วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553
CRM
ข้อมูลลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าจะถูกนำมาทำ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อให้ทราบว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการผ่านเว็บไซต์ของบริษัทเป็นกลุ่มไหนบ้าง สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์และจัดทำโปรโมชั่นให้้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากมีการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ก็จะมีสินค้าที่เกี่ยวข้องแนะนำด้วย ช่วยขยายการบริโภคผลิตภัณฑ์ในอนาคต นอกจากนี้ข้อมูลความลับ เช่น บัตรเครดิต ของลูกค้าต้องไม่รั่วไหลมีความปลอดภัยสูงสุด
คุณลักษณะสำคัญของนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่
- กระหายที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Thirst for continuous education)
- มีแรงจูงใจหรือแรงขับส่วนบุคคล (Personal drive and motivation) ทำให้ทุ่มเทและพยายามมากกว่าคนอื่นๆ
- มีจุดมุ่งหมายและความทะเยอทะยานอย่างเข้มข้น (Strong goals and ambition)
- มีวิสัยทัศน์ชัดเจน (Clear vision) มองเห็นว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ หรือทำอะไรดีกว่าอย่างอื่น
- มีอารมณ์หรือความอยากที่ท่วมท้น (A great deal of passion) ทำให้อยากและสนุกกับการทำงาน ตื่นเต้นกับผลของงานที่จะเกิดขึ้น
วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553
Gen X, Y, Baby boomer
- Baby boomer is someone born during the demographic birth boom between 1946 and 1964 (หรือหลังสงครามโลกครั้งที่สอง) เป็นพวกอนุรักษ์นิยม เป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้าถึงได้ด้วยสื่อเดิม เช่น ทีวี แมกกาซีน วิทยุ
- Generation X generally includes people born in the 1965 and 1976. เป็นกลุ่มที่ยินดีรับการเปลี่ยนแปลง ใช้จ่ายเงินเพื่อความสุขของชีวิต
- Generation Y or Digital generation was born after 19ึ77 เป็นกลุ่มที่ต้องการอิสรภาพสูง เป็นผู้ให้กำเนิดFacebook, Youtube และเป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้าถึงได้ด้วย Social media
วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
การไม่กล่าวร้าย ๑
การไม่ทำร้าย ๑
ความสำรวมในพระปาติโมกข์ ๑
ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑
ที่นอนที่นั่งอันสงัด ๑
การประกอบความเพียรในอธิจิต ๑
หกอย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
โอวาทปาติโมกข์ หมายถึง หลักคำสอนคำสำคัญของพระพุทธศาสนาอันเป็นไปเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตเป็นไปเพื่อความหลุดพ้น หรือคำสอนอันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ วิธีการ ๖ ดังนี้
หลักการ ๓
๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่การงดเว้น การลด ละเลิก ทำบาปทั้งปวง ซึ่งได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งความชั่ว มีสิบประการ อันเป็นความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม
ความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ
ความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
๒. การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดี ทุกอย่างซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นแบบของการทำฝ่ายดีมี ๑๐ อย่าง อันเป็นความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจการทำความดีทางกาย ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายเบียดเบียน ผู้อื่นมีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการไม่ประพฤติผิดในกาม
การทำความดีทางวาจา ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อพูดแต่คำจริง พูดคำอ่อนหวาน พูดคำให้เกิดความสามัคคีและพูดถูกกาลเทศะ
การทำความดีทางใจ ได้แก่ การไม่โลภอยากได้ของของผู้อื่นมีแต่คิดเสียสละการไม่ผูกอาฆาตพยาบาทมีแต่คิดเมตตาและปรารถนาดีและมีความเห็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
๓. การทำจิตให้บริสุทธิ์ ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากนิวรณ์ซึ่งเป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึงความสงบ มี ๕ ประการ ได้แก่ นิวรณ์ 5
๑). ความพอใจในกาม (กามฉันทะ)
๒). ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท)
๓). ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน (ถีนะมิทธะ)
๔). ความฟุ้งซ่าน รำคาญ (อุทธัจจะกุกกุจจะ) และ
๕). ความลังเลสงสัย (วิกิจฉา) เช่น สงสัยในการทำความดี ความชั่วว่ามีผลจริงหรือไม่
อุดมการณ์ ๔
๑. ความอดทน ได้แก่ ความอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งทางกายวาจา ใจ
๒. ความไม่เบียดเบียน ได้แก่ การงดเว้นจากการทำร้ายรบกวน หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
๓. ความสงบ ได้แก่ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ
๔. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้จาการดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘
วิธีการ ๖
๑. ไม่ว่าร้าย ได้แก่ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือ กล่าวโจมตีใคร
๒. ไม่ทำร้าย ได้แก่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
๓. สำรวมในปาติโมกข์ ได้แก่ ความเคารพระเบียบวินัย กฎ กติกา กฎหมาย รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของสังคม
๔. รู้จักประมาณ ได้แก่ รู้จักความพอดีในการบริโภคอาหาร หรือการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ
๕. อยู่ในสถานที่ที่สงัด ได้แก่ อยู่ในสถานที่สงบมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
๖. ฝึกหัดจิตใจให้สงบ ได้แก่ ฝึกหัดชำระจิตให้สงบมีสุขภาพ คุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี
--http://board.palungjit.com/f8/โอวาทปาฏิโมกข์-คำสอนที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา-218036.html
การไม่กล่าวร้าย ๑
การไม่ทำร้าย ๑
ความสำรวมในพระปาติโมกข์ ๑
ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑
ที่นอนที่นั่งอันสงัด ๑
การประกอบความเพียรในอธิจิต ๑
หกอย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
โอวาทปาติโมกข์ หมายถึง หลักคำสอนคำสำคัญของพระพุทธศาสนาอันเป็นไปเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตเป็นไปเพื่อความหลุดพ้น หรือคำสอนอันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ วิธีการ ๖ ดังนี้
หลักการ ๓
๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่การงดเว้น การลด ละเลิก ทำบาปทั้งปวง ซึ่งได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งความชั่ว มีสิบประการ อันเป็นความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม
ความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ
ความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
๒. การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดี ทุกอย่างซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นแบบของการทำฝ่ายดีมี ๑๐ อย่าง อันเป็นความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจการทำความดีทางกาย ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายเบียดเบียน ผู้อื่นมีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการไม่ประพฤติผิดในกาม
การทำความดีทางวาจา ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อพูดแต่คำจริง พูดคำอ่อนหวาน พูดคำให้เกิดความสามัคคีและพูดถูกกาลเทศะ
การทำความดีทางใจ ได้แก่ การไม่โลภอยากได้ของของผู้อื่นมีแต่คิดเสียสละการไม่ผูกอาฆาตพยาบาทมีแต่คิดเมตตาและปรารถนาดีและมีความเห็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
๓. การทำจิตให้บริสุทธิ์ ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากนิวรณ์ซึ่งเป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึงความสงบ มี ๕ ประการ ได้แก่ นิวรณ์ 5
๑). ความพอใจในกาม (กามฉันทะ)
๒). ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท)
๓). ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน (ถีนะมิทธะ)
๔). ความฟุ้งซ่าน รำคาญ (อุทธัจจะกุกกุจจะ) และ
๕). ความลังเลสงสัย (วิกิจฉา) เช่น สงสัยในการทำความดี ความชั่วว่ามีผลจริงหรือไม่
อุดมการณ์ ๔
๑. ความอดทน ได้แก่ ความอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งทางกายวาจา ใจ
๒. ความไม่เบียดเบียน ได้แก่ การงดเว้นจากการทำร้ายรบกวน หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
๓. ความสงบ ได้แก่ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ
๔. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้จาการดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘
วิธีการ ๖
๑. ไม่ว่าร้าย ได้แก่ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือ กล่าวโจมตีใคร
๒. ไม่ทำร้าย ได้แก่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
๓. สำรวมในปาติโมกข์ ได้แก่ ความเคารพระเบียบวินัย กฎ กติกา กฎหมาย รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของสังคม
๔. รู้จักประมาณ ได้แก่ รู้จักความพอดีในการบริโภคอาหาร หรือการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ
๕. อยู่ในสถานที่ที่สงัด ได้แก่ อยู่ในสถานที่สงบมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
๖. ฝึกหัดจิตใจให้สงบ ได้แก่ ฝึกหัดชำระจิตให้สงบมีสุขภาพ คุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี
--http://board.palungjit.com/f8/โอวาทปาฏิโมกข์-คำสอนที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา-218036.html
วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553
คนนินทา โกรธ เกลียด
คนนินทา โกรธ เกลียด อาจชั่วกว่าคนที่ถูกนินทา ถูกโกรธ ถูกเกลียด เสียอีก เพราะคนที่ถูกนินทา ถูกโกรธ ถูกเกลียด แท้จริงอาจเป็นคนดี
--วัดสังฆทานธรรม
--วัดสังฆทานธรรม
พระพุทธเจ้าตอบ
ถาม: ทำไมคนรอบข้างชอบทำให้เราไม่ชอบใจ ให้เราโกรธเกลียด
พระพุทธเจ้าตอบ: แล้วทำไมเราถึงไม่เกลี่ยดใจเราดวงนั้น..
--วัดสังฆทานธรรม
พระพุทธเจ้าตอบ: แล้วทำไมเราถึงไม่เกลี่ยดใจเราดวงนั้น..
