับมาตรการส่งเสริมอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้อยู่ขณะนี้ ประกอบด้วย ลดค่าธรรมเนียมโอน 2% เหลือ 0.01% การลดค่าธรรมเนียมจดจำนอง 1% เหลือ 0.01% และการลดภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% เหลือ 0.11% รวมกว่า 6% เป็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้ซื้อจะได้รับ 2% และผู้ประกอบการได้รับกว่า 4%; นอกจากนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการให้นำเงินจากการซื้อและโอนบ้านภายในปี 2552 มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 3 แสนบาท ในปีภาษี 2552 ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะหมดอายุในสิ้นปี 2552 นี้; นายประดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระทรวงได้เพิ่มเป้าหมายสินเชื่อของธนาคารรัฐและธนาคาร เฉพาะกิจจาก 7 แสนล้านบาท เป็น 9 แสนล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่ปล่อยสินเชื่อบ้านแบบเร่งด่วน หรือฟาสต์แทร็ก จะช่วยกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นกลับมาได้; ทั้งนี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผลประโยชน์ของคู่สัญญา หรือกฎหมายเอสโครว์ที่บังคับใช้แล้ว จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อบ้านได้มากขึ้น ส่วนโครงการไทยเข้มแข็งเน้นลงทุนสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง จะช่วยสร้างโอกาสให้อสังหาริมทรัพย์ด้วย --Posttoday.com วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

              Reality show

              Reality is a genre of TV program that presents purportedly unscripted dramatic or humorous situations, documents actual events, and usually features ordinary people instead of professional actors.

              วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

              ผม

              แต่ละเส้นมีอายุสองถึงห้าปี หลังจากร่วงยังมีสเปกเซลล์อยู่เพื่อสร้างเส้นใหม่ โดยปกติจะสร้างได้ 20-30 ครั้ง -- CUradio

              วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

              วิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ (subprime mortgage crisis) หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ 2550-2552

              Sub-prime แปลว่า คุณภาพเป็นรอง; Sub-prime mortgageในประเทศสหรัฐอเมริกา หมายถึง สินเชื่อที่ปล่อยให้กู้ให้กับลูกหนี้ที่มีเครดิตทางการเงินต่ำกว่ามาตรฐาน หรือคุณภาพรองลงมา เป็นสาเหตุหลักของวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

              ผลกระทบคือความคล่องตัวของตลาดสินเชื่อทั่วโลกและระบบธนาคารลดลง บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่ของอเมริกาถึงกับล้มละลาย

              รายละเอียด: เริ่มจากการที่ภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐอเมริกาแตกและการผิดชำระหนี้ของสินเชื่อซับไพรม์และสินเชื่อดอกเบี้ยลอยตัว ที่เริ่มต้นขึ้นในช่วง พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2549 ผู้กู้ยืมนั้นกู้ยืมสินเชื่อที่เกินกำลังโดยคิดว่าตนจะสามารถปรับโครงสร้างเงินกู้ได้โดยง่าย เพราะในตลาดการเงินนั้นมีมาตรฐานการปล่อยกู้ที่ต่ำลง ผู้ปล่อยกู้เสนอข้อจูงใจในการกู้ยืม เช่นเงื่อนไขเบื้องต้นง่าย ๆ และแนวโน้มราคาบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ทว่าการปรับโครงสร้างเงินกู้กลับเป็นไปได้ยากขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มสูงขึ้นและราคาบ้านเริ่มต่ำลงในปี พ.ศ. 2549 - พ.ศ. 2550 ในหลายพื้นที่ในสหรัฐ การผิดชำระหนี้และการยึดทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อหมดเงื่อนไขเบื้องต้นอย่างง่าย ราคาบ้านไม่สูงขึ้นอย่างที่คิด และอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเริ่มสูงขึ้น การยึดทรัพย์สินในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2549 และทำให้ปัญหาทางการเงินนั้นแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วโลกในปี พ.ศ. 2550 - พ.ศ. 2551

              หลักทรัพย์

              หมายถึง ตราสารหรือหลักฐานแสดงสิทธิในทรัพย์สิน เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ตั๋วเงิน หุ้น หุ้นกู้ หน่วยลงทุน ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุน

              ภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ ปี 2540 (Economic Bubble หรือ Bubble Economy)

              มีสาเหตุมาจาก
              1.ปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ คือ ระบบกลไกเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาด
              2.ปัจจัยที่ไม่ใช่ทางเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ พฤติกรรมของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุน (การจัดหาแหล่งเงินทุนและการบริหารสินเชื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ, พฤติกรรมของผู้บริหารสถาบันการเงินที่มีการบริหารงานในลักษณะที่คอร์รัปชั่น), พฤติกรรมการระดมทุนของธุรกิจ เกิดขึ้นเนื่องจากมีความผิดพลาดในการระดมทุนคือมีการกู้มาก จากทั้งในและนอกประเทศ ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนสูง, และ ธนาคารแห่งประเทศไทยบกพร่องในการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินโดยได้เปิดเสรีทางการเงินโดยให้สถาบันการเงินสามารถกู้เงินจากต่างประเทศได้ง่าย

              ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือภาวะที่ราคาของสินทรัพย์ เช่นอสังหาริมทรัพย์หรือหน่วยลงทุนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าราคาตามความเป็นจริง จนเกิดอุปสงค์เทียมจากการเก็งกำไรที่ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นวงจร และขยายตัวเหมือนฟองสบู่ โดยส่วนใหญ่ภาวะฟองสบู่นี้จะจบลงเมื่อเกิดเหตุที่ทำให้นักลงทุนเลิกคาดหวังว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีก หรือรัฐบาลออกนโยบายเพื่อดึงราคาลงสู่ภาวะปกติ เช่น การขึ้นอัตราดอกเบี้ย(เงินกู้) ทำให้คนซื้อน้อยลง คนขายจึงต้องลดราคากลับลงมา จึงทำให้การเก็งกำไรและราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงลดลง

              เนื่องจากราคาสินทรัพย์ในภาวะฟองสบู่ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น เมื่อราคาเริ่มลดลงภาวะฟองสบู่ก็จะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก ซึ่งมักจะทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียเกิดขึ้นตามมาเพราะกู้ไปลงทุนมากกว่าความสามารถในการใช้หนี้

              หนี้เสีย หนี้ดี หนี้ไม่ดี

              • หนี้เสีย หนี้เน่า หรือหนี้ด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loan; NPL) หมายถึง หนี้ที่ลูกหนี้ไม่ยอมชำระตามกำหนด
              • หนี้ดี คือการที่คุณยืมเงินมาสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่นการกู้ยืมเงินมาซื้อสินค้าที่ราคาต่ำแล้วขายในราคาที่สูงกว่าเพื่อเอากำไร หรือการยืมเงินซื้อรถเพื่อความสะดวกสะบายและเปิดโอกาสให้ทำรายได้เพิ่มมากขึ้น
              • หนี้ไม่ดี คือการนำเงินที่กู้ยืมมาซื้อของที่มีมูลค่าลดลง เช่นยืมเงินมาซื้อหุ้นแล้วหุ้นตก อย่างนี้คือหนี้เสีย อย่าว่าแต่จะเสียดอกเบี้ยเลยเงินต้นก็หายไปด้วย

              ยางรถ Offroad

              1. High terrain ใช้ขับบน highway
              2. All terrain ดอกยางใหญ่กว่า high terrain นิยมใช้เพราะเท่ห์
              3. Mud terrain ดอกใหญ่สุด วิ่งมีเสียงดัง ใช้ลุยโคลน

              วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

              บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธี

              คำว่าต่อต้านโดยสันติวิธีเรียกว่า อารยะขัดขืน หรือ ดื้อแพ่ง (คำว่า "ดื้อแพ่ง" ในภาษาไทยนั้นมีความหมายในนัยไม่สู้ดีคำว่า "อารยะขัดขืน" มีอคติทางลบแฝงอยู่น้อยกว่า)

              หมายถึง การละเมิดกฎหมาย หรือตั้งใจจะละเมิดกฎหมายโดยสันติวิธี (ไม่ใช้ความรุนแรง) เป็นการกระทำสาธารณะโดยแจ้งให้ฝ่ายรัฐรับรู้ล่วงหน้าด้วยความเต็มใจที่จะรับผลทางกฎหมายของการละเมิดกฎหมายดังกล่าวเพื่อเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือนโยบายของรัฐบาล เช่น กีดขวางทางสัญจรอย่างสงบ, เข้ายึดครองสถานที่อย่างผิดกฎหมาย ผู้ประท้วงกระทำการจราจลอย่างสันติเหล่านี้, ฉีกบัตรเลือกตั้งของตนทิ้งให้สื่อมวลชนดู

              วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

              คนเก่งไม่ขี้โม้

              • เปรียบเหมือนกระป๋องใส่ทราย ถ้าทราย(คือความสามารถ)ไ่ม่เต็มกระป๋องจะเขย่าดัง(ขี้โม้) ถ้าทรายเต็มกระป๋องเขย่าไม่ดัง--Thai LAPD (L.A. Police Department); ตำรวจ LAPD ที่เป็นครูต้องมีประสบการณ์จริง เคยอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังสอน ไม่เช่นนั้นตำรวจฝรั่งที่เรียนด้วยจะนั่งเท้าพาดโต๊ะแทนที่จะกระตือรือล้นที่จะฟัง
              • รวงข้าวที่หนักด้วยเมล็ดย่อมโน้มลงสู่ดิน เฉกเช่นผู้ทรงคุณวุฒิและปัญญามักถ่อมตน
              • ความคิดส่วนตัว อยากอุปมาเหมือนกระปุกหยอดเหรียญ ถ้าทำตัวเป็นกระปุกเต็มจะเขย่าไม่ดังเปรียบเหมือนคนถ่อมตัว แต่คนกระปุกไม่เต็มชอบโอ้อวดแถมยังทำตัวเป็นเหมือนกระปุกเต็มไม่ยอมให้หยอดเหรียญอีกก็จะมีความรู้แค่ก้นกระปุกนั้นต่อไป 
              • พุทธพจน์ "ยทูนกํ ตํ สันติ ยํ ปูรํ สนฺตเมว ตํ" แปลว่า สิ่งใดพร่องสิ่งนั้นดัง สิ่งใดเต็มสิ่งนั้นเงียบ
              ขอสรุปว่า ในมิติของการแสดงออกให้ทำตัวเป็นกระปุกเหรียญเต็ม ส่วนในมิติการเรียนรู้ใ้ห้ทำตัวเป็นกระปุก พร่องเหรียญหรือแก้วพร่องน้ำ