--วัดสังฆทานธรรม
วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วิธีชนะมารของพระพุทธเจ้า (จากบทสวดพาหุง)
- ขันติธรรม คือความอดทนต่อคนชั่ว
- เมตตาบารมี แก่คนที่มุ่งจะทำร้าย
- อิทธิปาฏิหาริย์ ทั้งทางกายและทางใจ
- ความสงบนิ่ง ระงับพระหฤทัยในท่ามกลางความกดดันของหมู่ชนที่เข้าใจผิด
- การใช้ผู้มีฤทธิ์ เพื่อให้มารรู้ว่าฤทธิ์ตนที่ว่ามาก ยังมีผู้มีฤทธิ์มากกว่า
- เทศนาญาณ คือรู้อัชฌาสัย (นิสัยประจำตัว) แล้วสอนให้มองเห็นความจริง
วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital, VC)
หมายถึง ธุรกิจที่ระดมเงินทุนจากแหล่งต่างๆ มาเพื่อนำไปลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพในการเติบโต โดย VC จะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลหรือผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น VC จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีตามที่ระบุไว้ใน http://www.rd.go.th/publish/546.0.html
วิธีคิดบ่งบอกอนาคต กำหนดชะตากรรม
เราคิดอย่างไรจะกลายเป็นคนอย่างนั้น คิดบวก ชีวิตก็เป็นบวก คิดลบ ชีวิตก็ติดลบ--ว.วชิรเมธี
วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553
การปฏิวัติ CPU
Supercomputer ทั้งเครื่องถูกย่อลงเป็นชิพหนึ่งตัวเรียกว ่า Supercomputer-on-a-chip ซึ่งกลายเป็น yesterday's goal ของอินเทลไปแล้ว ส่วน Today's goal ของอินเทลคือย่อทั้ง Data center ลงไปไว้ในชิพเล็กๆ เพียงตัวเดียว (Single-Chip Cloud Computer) ซึ่งต้นแบบถูกพัฒนาขึ้นสำเร็จแล้วโดยประกอ บไปด้วย 48 cpu cores และ 24 routers อยู่ในชิพเดียวกัน
วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553
Oracle and Apple Announce OpenJDK Project for OSX; Java SE 7 and 8 JSRs Approved
Good news all around! Oracle and Apple announced the OpenJDK project for Mac OS X. Apple will contribute most of the key components, tools and technology required for a Java SE 7 implementation on Mac OS X, including a 32-bit and 64-bit HotSpot-based Java virtual machine, class libraries, a networking stack and the foundation for a new graphical client. OpenJDK will make Apple's Java technology available to open source developers so you can access and contribute to the effort.--Oracle
Look and Feel
Look and feel คือ GUI ที่ประกอบไปด้วยส่วน Look เช่น colors, shapes, layout, และ typefaces และส่วน Feel ซึ่งเป็นส่วนที่เป็น Dynamic elements เช่น buttons, boxes, และ menus
Number Portability
นายปรีย์มน ปิ่นสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์ กล่าวว่าการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์มือถือ (Number Portability) หลังจากเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา การส่งข้อมูลจากโอเปอเรเตอร์ไปเคลียริ่งเฮาส์ติดปัญหาเพียงเล็กน้อยในช่วงวันแรกๆ ซึ่งเป็นปัญหาทางเทคนิค แต่ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จนถึงขณะนี้ (14 ธ.ค.) ทุกอย่างราบรื่น
ส่วนการพอร์ต (การย้ายค่าย) ของลูกค้าปรากฏว่าลูกค้าให้ความสนใจเกินที่จำกัดไว้ที่ 100 เบอร์ต่อโอเปอเรเตอร์ต่อวัน ซึ่งลูกค้าที่มาช้าต้องรอไปพอร์ตวันใหม่ แต่ในจำนวน 100 เบอร์ต่อวันนี้ ประมาณ 40% ไม่สามารถอนุมัติให้พอร์ตได้ เนื่องจากไม่สามารถแสดงตนได้ว่าเป็นเจ้าของเบอร์จริง และบางรายยังไม่ได้จ่ายค่าบริการจากการใช้งานของโอเปอเรเตอร์รายเดิม
ทั้งนี้จากความต้องการย้ายค่ายมือถือใหม่ที่ลูกค้าให้ความสนใจเกินขีดจำกัด ศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์มือถือจึงมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนการพอร์ตจาก 100 เบอร์ เป็น 200 เบอร์ต่อโอเปอเรเตอร์ต่อวัน หลังวันที่ 15 ธ.ค.นี้ และหลังจากวันที่ 20 ธ.ค.จะเพิ่มสถานที่ให้บริการจากเดิมในกรุงเทพฯ รายละ 5 แห่งไปยังต่างจังหวัดอีกรายละ 5 แห่งส่วนจะเปิดให้บริการทั่วประเทศแบบไม่จำกัดจำนวนได้คาดว่าจะเป็นหลังเดือนม.ค. 54
นายปรีย์มนกล่าวว่า สำหรับผู้ใช้บริการแบบรายเดือนหรือโพสต์เพดไม่ค่อยจะมีปัญหาในการพอร์ต แต่ผู้ใช้บริการแบบเติมเงินหรือพรีเพดกว่า 90% ไม่จดทะเบียน หรือจดอาจเป็นชื่อคนอื่น พอย้ายค่ายจะมีปัญหา เพราะหากแจ้งเลขหมายแล้วไม่ตรงกับชื่อคนใช้ ระบบจะไม่อ่าน เพราะการประมวลผลใช้คอมพิวเตอร์ ที่ต้องทำลักษณะนี้เพราะกันคนอื่นขโมยเบอร์ไปใช้ ดังนั้น การย้ายค่ายมือถือแต่ยังเป็นเบอร์เดิม ผู้ที่ต้องการพอร์ตจะต้องนำหลักฐาน เช่นบัตรประจำตัวประชาชนไปแสดงตนกับค่ายที่ต้องการจะย้ายเข้าไปใช้บริการ พร้อมเงิน 99 บาท และต้องเคลียร์เรื่องค่าใช้บริการของโอเปอเรเตอร์รายเดิมให้แล้วเสร็จก่อน-- manager.co.th
ส่วนการพอร์ต (การย้ายค่าย) ของลูกค้าปรากฏว่าลูกค้าให้ความสนใจเกินที่จำกัดไว้ที่ 100 เบอร์ต่อโอเปอเรเตอร์ต่อวัน ซึ่งลูกค้าที่มาช้าต้องรอไปพอร์ตวันใหม่ แต่ในจำนวน 100 เบอร์ต่อวันนี้ ประมาณ 40% ไม่สามารถอนุมัติให้พอร์ตได้ เนื่องจากไม่สามารถแสดงตนได้ว่าเป็นเจ้าของเบอร์จริง และบางรายยังไม่ได้จ่ายค่าบริการจากการใช้งานของโอเปอเรเตอร์รายเดิม
ทั้งนี้จากความต้องการย้ายค่ายมือถือใหม่ที่ลูกค้าให้ความสนใจเกินขีดจำกัด ศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์มือถือจึงมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนการพอร์ตจาก 100 เบอร์ เป็น 200 เบอร์ต่อโอเปอเรเตอร์ต่อวัน หลังวันที่ 15 ธ.ค.นี้ และหลังจากวันที่ 20 ธ.ค.จะเพิ่มสถานที่ให้บริการจากเดิมในกรุงเทพฯ รายละ 5 แห่งไปยังต่างจังหวัดอีกรายละ 5 แห่งส่วนจะเปิดให้บริการทั่วประเทศแบบไม่จำกัดจำนวนได้คาดว่าจะเป็นหลังเดือนม.ค. 54
นายปรีย์มนกล่าวว่า สำหรับผู้ใช้บริการแบบรายเดือนหรือโพสต์เพดไม่ค่อยจะมีปัญหาในการพอร์ต แต่ผู้ใช้บริการแบบเติมเงินหรือพรีเพดกว่า 90% ไม่จดทะเบียน หรือจดอาจเป็นชื่อคนอื่น พอย้ายค่ายจะมีปัญหา เพราะหากแจ้งเลขหมายแล้วไม่ตรงกับชื่อคนใช้ ระบบจะไม่อ่าน เพราะการประมวลผลใช้คอมพิวเตอร์ ที่ต้องทำลักษณะนี้เพราะกันคนอื่นขโมยเบอร์ไปใช้ ดังนั้น การย้ายค่ายมือถือแต่ยังเป็นเบอร์เดิม ผู้ที่ต้องการพอร์ตจะต้องนำหลักฐาน เช่นบัตรประจำตัวประชาชนไปแสดงตนกับค่ายที่ต้องการจะย้ายเข้าไปใช้บริการ พร้อมเงิน 99 บาท และต้องเคลียร์เรื่องค่าใช้บริการของโอเปอเรเตอร์รายเดิมให้แล้วเสร็จก่อน-- manager.co.th
วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553
Web OS
เช่น Google's ChromeOS, Microsoft's Gazelle เป็นระบบปฏิบัติการยุคคลาวด์ซึ่งจะมีแอพพลิเคชั่นเพียงตัวเดียวคือ Web browser ส่วนแอพพลิเคชั่นอื่นจะอยู่ในรูปแบบ SaaS ที่เรียกใช้ผ่าน Web browser หรือตัว Web OS นั่นเอง
Like Chrome OS, which is built on top of Linux, Gazelle isn’t really a new operating system. Rather it is a layer that extends the browser’s security model down into the operating system level.--http://www.infoq.com/news/2009/07/Gazelle
ส่วน Google's native code และ Microsoft XaX เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถรัน traditional application บน web browser ได้
Web OS อีกตัวชื่อ WebOS ของ Palm ซึ่งถูกซื้อกิจการไปโดย HP โดยมีแผนจะเปิดตัวใน Touchpad และ PC computer ในเดือน มิย และไตรมาสสี่ของปี 2554 ตามลำดับ
Like Chrome OS, which is built on top of Linux, Gazelle isn’t really a new operating system. Rather it is a layer that extends the browser’s security model down into the operating system level.--http://www.infoq.com/news/2009/07/Gazelle
ส่วน Google's native code และ Microsoft XaX เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถรัน traditional application บน web browser ได้
Web OS อีกตัวชื่อ WebOS ของ Palm ซึ่งถูกซื้อกิจการไปโดย HP โดยมีแผนจะเปิดตัวใน Touchpad และ PC computer ในเดือน มิย และไตรมาสสี่ของปี 2554 ตามลำดับ
วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553
iPad fever drives digital magazines
1 ใน 5 สุดยอดปรากฏการณ์ iPad ฟีเวอร์ ที่หลายคนสัมผัสได้แล้วในขณะนี้ คือ การ "เป็นหมัน" ของอุตสาหกรรม eBook ฉบับภาษาไทย แต่ดาวรุ่งกลับเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ที่ "Digital Magazine" หรือนิตยสารดิจิตอลแทน
Digital Magazine นั้นต่างจาก eMagazine ตรงที่อย่างหลังนั้น ตัวผู้อ่านจะต้องโหลดไฟล์พร้อมพิมพ์อยู่ในรูปแบบไฟล์นามสกุลที่เรียกว่า Portable Document Format (PDF) โดยดูบนเว็บไซต์ หรือโปรแกรมอ่านเอกสาร แต่ Digital Magazine จะเป็นนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ที่บรรจุคอนเทนท์ลงในแอปพลิเคชัน ต่อยอดให้การอ่านมีความสนุกสนานและโต้ตอบได้มากขึ้น ทำให้ผู้อ่านนิตยสารสามารถชมวิดีโอ ดูฟังโฆษณา และร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่นิตยสารดิจิตอลเล่มนั้นๆ จัดทำขึ้นมาในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ ทำให้ผู้อ่านได้อรรถรสมากกว่าแค่การอ่านแบบปกติได้อย่างตื่นตายิ่งขึ้น
Times คือ นิตยสารที่ประเดิมคลอดแอปพลิเคชันให้ผู้ใช้ iPad ที่เป็นสมาชิก Times ได้ดาวน์โหลดฟรี ก่อนที่นานาสื่อที่ออกเป็นรายวัน/รายเดือน/รายปี ต่างพากันชักธงรบกระโจนเข้าสู่ตลาดนี้ เช่นเดียวกับค่ายนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ในประเทศไทยที่พร้อมใจลงเล่นในตลาดนี้แล้ว
ปรากฏการณ์ที่จะเห็นชัดเจนนับจากนี้คือ นิตยสารไทยจะไม่ได้มีแต่โฆษณาภาพนิ่งอีกต่อไป แต่สามารถแสดงในรูปแบบวิดีโอ พ่วงเครือข่ายสังคม หรือดึงข้อมูลจากระบบ CRM เพื่อโอกาสต่อยอดสู่การซื้อสินค้าได้ โดยทั้งหมดนี้ ค่ายนิตยสารจะไม่ต้องรอรอบวันเวลาวางแผงสิ่งพิมพ์อย่างที่เคย แต่จะมีโอกาสออกหนังสือได้ถี่มากขึ้นตามที่ต้องการ เนื่องจากไม่มีต้นทุนการพิมพ์ แถมสามารถวัดผลตอบรับได้ทันใจ ไม่ต้องรออีกต่อไป
ความนิยมตัวเครื่อง iPad บวกกับอิทธิพลของตลาดแอปพลิเคชันที่เกิดจากตลาดสมาร์ทโฟน ทำให้อุตสาหกรรม Digital Magazine ก้าวนำธุรกิจหนังสือดิจิตอลอื่นๆ ในประเทศไทย ซึ่งแม้แต่เครื่องอ่าน eBook อย่าง Kindle จาก Amazon หรือ Nook จาก Barns&Nobel ก็ยังไม่สามารถสร้างกระแสร้อนแรงให้ค่ายหนังสือมุ่งความสนใจไปที่ตลาด eBook ได้
จุดนี้มีการวิเคราะห์กันว่า มีสาเหตุมาจากที่ eBook ไม่ขยายตัว เป็นเพราะหนังสือเล่มมีภาวะการเก็บสต็อกที่อยู่ในรูปแบบหนังสือเล่มที่มากกว่าเทปและดีวีดีด้วยซ้ำ ทำให้ Digital Magazine เกิดแรงดันในการขยายตัวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
--Manager.co.th
Digital Magazine นั้นต่างจาก eMagazine ตรงที่อย่างหลังนั้น ตัวผู้อ่านจะต้องโหลดไฟล์พร้อมพิมพ์อยู่ในรูปแบบไฟล์นามสกุลที่เรียกว่า Portable Document Format (PDF) โดยดูบนเว็บไซต์ หรือโปรแกรมอ่านเอกสาร แต่ Digital Magazine จะเป็นนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ที่บรรจุคอนเทนท์ลงในแอปพลิเคชัน ต่อยอดให้การอ่านมีความสนุกสนานและโต้ตอบได้มากขึ้น ทำให้ผู้อ่านนิตยสารสามารถชมวิดีโอ ดูฟังโฆษณา และร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่นิตยสารดิจิตอลเล่มนั้นๆ จัดทำขึ้นมาในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ ทำให้ผู้อ่านได้อรรถรสมากกว่าแค่การอ่านแบบปกติได้อย่างตื่นตายิ่งขึ้น
Times คือ นิตยสารที่ประเดิมคลอดแอปพลิเคชันให้ผู้ใช้ iPad ที่เป็นสมาชิก Times ได้ดาวน์โหลดฟรี ก่อนที่นานาสื่อที่ออกเป็นรายวัน/รายเดือน/รายปี ต่างพากันชักธงรบกระโจนเข้าสู่ตลาดนี้ เช่นเดียวกับค่ายนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ในประเทศไทยที่พร้อมใจลงเล่นในตลาดนี้แล้ว
ปรากฏการณ์ที่จะเห็นชัดเจนนับจากนี้คือ นิตยสารไทยจะไม่ได้มีแต่โฆษณาภาพนิ่งอีกต่อไป แต่สามารถแสดงในรูปแบบวิดีโอ พ่วงเครือข่ายสังคม หรือดึงข้อมูลจากระบบ CRM เพื่อโอกาสต่อยอดสู่การซื้อสินค้าได้ โดยทั้งหมดนี้ ค่ายนิตยสารจะไม่ต้องรอรอบวันเวลาวางแผงสิ่งพิมพ์อย่างที่เคย แต่จะมีโอกาสออกหนังสือได้ถี่มากขึ้นตามที่ต้องการ เนื่องจากไม่มีต้นทุนการพิมพ์ แถมสามารถวัดผลตอบรับได้ทันใจ ไม่ต้องรออีกต่อไป
ความนิยมตัวเครื่อง iPad บวกกับอิทธิพลของตลาดแอปพลิเคชันที่เกิดจากตลาดสมาร์ทโฟน ทำให้อุตสาหกรรม Digital Magazine ก้าวนำธุรกิจหนังสือดิจิตอลอื่นๆ ในประเทศไทย ซึ่งแม้แต่เครื่องอ่าน eBook อย่าง Kindle จาก Amazon หรือ Nook จาก Barns&Nobel ก็ยังไม่สามารถสร้างกระแสร้อนแรงให้ค่ายหนังสือมุ่งความสนใจไปที่ตลาด eBook ได้
จุดนี้มีการวิเคราะห์กันว่า มีสาเหตุมาจากที่ eBook ไม่ขยายตัว เป็นเพราะหนังสือเล่มมีภาวะการเก็บสต็อกที่อยู่ในรูปแบบหนังสือเล่มที่มากกว่าเทปและดีวีดีด้วยซ้ำ ทำให้ Digital Magazine เกิดแรงดันในการขยายตัวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
--Manager.co.th
วาจาจริงที่พูดในกาลเทศะที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่สมควรทำ
พระสมณโคดมทรงให้แนวทางดังกล่าวไว้ แม้วาจาจริงอาจไม่เป็นที่พอใจผู้ฟัง แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสด้วยความเมตตากรุณาต่อผู้ฟังนั้น จึงอุปมาผู้ฟังเหมือนเด็กกินก้อนหิน เราเห็นต้องช่วยแม้ทำให้เด็กเจ็บก็ตาม
NFC (Near Field Communication)
คือ standard wireless communication technology ที่่ต่อยอดมาจาก RFID เพื่อรวมความสามารถในการเป็น Contactless smartcard และ Smartcard reader เข้าไว้ในตัว ปัจจุบันถูกนำมาใช้ในตัวโทรศัพท์มือถือ เช่น Google's Nexus S และ Nokia บางรุ่น ทำให้มือถือมีความสามารถเป็น Contactless smartcard + Smartcard reader + RFID tag ภายในตัว ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานจริงในญี่ปุ่นที่เห็นตั้งแต่ปี 2006 คือการใช้โทรศัพท์มือถือเป็น e-Wallet สัมผัสเพื่อผ่า่นประตูเข้าออกรถไฟฟ้าในโตเกียว บริการดังกล่าวชื่อ Mobile Suica
More info http://www.nearfieldcommunicationsworld.com
ตัวอย่างการทดลองใช้งานจริงในประเทศไทย :
Gemalto (Euronext NL0000400653 GTO), the world leader in digital security, today announced it will provide its Trusted Services Management (TSM) service to support the launch of Near-Field Communication (NFC) applications in Thailand. The service is the first pan-Asian deployment for Gemalto’s certified TSM center in Taiwan. This pioneering project has Gemalto partnering with KASIKORNBANK, the country’s second largest bank, and with Advanced Info Services (AIS), the nation’s largest telecommunications operator.
"เวลคอม (Wellcom) ถือเป็นผู้ผลิตมือถือรายแรกที่รุกระบบกระเป๋าสตางค์บนมือถือ (Mobile Wallet) ด้วยเทคโนโลยี NFC เหมือนกับ Google Wallet ของกูเกิล โดยเวลคอมได้จับมือกับบริษัทสมาร์ทเพิร์ส (Smart Purse) ผู้ทำระบบบัตรเงินสดที่ใช้อย่างแพร่หลายในการซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 หรือบัตรอัจฉริยะขององค์กรต่างๆ ซึ่งเป็นการย่อส่วนนำเฉพาะชิป NFC จากในบัตรนั้นมาฝังลงในมือถือ และเขียนโปรแกรมจาวาเข้าไปติดตั้งในเครื่องมือถือเพื่อให้สั่งงานการเติมเงิน/จ่ายเงินได้จากมือถือ เวลาใช้งานซื้อของก็เพียงนำมือถือไปแตะที่จุดแตะการ์ดนั่นเอง"
More info http://www.nearfieldcommunicationsworld.com
--http://rapidnfc.com/blog/72/the_difference_between_nfc_and_rfid_explained
ตัวอย่างการทดลองใช้งานจริงในประเทศไทย :
Gemalto (Euronext NL0000400653 GTO), the world leader in digital security, today announced it will provide its Trusted Services Management (TSM) service to support the launch of Near-Field Communication (NFC) applications in Thailand. The service is the first pan-Asian deployment for Gemalto’s certified TSM center in Taiwan. This pioneering project has Gemalto partnering with KASIKORNBANK, the country’s second largest bank, and with Advanced Info Services (AIS), the nation’s largest telecommunications operator.
Mobile NFC opens up an entire new dimension in digital freedom for Thai consumers, transforming their mobile phones into contactless devices for touch-and-go applications, such as payment at retail outlet partners. Since starting in July 2010, selected customers simply collect their phone from KASIKORNBANK to enjoy mobile NFC services.
Gemalto is entrusted with the management and preparation of sensitive user information from KASIKORNBANK to operate secure over-the-air (OTA) personalization services that enable mobile subscribers to gain access to NFC payments and AIS services.
“With the ubiquitous nature of mobile phones, we are always looking for innovations to improve our offerings to our customers,” commented Mr.Suvit Arayawilaipong, Vice President Product & Service Development, Advanced Info Service Plc. ”This is the first OTA provisioning service that is offered from outside the country. It allows NFC to be deployed in Thailand smoothly and securely. With Gemalto we are working with a partner that we can trust.”
Mr. Art Wichiencharoen, Senior VP of Retail and SME e-Business, KASIKORNBANK, added: “Leveraging Gemalto’s experience, we are able to make NFC payment easy to use. We have a simple user interface on the phone that guides a user to some 40 retail outlets where they can immediately perform mobile NFC payments like for food, entertainment and grocery shopping. They will appreciate this fast and fuss-free new means of payment.”
“With KASIKORNBANK and AIS we are able to bring the convenience of mobile NFC sooner and in a secure manner to Thai consumers,” stated Mr Tan Teck-Lee, President, Gemalto Asia. “Gemalto’s TSM services are designed to be implemented securely across national borders and this will help countries to overcome local barriers to NFC implementations. Gemalto is clearly the partner of choice, having the most extensive experience in NFC launches and numerous pilot programs active across the world.”
วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553
Paradigm Shift: Research and market trend
[1G] Centralized computing : i.e. mainframe and dumb terminals
[2G] Distributed computing (Client-server computing) : e.g. traditional WWW, P2P
[3G] Mobile computing (VS. Stationary computings 1G & 2G) : i.e. local standalone mobile applications (iPhone/iPad/Android app., Andriod-platform tablets, Windows7-platform tablets e.g. Acer ICONIA, Windows Phone 7 e.g. ASUS E600, etc.), client-server mobile applications
[4G] Pervasive computing : aka. Ubiquitous computing = 1G + 2G + 3G + Embedded computing e.g. NFC (Near Field Communication), RFID
[5G] Cloud computing (VS. On-premise computings 1G & 2G & 3G) : e.g. Amazon Web Services, MS Azure, Google AppEngine, Apple's iCloud, social network is also Cloud application; another cloud service is AMD Fusion Render Cloud, a super GPU service for online game rendering; convergence phenomenon with Social computing and Volunteer computing (SETI@home) is Social cloud computing; social commerce (groupon, living social, facebook deals) is also cloud service.
[6G] Mobile Cloud computing (VS. Thick/Thin-client cloud computing) e.g. Web-OS tablets (HP's Topaz & Opal), location-based service (Foursquare, Koprol), Apple's iOS5
[7G] Pervasive Cloud computing : = 4G + 5G
[8G] BioPervasive computing : 7G extended into inside the humans' bodies
--By blog's author
[2G] Distributed computing (Client-server computing) : e.g. traditional WWW, P2P
[3G] Mobile computing (VS. Stationary computings 1G & 2G) : i.e. local standalone mobile applications (iPhone/iPad/Android app., Andriod-platform tablets, Windows7-platform tablets e.g. Acer ICONIA, Windows Phone 7 e.g. ASUS E600, etc.), client-server mobile applications
[4G] Pervasive computing : aka. Ubiquitous computing = 1G + 2G + 3G + Embedded computing e.g. NFC (Near Field Communication), RFID
[5G] Cloud computing (VS. On-premise computings 1G & 2G & 3G) : e.g. Amazon Web Services, MS Azure, Google AppEngine, Apple's iCloud, social network is also Cloud application; another cloud service is AMD Fusion Render Cloud, a super GPU service for online game rendering; convergence phenomenon with Social computing and Volunteer computing (SETI@home) is Social cloud computing; social commerce (groupon, living social, facebook deals) is also cloud service.
[6G] Mobile Cloud computing (VS. Thick/Thin-client cloud computing) e.g. Web-OS tablets (HP's Topaz & Opal), location-based service (Foursquare, Koprol), Apple's iOS5
[7G] Pervasive Cloud computing : = 4G + 5G
[8G] BioPervasive computing : 7G extended into inside the humans' bodies
--By blog's author
การป้องกันกรรมตัดรอนอายุไข
สัมภเวสี คือว่าคนที่ตายแล้วยังไม่ถึงอายุขัย เรียกว่ามีกรรมที่เรียกกันว่าอุปฆาตกรรมเข้ามาริดรอนตัดรอนเสียตั้งแต่ยังไม่หมดอายุขัย ท่านพวกนี้เวลาตายแล้วทางนรกไม่ต้องการ ทางสวรรค์ไม่ต้องการ บุญที่ทำไว้ยังไม่ให้ผล หรือว่าบาปที่เขาทำยังไม่ให้ผล ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเรียกเข้าไปสอบสวนและจัดการลงโทษ มีสภาพเหมือนกับคนออกจากบ้านนี้แล้วเข้าบ้านโน้นไม่ได้ จะกลับเข้าบ้านนี้ก็ไม่ได้ เดินไปเดินมาไม่ใช่ว่าแบบหนุ่มเจ้าสำราญนะ เดินแบบลำบาก หาอะไรกินไม่ได้ ผีประเภทนี้เราเรียกกันว่าสัมภเวสี แปลว่าพวกแสวงหาที่เกิด หมายความว่าแสวงหาที่อยู่แน่นอน บรรดาคนที่ตายในสภาพนี้ ที่บรรดาหมอผีทั้งหลายชอบเรียกเอาไปเลี้ยงก็เพราะว่าเขาเป็นคนหิว เขาไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีอาหารเป็นเครื่องบริโภค ในเมื่อสภาพของเขาเป็นคนหิวแบบนี้แล้วใครชวนก็ไป ก็แบบเดียวกับเรา เราก็เหมือนกัน เมื่อที่อยู่ไม่มี ใครชวนไปอยู่ด้วยก็ไป ไปทำไม? ไปเพื่อประทังชีวิตให้มีความสุข พวกนี้ต้องการเครื่องเซ่นสรวงบูชา แล้วสำหรับคนที่ตายประเภทนี้ ที่หมอเขาบอกว่าสะเดาะเคราะห์ได้จะไม่ตาย นี่เป็นความจริงเพราะว่ากรรมที่กระทำให้พวกเขาตาย เรียกว่าอุปฆาตกรรม กรรมเข้ามาตัดรอนในระหว่างอายุขัย ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะต้องตาย แต่ถ้าหากว่า เราทำความดีอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะเป็นการชดเชยกับความชั่วที่จะเข้ามาริดรอนเสียได้ อายุเข้าก็จะยืนต่อไป ที่เรียกกันว่าการต่ออายุ
เมื่อท่านทราบชัดว่า กรรมเดิมมีอะไรบ้างที่จะเข้าริดรอน ท่านก็จะสอบถามว่ากฎกรรมประเภทนี้ จะต้องชดใช้ด้วยอะไร เมื่อทราบชัดท่านก็จะบอกให้ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเฉพาะพระเท่านั้นที่จะรู้ ฆราวาสที่เขารู้ก็มีถมไป ฆราวาสสมัยนี้ มีความดีจนพระควรจะอายมีเยอะ มีไม่น้อย เป็นอันว่าถ้าใช้ถูกจังหวะ ราคาก็ไม่แพง และผลก็จะได้สมความปรารถนาที่เขาจะต้องตายไป ก่อนที่เขาจะหมดอายุขัย ก็เพราะไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ ตานี้ เรื่องการสะเดาะเคราะห์หรือการต่ออายุก็ต้องดูกันใหม่ ดูกันไปว่าควรไม่ควรเพียงใด คนที่ถึงอายุขัยแล้วต่อไม่ไหว พุทธเจ้าไม่เคยต่ออายุใครนี่ แล้วทำไมมาแนะนำให้ชาวบ้านต่ออายุ ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทสงสัยตอนนี้ละก็ไปเปิดพระธรรมบทดู ที่บอกให้เปิดธรรมบทที่เขาลงท้ายว่าขุททกะ ขุททกนิกาย นิกายแปลว่าหมู่ ขุททกะแปลว่าเล็กๆ น้อยๆ คือเรื่องราวที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เล็กๆ น้อยๆ กระจุ๋มกระจิ๋มเป็นวิชาเกล็ด ท่านพุทธโฆษาจารย์ท่านรวมไว้อีกจุดหนึ่งแล้วไปเปิดดูเรื่องอายุวัฒนกุมาร ว่าพระพุทธเจ้าเป็นหมดดูหรือเปล่า แล้วก็พระพุทธเจ้าเป็นนักต่ออายุคนหรือเปล่า นี่นักสมถวิปัสสนา นักเข้าวัดละมักจะสวดพระสวดคนที่เขาทำสมถกรรมฐาน เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถ้าใครเขาดูด้วยอำนาจของญาณ ทำพิธีกรรมละบอกว่านอกรีตนอกรอย ทำไม่ถูก พระพุทธเจ้า สอนไว้ว่าการเป็นหมอดูเป็นไม่ได้ ทำพิธีกรรมแบบนี้ทำไม่ได้ คนเมื่อจะถึงคราวตายเป็นอำนาจกฎของกรรม ทำแล้วมันไม่ถูกนอกรีตนอกรอยนอกประเพณี นอกคำสอนของพระพุทธเจ้า นี่แหละบรรดาญาติโยมคนรู้มากก็ยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ แต่ว่าคนพึ่งคลานได้นี่ซิ กลับไปด่าคนพึ่งคลานได้แบบนี้ นี่ซิ กลับไปด่าคนที่เขาวิ่งแข็งแล้วว่าทำไม่ถูก คนเกิดมาจะต้องคลานอย่างนี้ นี่ซิ มันเป็นแบบนี้ ลักษณะแบบนี้มันมีอยู่มาก อ่านหนังสือไม่ทันจะจบ ตานี้ถ้าไปดูเรื่องอายุวัฒนกุมาร อายุวัฒนกุมารนี่เกิดมาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ยังไม่ ๗ ขวบ นั่งไม่ได้ จะต้องตายในระหว่างนั้น พ่อแม่ของอายุวัฒนกุมาร มีลูกเป็นคนแรก มีพราหมณ์อยู่คนหนึ่งเป็นเพื่อนกัน พราหมณ์คนนี้ แกได้ทิพยจักขุญาณ แกได้ญาณต่าง ๆ มีอตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ ก็ว่ากันไปตามเรื่อง แต่ว่ากำลังญาณ กำลังญาณของแกยังอ่อนกว่าพระพุทธเจ้า แกรู้ตัวว่าแกสู้พระพุทธเจ้าไม่ได้ แกก็ยอมรับว่าพระพุทธเจ้าดีกว่าแก สองคนตายายพ่อแม่ของเด็กอายุวัฒนกุมารคนนี้ ทราบข่าวว่าเพื่อนฤาษีคนนี้เข้ามาในเขตของเมือง ก็พากันไปหา เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน เมื่อคุยกันด้วยดีพอสมควรแก่เวลา ท่านพ่อก็ส่งลูกให้แก่แม่ กราบลาเพื่อนกลับ เพื่อนก็บอกว่าท่านจงมีอายุยืนยาว ทีฆายุโก โหตุ นะ ภาษาบาลี นึกจะไม่พูดให้ฟัง เพราะภาษาบาลีมันขัดคอคนฟัง ทีฆายุโก โหตุ ท่านจงมีอายุยืนยาวเถิด ตานี้เมื่อท่านพ่อกราบลาแล้ว ท่านแม่ก็ส่งลูกให้ท่านพ่อ ท่านแม่กราบบ้าง ท่านพราหมณ์ก็ว่าอย่างนั้น ว่า ขอให้ท่านเป็นผู้มีอายุยืนยาว อีตอนหลัง ก็จับลูกของเขาให้กราบ ลุงพราหมณ์คนนี้แกนิ่งเฉย แกไม่พูดแบบนั้น ท่านพ่อท่านแม่แกก็สงสัยว่า เอ๊ะ ! นี่เรากราบเพื่อนของเรา บอกว่าจงเป็นผู้มีอายุยืนยาว แต่ว่าเวลาที่เราให้ลูกชายของเรากราบ เอาละซีเพื่อนนิ่งเสีย สงสัย ถามว่าเวลาที่ผมกับเมียกราบท่าน ลาท่าน ท่านบอกว่าจงเป็นผู้มีอายุยืนยาว แต่เวลาที่ให้ลูกกราบทำไมจึงนิ่งเฉย ๆ ท่านพราหมณ์ก็บอกว่า ก็ลูกของแกอายุมันไม่ยาวนี่ จะต้องตายภายใน ๗ วัน ถ้าหากว่าฉันพูดแบบนั้นฉันก็พูดผิดน่ะซิ ไม่ได้แล้ว ฉันไม่พูด เขาก็เลยถามว่า ท่านรู้วิธีแก้ไหม ท่านพราหมณ์ก็เลยบอกว่าไอ้รู้ว่าจะตายน่ะรู้ แต่วิธีแก้น่ะ ไม่รู้หรอก คนที่รู้วิธีแก้มีอยู่คนเดียว คือรู้วิธีแก้ไม่ผิด คือพระสมณโคดม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าหากว่าท่านต้องการจะแก้ไม่ให้ลูกของท่านตายละก็ไปหาพระสมณโคดมเถิด ท่านแก้ได้ นี่คนโบราณที่เขาดีจริง ๆ น่ะเขาดี เขาไม่ได้ทะนงตัวนะ ว่าเขาดีแค่นี้ละก้อไม่มีคนดีกว่าเขา ไม่เหมือนบรรดาอาจารย์สมัยปัจจุบัน หวงลูกศิษย์กันนัก ลูกศิษย์ของตัวจะไปหาใครละบอกว่าอย่าเชียวนะ อย่า มาหาฉันแล้วจะไปหาคนอื่นไม่ได้นะ รดน้ำมนต์จากฉันแล้วอย่าไปให้คนอื่นรดเชียวนะ มาเป็นลูกศิษย์ฉันแล้ว อย่าไปเป็นลูกศิษย์คนอื่นเดี๋ยวจะพากันเลอะเทอะ ไม่ได้ของฉันเป็นผู้วิเศษ ดีไม่ดี เป่าขม่อมไปให้แล้วละก้อ อย่าไปให้ใครเป่าทับเชียวนะ ถ้าใครเขาเหาะเหินเดินอากาศไม่ได้ละก็อย่าเชียวแน่ะ เอาเข้ายังนั้น พรรคพวกเรามันเป็นยังงี้นะโยมนะ พรรคพวกเราเป็นแบบนี้อยู่เสมอ ที่ดีท่านก็มี ที่เป็นประเภทนี้ก็มีมาก
ตานี้เมื่อพราหมณ์ ๒ ตายายพ่อแม่ของเด็กทราบว่า เด็กจะตายใน ๗ วัน ก็ตกใจ เพราะเป็นลูกคนแรก ลูกผู้ชายเสียด้วย ออกจากสำนักของพราหมณ์เพื่อนที่แนะนำก็พากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พอไปถึงสำนักของพระพุทธเจ้า ก็ทำแบบนั้นแหละ เวลาลากลับพระพุทธเจ้าก็พูดเหมือนกับพราหมณ์ อีตอนลูกชายลาท่านก็เฉยเสีย พราหมณ์ก็ถาม ท่านก็บอกว่าลูกชายคนนี้จะตายภายใน ๗ วัน เขาก็ถามว่าทำยังไงจึงจะแก้ไขไม่ให้ตายได้เล่าพระพุทธเจ้าข้า พระพุทธเจ้าบอกว่าได้ ถ้าต้องการแบบนั้นได้ เพราะกรรมประเภทนี้เป็นอุปฆาตกรรม ไม่ใช่อายุขัย ถ้าอายุขัยตถาคตก็แก้ไม่ได้ คือเป็นกรรมที่เข้ามาแทรกระหว่างกลาง ซึ่งผลของความดีเด็กนี้ยังมีอยู่มาก ถ้าไม่ตายก่อน จะได้เป็นพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนา แล้วจะมีอายุถึง ๑๒๐ ปี แต่อาศัยเวลานี้ กรรมที่เป็นอกุศลเข้ามาริดรอน จึงเป็นเหตุให้เด็กคนนี้จะต้องตายใน ๗ วัน เมื่อเขาทราบชัดก็ถามสมเด็จพระทรงธรรมว่า ทำยังไงจึงจะไม่ให้เด็กตายพระพุทธเจ้าข้า ท่านก็ตรัสแนะว่าพราหมณ์กลับไปบ้านไปทำโรงพิธีเข้าแล้วก็นิมนต์พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาไปนั่งล้อมเจริญพระปริตรตลอด ๗ วัน เมื่อทำได้อย่างนี้ละก็ลูกของท่านจะพ้นจากความตาย ไอ้เรื่องกลัวเปลืองไม่มีสำหรับคนที่ลูกจะตาย ก็เลยทำตามสั่ง ไปถึงก็ทำโรงพิธีเข้า นิมนต์พระไป พระสมัยนั้นมีมาก ไปนั่งล้อมกันไม่ต้องให้สายสิญจน์ เมื่อล้อมกันแล้วก็เจริญพระปริตร สวดบ้างไม่สวดบ้าง แต่ก็นั่งล้อมกันแบบนั้น พระมาสับเปลี่ยนกันไป ไม่ใช่ไปชุดเดียวแล้วนั่งเจ็ดวันเจ็ดคืน มันคงแย่เหมือนกัน พอถึงวันที่เจ็ดปรากฏว่าพระพุทธเจ้าเสด็จเอง แล้วเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จ พรหมก็มา เทวดาก็มา แล้วคนที่จะเอาชีวิตของเด็กก็เป็นยักษ์ธรรมดา ๆ เป็นลูกน้องของท้าวเวสสุวัณณ์ อีตอนนี้เอง ในเมื่อเจ้านายชั้นผู้ใหญ่มา พลทหารก็ต้องไปยืนสุดกู่ องค์สมเด็จพระบรมครูก็นั่งอยู่จนครบรอบของวันที่ ๗ คือเริ่มต้นของวันท่านก็ไปนั่งจนที่สุดของวันคืออรุณใหม่ เพราะว่ายักษ์ตนนี้ได้รับพรจากท้าวเวสสุวัณณ์ว่าจะมาเอาขีวิตของเด็กคนนี้ได้ภายใน ๗ วัน ถ้าเลย ๗ วันแล้วไม่มีโอกาส ฉะนั้น เมื่อแกมาคอยอยู่ ๖ วันแล้วพระก็นั่งล้อมรอบอยู่แบบนั้น แกก็เข้าไม่ได้ ได้แต่ตั้งท่าว่าพระเผลอเมื่อไรจะเอาเมื่อนั้น แต่พอวันที่ ๗ วันสุดท้ายแกตั้งใจว่า วันนี้จะต้องเอาชีวิตเด็กคนนี้ให้ได้ ให้มันตายจากความเป็นมนุษย์ เพราะอะไร ? เพราะกรรมเดิมสร้างไว้มาก ที่เป็นปาณาติบาต แล้วความดีก็มีแยะ ในเมื่อเห็นท่าเอาไม่ได้แน่แล้วก็ต้องตั้งท่าให้พระเผลอ พระพุทธเจ้าเสด็จเสียเอง เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จ พรหมลงมา ตายักษ์คนนี้แกก็ถอยหลังลงไปพ้นเขตพรหม เทวดาลงมาแกมีบุญน้อยกว่าแกก็ถอยหลังออกไป ในที่สุดแกต้องไปนั่งอยู่ขอบจักรวาล เพราะพรหมและเทวดามาก มีปริมาณมากแล้วสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงนั่งเสียหมดเวลา เป็นอันว่าเด็กคนนั้นไม่ต้องตายเกินเวลาเจ็ดวันยักษ์ทำอันตรายไม่ได้ นี่แหละบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายที่ติดตามรับฟังและติดตามทัศนาจรในภพต่าง ๆ กลับมาภพมนุษย์ด้วยกัน ทราบไว้ว่ากรรมที่เป็นอุปฆาตกรรม คือบรรดาสัมภเวสีพวกนี้ ที่เดินอยู่ข้างหน้า เดินเกลื่อนไปเกลื่อนมา มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคนธรรมดา เวลาที่เขาตาย เวลาที่ตายแต่งตัวแบบไหนนุ่งผ้าประเภทไหนก็แต่งตัวแบบนั้น แล้วก็สำรวยต่าง ๆ ท่าทางแข็งแรง แต่ดูเหมือนว่ามีความกังวลอยู่อย่างหนึ่ง คือมีความทุกข์ใจไม่รู้จะเกิดที่ไหน ไม่รู้จะพักผ่อนที่ไหนได้แน่นอน บรรดาสัมภเวสีพวกนี้มีความลำบาก นี่ถ้าหากว่าบรรดาเขารู้ในด้านการตัดอุปฆาตกรรมเสียได้แล้วละก็เขาจะมีความสุขมาก
ถ้าญาติของเราตาย ตายด้วยอำนาจของสัมภเวสี คือไม่สิ้นอายุ ฟ้าผ่าตาย สุนัขกัดตาย มดกัดตาย ยุงกัดตาย คลอดบุตรตาย ถูกฆ่าตาย ถูกยิงตาย รถชนตาย แต่ก็ไม่แน่นักนะ บรรดาพวกนี้ถึงอายุขัยก็มี แต่เผื่อเหนี่ยวไว้ก่อน สมมุติว่าเขาเป็นสัมภเวสี พอตายไปแล้วไม่ต้องทำบุญมาก ทำบุญให้ได้บุญชัดๆ หาอาหารชนิดที่ไม่มีบาป เอาผ้าไตรมา ๑ ไตร เอาพระพุทธรูปมา ๑ องค์ นิมนต์พระมารับสังฆทานที่บ้าน ทำเงียบๆ อย่าให้มีเหล้ายาปลาปิ้ง อย่าทุบแม้แต่ไข่สักหนึ่งฟอง เมื่อทำบุญเสร็จ อุทิศส่วนกุศลให้เฉพาะคนที่ตาย ไม่ให้ใครทั้งหมด ถ้าทำอย่างนี้ละท่านพวกนี้จะมีความสุข ได้รับผลบุญทันที มีความผ่องใส มีความอิ่มเอิบเมื่อเข้าถึงอายุขัย เมื่อใดก็เป็นอันว่าพวกนี้จะไปถึงด้านของสวรรค์ก่อน
สำหรับท่านอายุวัฒนะกุมารนั้น ปรากฏว่าเมื่อพ้นจากตอนนั้นมาแล้ว ถึงเวลาอายุ ๗ ขวบท่านก็เป็นสามเณร บวชเณร แล้วก็ได้อรหัตผลอยู่มาได้อายุ ๑๒๐ ปี ตรงตามที่องค์สมเด็จพระมหามุนีทรงตรัส
เมื่อท่านทราบชัดว่า กรรมเดิมมีอะไรบ้างที่จะเข้าริดรอน ท่านก็จะสอบถามว่ากฎกรรมประเภทนี้ จะต้องชดใช้ด้วยอะไร เมื่อทราบชัดท่านก็จะบอกให้ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเฉพาะพระเท่านั้นที่จะรู้ ฆราวาสที่เขารู้ก็มีถมไป ฆราวาสสมัยนี้ มีความดีจนพระควรจะอายมีเยอะ มีไม่น้อย เป็นอันว่าถ้าใช้ถูกจังหวะ ราคาก็ไม่แพง และผลก็จะได้สมความปรารถนาที่เขาจะต้องตายไป ก่อนที่เขาจะหมดอายุขัย ก็เพราะไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ ตานี้ เรื่องการสะเดาะเคราะห์หรือการต่ออายุก็ต้องดูกันใหม่ ดูกันไปว่าควรไม่ควรเพียงใด คนที่ถึงอายุขัยแล้วต่อไม่ไหว พุทธเจ้าไม่เคยต่ออายุใครนี่ แล้วทำไมมาแนะนำให้ชาวบ้านต่ออายุ ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทสงสัยตอนนี้ละก็ไปเปิดพระธรรมบทดู ที่บอกให้เปิดธรรมบทที่เขาลงท้ายว่าขุททกะ ขุททกนิกาย นิกายแปลว่าหมู่ ขุททกะแปลว่าเล็กๆ น้อยๆ คือเรื่องราวที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เล็กๆ น้อยๆ กระจุ๋มกระจิ๋มเป็นวิชาเกล็ด ท่านพุทธโฆษาจารย์ท่านรวมไว้อีกจุดหนึ่งแล้วไปเปิดดูเรื่องอายุวัฒนกุมาร ว่าพระพุทธเจ้าเป็นหมดดูหรือเปล่า แล้วก็พระพุทธเจ้าเป็นนักต่ออายุคนหรือเปล่า นี่นักสมถวิปัสสนา นักเข้าวัดละมักจะสวดพระสวดคนที่เขาทำสมถกรรมฐาน เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถ้าใครเขาดูด้วยอำนาจของญาณ ทำพิธีกรรมละบอกว่านอกรีตนอกรอย ทำไม่ถูก พระพุทธเจ้า สอนไว้ว่าการเป็นหมอดูเป็นไม่ได้ ทำพิธีกรรมแบบนี้ทำไม่ได้ คนเมื่อจะถึงคราวตายเป็นอำนาจกฎของกรรม ทำแล้วมันไม่ถูกนอกรีตนอกรอยนอกประเพณี นอกคำสอนของพระพุทธเจ้า นี่แหละบรรดาญาติโยมคนรู้มากก็ยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ แต่ว่าคนพึ่งคลานได้นี่ซิ กลับไปด่าคนพึ่งคลานได้แบบนี้ นี่ซิ กลับไปด่าคนที่เขาวิ่งแข็งแล้วว่าทำไม่ถูก คนเกิดมาจะต้องคลานอย่างนี้ นี่ซิ มันเป็นแบบนี้ ลักษณะแบบนี้มันมีอยู่มาก อ่านหนังสือไม่ทันจะจบ ตานี้ถ้าไปดูเรื่องอายุวัฒนกุมาร อายุวัฒนกุมารนี่เกิดมาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ยังไม่ ๗ ขวบ นั่งไม่ได้ จะต้องตายในระหว่างนั้น พ่อแม่ของอายุวัฒนกุมาร มีลูกเป็นคนแรก มีพราหมณ์อยู่คนหนึ่งเป็นเพื่อนกัน พราหมณ์คนนี้ แกได้ทิพยจักขุญาณ แกได้ญาณต่าง ๆ มีอตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ ก็ว่ากันไปตามเรื่อง แต่ว่ากำลังญาณ กำลังญาณของแกยังอ่อนกว่าพระพุทธเจ้า แกรู้ตัวว่าแกสู้พระพุทธเจ้าไม่ได้ แกก็ยอมรับว่าพระพุทธเจ้าดีกว่าแก สองคนตายายพ่อแม่ของเด็กอายุวัฒนกุมารคนนี้ ทราบข่าวว่าเพื่อนฤาษีคนนี้เข้ามาในเขตของเมือง ก็พากันไปหา เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน เมื่อคุยกันด้วยดีพอสมควรแก่เวลา ท่านพ่อก็ส่งลูกให้แก่แม่ กราบลาเพื่อนกลับ เพื่อนก็บอกว่าท่านจงมีอายุยืนยาว ทีฆายุโก โหตุ นะ ภาษาบาลี นึกจะไม่พูดให้ฟัง เพราะภาษาบาลีมันขัดคอคนฟัง ทีฆายุโก โหตุ ท่านจงมีอายุยืนยาวเถิด ตานี้เมื่อท่านพ่อกราบลาแล้ว ท่านแม่ก็ส่งลูกให้ท่านพ่อ ท่านแม่กราบบ้าง ท่านพราหมณ์ก็ว่าอย่างนั้น ว่า ขอให้ท่านเป็นผู้มีอายุยืนยาว อีตอนหลัง ก็จับลูกของเขาให้กราบ ลุงพราหมณ์คนนี้แกนิ่งเฉย แกไม่พูดแบบนั้น ท่านพ่อท่านแม่แกก็สงสัยว่า เอ๊ะ ! นี่เรากราบเพื่อนของเรา บอกว่าจงเป็นผู้มีอายุยืนยาว แต่ว่าเวลาที่เราให้ลูกชายของเรากราบ เอาละซีเพื่อนนิ่งเสีย สงสัย ถามว่าเวลาที่ผมกับเมียกราบท่าน ลาท่าน ท่านบอกว่าจงเป็นผู้มีอายุยืนยาว แต่เวลาที่ให้ลูกกราบทำไมจึงนิ่งเฉย ๆ ท่านพราหมณ์ก็บอกว่า ก็ลูกของแกอายุมันไม่ยาวนี่ จะต้องตายภายใน ๗ วัน ถ้าหากว่าฉันพูดแบบนั้นฉันก็พูดผิดน่ะซิ ไม่ได้แล้ว ฉันไม่พูด เขาก็เลยถามว่า ท่านรู้วิธีแก้ไหม ท่านพราหมณ์ก็เลยบอกว่าไอ้รู้ว่าจะตายน่ะรู้ แต่วิธีแก้น่ะ ไม่รู้หรอก คนที่รู้วิธีแก้มีอยู่คนเดียว คือรู้วิธีแก้ไม่ผิด คือพระสมณโคดม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าหากว่าท่านต้องการจะแก้ไม่ให้ลูกของท่านตายละก็ไปหาพระสมณโคดมเถิด ท่านแก้ได้ นี่คนโบราณที่เขาดีจริง ๆ น่ะเขาดี เขาไม่ได้ทะนงตัวนะ ว่าเขาดีแค่นี้ละก้อไม่มีคนดีกว่าเขา ไม่เหมือนบรรดาอาจารย์สมัยปัจจุบัน หวงลูกศิษย์กันนัก ลูกศิษย์ของตัวจะไปหาใครละบอกว่าอย่าเชียวนะ อย่า มาหาฉันแล้วจะไปหาคนอื่นไม่ได้นะ รดน้ำมนต์จากฉันแล้วอย่าไปให้คนอื่นรดเชียวนะ มาเป็นลูกศิษย์ฉันแล้ว อย่าไปเป็นลูกศิษย์คนอื่นเดี๋ยวจะพากันเลอะเทอะ ไม่ได้ของฉันเป็นผู้วิเศษ ดีไม่ดี เป่าขม่อมไปให้แล้วละก้อ อย่าไปให้ใครเป่าทับเชียวนะ ถ้าใครเขาเหาะเหินเดินอากาศไม่ได้ละก็อย่าเชียวแน่ะ เอาเข้ายังนั้น พรรคพวกเรามันเป็นยังงี้นะโยมนะ พรรคพวกเราเป็นแบบนี้อยู่เสมอ ที่ดีท่านก็มี ที่เป็นประเภทนี้ก็มีมาก
ตานี้เมื่อพราหมณ์ ๒ ตายายพ่อแม่ของเด็กทราบว่า เด็กจะตายใน ๗ วัน ก็ตกใจ เพราะเป็นลูกคนแรก ลูกผู้ชายเสียด้วย ออกจากสำนักของพราหมณ์เพื่อนที่แนะนำก็พากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พอไปถึงสำนักของพระพุทธเจ้า ก็ทำแบบนั้นแหละ เวลาลากลับพระพุทธเจ้าก็พูดเหมือนกับพราหมณ์ อีตอนลูกชายลาท่านก็เฉยเสีย พราหมณ์ก็ถาม ท่านก็บอกว่าลูกชายคนนี้จะตายภายใน ๗ วัน เขาก็ถามว่าทำยังไงจึงจะแก้ไขไม่ให้ตายได้เล่าพระพุทธเจ้าข้า พระพุทธเจ้าบอกว่าได้ ถ้าต้องการแบบนั้นได้ เพราะกรรมประเภทนี้เป็นอุปฆาตกรรม ไม่ใช่อายุขัย ถ้าอายุขัยตถาคตก็แก้ไม่ได้ คือเป็นกรรมที่เข้ามาแทรกระหว่างกลาง ซึ่งผลของความดีเด็กนี้ยังมีอยู่มาก ถ้าไม่ตายก่อน จะได้เป็นพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนา แล้วจะมีอายุถึง ๑๒๐ ปี แต่อาศัยเวลานี้ กรรมที่เป็นอกุศลเข้ามาริดรอน จึงเป็นเหตุให้เด็กคนนี้จะต้องตายใน ๗ วัน เมื่อเขาทราบชัดก็ถามสมเด็จพระทรงธรรมว่า ทำยังไงจึงจะไม่ให้เด็กตายพระพุทธเจ้าข้า ท่านก็ตรัสแนะว่าพราหมณ์กลับไปบ้านไปทำโรงพิธีเข้าแล้วก็นิมนต์พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาไปนั่งล้อมเจริญพระปริตรตลอด ๗ วัน เมื่อทำได้อย่างนี้ละก็ลูกของท่านจะพ้นจากความตาย ไอ้เรื่องกลัวเปลืองไม่มีสำหรับคนที่ลูกจะตาย ก็เลยทำตามสั่ง ไปถึงก็ทำโรงพิธีเข้า นิมนต์พระไป พระสมัยนั้นมีมาก ไปนั่งล้อมกันไม่ต้องให้สายสิญจน์ เมื่อล้อมกันแล้วก็เจริญพระปริตร สวดบ้างไม่สวดบ้าง แต่ก็นั่งล้อมกันแบบนั้น พระมาสับเปลี่ยนกันไป ไม่ใช่ไปชุดเดียวแล้วนั่งเจ็ดวันเจ็ดคืน มันคงแย่เหมือนกัน พอถึงวันที่เจ็ดปรากฏว่าพระพุทธเจ้าเสด็จเอง แล้วเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จ พรหมก็มา เทวดาก็มา แล้วคนที่จะเอาชีวิตของเด็กก็เป็นยักษ์ธรรมดา ๆ เป็นลูกน้องของท้าวเวสสุวัณณ์ อีตอนนี้เอง ในเมื่อเจ้านายชั้นผู้ใหญ่มา พลทหารก็ต้องไปยืนสุดกู่ องค์สมเด็จพระบรมครูก็นั่งอยู่จนครบรอบของวันที่ ๗ คือเริ่มต้นของวันท่านก็ไปนั่งจนที่สุดของวันคืออรุณใหม่ เพราะว่ายักษ์ตนนี้ได้รับพรจากท้าวเวสสุวัณณ์ว่าจะมาเอาขีวิตของเด็กคนนี้ได้ภายใน ๗ วัน ถ้าเลย ๗ วันแล้วไม่มีโอกาส ฉะนั้น เมื่อแกมาคอยอยู่ ๖ วันแล้วพระก็นั่งล้อมรอบอยู่แบบนั้น แกก็เข้าไม่ได้ ได้แต่ตั้งท่าว่าพระเผลอเมื่อไรจะเอาเมื่อนั้น แต่พอวันที่ ๗ วันสุดท้ายแกตั้งใจว่า วันนี้จะต้องเอาชีวิตเด็กคนนี้ให้ได้ ให้มันตายจากความเป็นมนุษย์ เพราะอะไร ? เพราะกรรมเดิมสร้างไว้มาก ที่เป็นปาณาติบาต แล้วความดีก็มีแยะ ในเมื่อเห็นท่าเอาไม่ได้แน่แล้วก็ต้องตั้งท่าให้พระเผลอ พระพุทธเจ้าเสด็จเสียเอง เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จ พรหมลงมา ตายักษ์คนนี้แกก็ถอยหลังลงไปพ้นเขตพรหม เทวดาลงมาแกมีบุญน้อยกว่าแกก็ถอยหลังออกไป ในที่สุดแกต้องไปนั่งอยู่ขอบจักรวาล เพราะพรหมและเทวดามาก มีปริมาณมากแล้วสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงนั่งเสียหมดเวลา เป็นอันว่าเด็กคนนั้นไม่ต้องตายเกินเวลาเจ็ดวันยักษ์ทำอันตรายไม่ได้ นี่แหละบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายที่ติดตามรับฟังและติดตามทัศนาจรในภพต่าง ๆ กลับมาภพมนุษย์ด้วยกัน ทราบไว้ว่ากรรมที่เป็นอุปฆาตกรรม คือบรรดาสัมภเวสีพวกนี้ ที่เดินอยู่ข้างหน้า เดินเกลื่อนไปเกลื่อนมา มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคนธรรมดา เวลาที่เขาตาย เวลาที่ตายแต่งตัวแบบไหนนุ่งผ้าประเภทไหนก็แต่งตัวแบบนั้น แล้วก็สำรวยต่าง ๆ ท่าทางแข็งแรง แต่ดูเหมือนว่ามีความกังวลอยู่อย่างหนึ่ง คือมีความทุกข์ใจไม่รู้จะเกิดที่ไหน ไม่รู้จะพักผ่อนที่ไหนได้แน่นอน บรรดาสัมภเวสีพวกนี้มีความลำบาก นี่ถ้าหากว่าบรรดาเขารู้ในด้านการตัดอุปฆาตกรรมเสียได้แล้วละก็เขาจะมีความสุขมาก
ถ้าญาติของเราตาย ตายด้วยอำนาจของสัมภเวสี คือไม่สิ้นอายุ ฟ้าผ่าตาย สุนัขกัดตาย มดกัดตาย ยุงกัดตาย คลอดบุตรตาย ถูกฆ่าตาย ถูกยิงตาย รถชนตาย แต่ก็ไม่แน่นักนะ บรรดาพวกนี้ถึงอายุขัยก็มี แต่เผื่อเหนี่ยวไว้ก่อน สมมุติว่าเขาเป็นสัมภเวสี พอตายไปแล้วไม่ต้องทำบุญมาก ทำบุญให้ได้บุญชัดๆ หาอาหารชนิดที่ไม่มีบาป เอาผ้าไตรมา ๑ ไตร เอาพระพุทธรูปมา ๑ องค์ นิมนต์พระมารับสังฆทานที่บ้าน ทำเงียบๆ อย่าให้มีเหล้ายาปลาปิ้ง อย่าทุบแม้แต่ไข่สักหนึ่งฟอง เมื่อทำบุญเสร็จ อุทิศส่วนกุศลให้เฉพาะคนที่ตาย ไม่ให้ใครทั้งหมด ถ้าทำอย่างนี้ละท่านพวกนี้จะมีความสุข ได้รับผลบุญทันที มีความผ่องใส มีความอิ่มเอิบเมื่อเข้าถึงอายุขัย เมื่อใดก็เป็นอันว่าพวกนี้จะไปถึงด้านของสวรรค์ก่อน
สำหรับท่านอายุวัฒนะกุมารนั้น ปรากฏว่าเมื่อพ้นจากตอนนั้นมาแล้ว ถึงเวลาอายุ ๗ ขวบท่านก็เป็นสามเณร บวชเณร แล้วก็ได้อรหัตผลอยู่มาได้อายุ ๑๒๐ ปี ตรงตามที่องค์สมเด็จพระมหามุนีทรงตรัส
วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553
การฟัง 3 มิติช่วยให้เข้าใจผู้พูดอย่างลึกซึ้ง
- ฟังเพื่อรับรู้เนื้อหาสาระจากคำพูดของผู้พูด
- ฟังเพื่อรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของผู้พูดที่ซ่อนอยู่ขณะที่พูด
- ฟังเพื่อรับรู้ความตั้งใจที่แท้จริงของผู้พูดที่อาจไม่แสดงออกชัดเจนขณะที่พูด
วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553
3R และวิธีการประหยัดพลังงาน
3R คือ Waste hierarchy ซึ่งประกอบด้วย Reduce, Reuse, Recycle (+Recovery, Disposal)
วิธีการประหยัดพลังงาน
1.อย่าใช้กระดาษหน้าเดียวทิ้ง ให้ใช้กระดาษอย่างคุ้มค่าใช้ทั้งสองหน้า
2.ในสำนักงานให้ใช้การส่งเอกสารต่อๆกัน แทนการสำเนาเอกสารหลายๆ ชุด เพื่อประหยัดกระดาษ ประหยัดพลังงาน
3.ใช้การส่งผ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยโมเด็ม หรือแผ่นดิสก์ แทนการส่งข่าวสารข้อมูลโดยกระดาษเพราะช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ลดการใช้พลังงานได้มาก
4. รู้จักแยกแยะประเภทขยะ เพื่อช่วยลดขั้นตอน และลดพลังงานในการทำลายขยะ และทำให้ขยะทั้งหลายง่ายต่อการกำจัด
5.ขึ้นลงชั้นเดียวหรือสองชั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ลิฟท์ จำไว้เสมอว่าการกดลิฟท์แต่ละครั้ง สูญเสียพลังงานถึง 7 บาท
6.งด เลิก บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วทิ้งเลย เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานในการผลิต ใช้ทรัพยากรธรรมชาติสิ้นเปลือง เพิ่มปริมาณขยะ เปลืองพลังงานในการกำจัดขยะ
7.ลดการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่ยากต่อการทำลาย เช่น โฟม หรือพลาสติก ควรเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Reuse) หรือนำไปผ่านกระบวนการผลิตมาใช้ใหม่ได้ (Recycle)
8.สนับสนุนสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ เป็นวัสดุที่สามารถนำมาผ่านกระบวนการนำมาใช้ใหม่ (Recycle) เช่น แก้ว กระดาษ โลหะ พลาสติกบางประเภท โดยจัดให้มีการแยกขยะในครัวเรือนและในสำนักงาน
9.ให้ความร่วมมือ สนับสนุน หรือเข้าร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่รณรงค์ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์พลังงาน
10. กระตุ้นเตือนให้ผู้อื่นช่วยกันประหยัดพลังงาน โดยการติดสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายให้ช่วยประหยัดไฟ ตรงบริเวณใกล้สวิทช์ไฟ เพื่อเตือนให้ปิดเมื่อเลิกใช้แล้ว
วิธีการประหยัดพลังงาน
1.อย่าใช้กระดาษหน้าเดียวทิ้ง ให้ใช้กระดาษอย่างคุ้มค่าใช้ทั้งสองหน้า
2.ในสำนักงานให้ใช้การส่งเอกสารต่อๆกัน แทนการสำเนาเอกสารหลายๆ ชุด เพื่อประหยัดกระดาษ ประหยัดพลังงาน
3.ใช้การส่งผ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยโมเด็ม หรือแผ่นดิสก์ แทนการส่งข่าวสารข้อมูลโดยกระดาษเพราะช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ลดการใช้พลังงานได้มาก
4. รู้จักแยกแยะประเภทขยะ เพื่อช่วยลดขั้นตอน และลดพลังงานในการทำลายขยะ และทำให้ขยะทั้งหลายง่ายต่อการกำจัด
5.ขึ้นลงชั้นเดียวหรือสองชั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ลิฟท์ จำไว้เสมอว่าการกดลิฟท์แต่ละครั้ง สูญเสียพลังงานถึง 7 บาท
6.งด เลิก บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วทิ้งเลย เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานในการผลิต ใช้ทรัพยากรธรรมชาติสิ้นเปลือง เพิ่มปริมาณขยะ เปลืองพลังงานในการกำจัดขยะ
7.ลดการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่ยากต่อการทำลาย เช่น โฟม หรือพลาสติก ควรเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Reuse) หรือนำไปผ่านกระบวนการผลิตมาใช้ใหม่ได้ (Recycle)
8.สนับสนุนสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ เป็นวัสดุที่สามารถนำมาผ่านกระบวนการนำมาใช้ใหม่ (Recycle) เช่น แก้ว กระดาษ โลหะ พลาสติกบางประเภท โดยจัดให้มีการแยกขยะในครัวเรือนและในสำนักงาน
9.ให้ความร่วมมือ สนับสนุน หรือเข้าร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่รณรงค์ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์พลังงาน
10. กระตุ้นเตือนให้ผู้อื่นช่วยกันประหยัดพลังงาน โดยการติดสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายให้ช่วยประหยัดไฟ ตรงบริเวณใกล้สวิทช์ไฟ เพื่อเตือนให้ปิดเมื่อเลิกใช้แล้ว
วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วัตถุประสงค์ของการทำปริญญานิพนธ์
- เพื่อให้ นศ. ได้ฝึกการสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมซึ่งจะต้องพบเมื่อออกไปประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรม
- เพื่อประมวลและบูรณาการความรู้ที่ได้เรียนมาในการประยุกต์ใช้งานจริง
- เพื่อศึกษาเพิ่มเติมถึงองค์ความรู้ืที่ยังขาดและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมาตรฐานซึ่งต้องใช้ในการทำโครงงาน
- เพื่อสร้างทักษะการคิดสายโซ่เหตุและผลอย่างเป็นระบบบนพื้นฐานของวงจรการพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมจริง, เพื่อสร้างทักษะการนำเสนอ, การเขียน, การสาธิตผลงาน และการทำงานเป็นทีม
ความอยากได้มรรคผลนิพพานไม่ใช่กิเลส
แม้แต่พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ก็ต้องตั้งความอยากประเภทนี้ซึ่งเป็นเป้าหมายในการปฏิบัตินั่นเอง ทำการใดไร้เป้าหมายถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง-- หลวงพ่อสนองฯ วัดสังฆทานธรรม
วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ความรักจากพ่อแม่ไม่มีใครเทียบได้
ท่ามกลางความหลง สติอาจสังเกตได้บ้างว่าความรักจากแฟนยังมิอาจเทียบได้กับความรักของพ่อหรือแม่ แต่ก็ต้องยอมรับ รักพ่อรักแม่ที่สุดในดวงใจ
วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553
คนลำบาก
คนที่่เอาความสุขไปผูกติดกับวัตถุภายนอกเป็นคนลำบาก อยู่ยาก เพราะต้องมีวัตถุนั้นอยู่กับตัวจึงมีความสุข--ปอ ปยุตโต
วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553
มนุษย์ต่างดาวในพระพุทธศาสนา
จากหนังสือ ซอกตู้พระไตรปิฏก ที่เล่าถึงภพภูมิต่าง ๆ (จากการบรรยายของท่านอาจารย์วิชิต ธรรมรังษี เรื่องภพภูมิต่าง ๆ ประกอบการบรรยายพระอภิธัมมัตสังคหะ ปริเฉทที่ ๕ วิถีมุตตสังคหวิภาค ในหมวดที่ ๑ ภูมิจตุกะ)
1) อุตตรกุรุทวีป อายุขัย ๑,๐๐๐ ปี มีความเป็นอยู่สุขสบายมาก เพราะเกิดด้วยอำนาจบุญอันแรง คือ ทำบุญแก่กล้ามาก แต่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ข้าวก็ไม่ต้องปลูก(เมล็ดใหญ่มาก ๆ เมล็ดเดียวอิ่ม) เมื่อเด็ดไป ก็งอกขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ไม่ต้องปรุง ที่นั้นมีหินชนิดหนึ่ง กลางวันให้ความร้อน นำไปปรุงอาหารได้ กลางคืนให้ความสว่าง ใบหน้าของเขาเป็นรูปสี่เหลี่ยมตัดหมด เมื่อจุติจากอุตตรกุรุทวีปจะปฏิสนธิเป็นเทวดาหรือไม่ก็นางฟ้าไปเป็นภูมิรองรับแน่นอนเลย ในชั้นจาตุมหาราชิกาและดาวดึงส์ ๒ ชั้นเท่านั้น เพราะบุญที่ทำไว้นี่แรงมาก แล้วอยู่ที่นั่นมีโมหะ แต่ไม่มีโอกาสทำบาป เมื่อหมดบุญจากเทวดา ส่วนใหญ่จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะชีวิตที่เป็นอยู่เป็นโมหะตลอด คนที่นี้ความเป็นอยู่สุขสบาย เพราะว่าเกิดด้วยอำนาจบุญอันแรง คือทำบุญแก่กล้ามาก แต่เป็นบุญที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา เช่น ทำบุญสร้างโบสถ์คนเดียวไม่ยอมให้ใครร่วมเลย
2)บุพเพวิทหทวีป อายุขัย ๗๐๐ ปี ใบหน้ารูปทรงบาตรหน้าตัด ชีวิตความเป็นอยู่ต้องดิ้นรน มีแต่ภูเขา ส่วนใหญ่เป็นกลางคืนและมืดมากเนื่องจากได้รับแสงอาทิตย์ค่อนข้างน้อย ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย สมสู่กันตลอดเวลา ออกลูกแฝดและเสียชีวิตเป็นส่วนใหญ่ ตายจากที่นี้จะไปนรกเสียมาก เพราะการเกิดได้ที่บุพพวิเทหทวีปนี่มีปัญญาพอดี แต่เป็นปัญญาทางโลก คือนักวิจัย นักค้นคว้า แล้วก็ไม่มีบุญ เพราะพวกนี้เห็นไหม การทำนี่มันจะต้องทุ่มเทชีวิตอยู่ในห้องวิจัย โอกาสจะแสวงหาบุญก็ไม่มี
3)อมรโคยานทวีป ไม่มีบุญแล้วก็ไม่มีปัญญา ความเป็นอยู่แบบป่าเถื่อน ชอบกินของสด ๆ คาว ๆ ชอบกินเนื้อคน ไม่กินเนื้อสัตว์อื่น ออกลูกแล้วกินลูกตัวเองเป็นอาหาร บางคนต้องหลบหนีไปออกลูกบนเขา สองพวกนี้ คือมนุษย์ในบุพพวิเทหทวีป และ อปรโคยานทวีป ในพระไตรปิฏกไม่ได้อธิบายมากมาย เพราะว่าไม่เป็นเรื่องน่านิยม อุตตรกุรุทวีปนี่เป็นเรื่องน่าศึกษาเพราะไปด้วยบุญและมีโอกาสไปเป็นเทวดา และเผื่อตั้งตนไว้ชอบ ไปเจออาจารย์ดีมันก็มีโอกาสเปลี่ยนจริต ส่วนอีก ๒ ทวีปนั้นมีโมหจริตและวิตกจริตเสียมาก ไม่มีโอกาสที่จะแก้ไข ห่างไกลรัศมีพระธรรม ถึงมีโอกาสเกิดในชมพูทวีป ตอนพระพุทธเจ้าประกาสศาสนาก็จะเป็นพวกเดียรถีย์หรือไม่ก็นิยตมิจฉาทิฏฐิเสียมาก
4) ชมพูทวีป (หนังสือ พระพุทธเจ้าองค์ใหม่ที่จะตรัสรู้ต่อจาก "เจ้าชายสิทธัตถะ" ได้อ้างอิง อมตรสธารา อรรถกถาอนาคตวงศ์ รจนาโดย พระอุปติสสะเถระ พระอรรถกถาจารย์ แห่งลังกาทวีป อธิบายว่า) เป็นทวีปเดียวใน ๔ ทวีปที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายเลือกลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะอายุขัยของมนุษย์ในชมพูทวีปมีกำหนดไม่แน่นอน มนุษย์ในชมพูทวีปนี้ จึงไม่ประมาทมากนัก พอที่พระพุทธเจ้าจะแสดงพระธรรมเทสนาสั่งสอนให้ตรัสรู้ตามได้ ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ในทวีปอื่นที่เหลืออีก ๓ ทวีป คือ มนุษย์ในบุพพวิเทหทวีป มีอายุยืนได้ ๑๐๐ ปีจึงตาย มนุษย์ในอมรโคยานทวีปมีอายุยืนได้ ๔๐๐ ปีจึงตาย มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีป มีอายุยืนได้ ๑,๐๐๐ ปีจึงตาย และเหตุที่มนุษย์ทั้ง ๓ ทวีปนี้ มีอายุยืนและมีกำหนดแน่นอนเพราะมนุษย์ทั้งหลายมีปกติรักษาศีล ๕ อยู่เสมอ ชมพูทวีปตั้งอยู่ในมหาสมุทรโสณสาคร ทางทิศใต้ของเขาพระสุเมรุ มีทวีปเป็นเกาะใหญ่ มีสัณฐานเป็นรูปเรือนเกวียนหรือรูปไข่ ใบหน้าของมนุษย์ในทวีปนี้ ก็เป็นรูปไข่ด้วย ทวีปนี้มีไม้ชมพู หรือ ไม้หว้า เป็นไม้ประจำทวีป เหตุนี้จึงเรียกว่า “ชมพูทวีป”
1) อุตตรกุรุทวีป อายุขัย ๑,๐๐๐ ปี มีความเป็นอยู่สุขสบายมาก เพราะเกิดด้วยอำนาจบุญอันแรง คือ ทำบุญแก่กล้ามาก แต่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ข้าวก็ไม่ต้องปลูก(เมล็ดใหญ่มาก ๆ เมล็ดเดียวอิ่ม) เมื่อเด็ดไป ก็งอกขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ไม่ต้องปรุง ที่นั้นมีหินชนิดหนึ่ง กลางวันให้ความร้อน นำไปปรุงอาหารได้ กลางคืนให้ความสว่าง ใบหน้าของเขาเป็นรูปสี่เหลี่ยมตัดหมด เมื่อจุติจากอุตตรกุรุทวีปจะปฏิสนธิเป็นเทวดาหรือไม่ก็นางฟ้าไปเป็นภูมิรองรับแน่นอนเลย ในชั้นจาตุมหาราชิกาและดาวดึงส์ ๒ ชั้นเท่านั้น เพราะบุญที่ทำไว้นี่แรงมาก แล้วอยู่ที่นั่นมีโมหะ แต่ไม่มีโอกาสทำบาป เมื่อหมดบุญจากเทวดา ส่วนใหญ่จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะชีวิตที่เป็นอยู่เป็นโมหะตลอด คนที่นี้ความเป็นอยู่สุขสบาย เพราะว่าเกิดด้วยอำนาจบุญอันแรง คือทำบุญแก่กล้ามาก แต่เป็นบุญที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา เช่น ทำบุญสร้างโบสถ์คนเดียวไม่ยอมให้ใครร่วมเลย
2)บุพเพวิทหทวีป อายุขัย ๗๐๐ ปี ใบหน้ารูปทรงบาตรหน้าตัด ชีวิตความเป็นอยู่ต้องดิ้นรน มีแต่ภูเขา ส่วนใหญ่เป็นกลางคืนและมืดมากเนื่องจากได้รับแสงอาทิตย์ค่อนข้างน้อย ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย สมสู่กันตลอดเวลา ออกลูกแฝดและเสียชีวิตเป็นส่วนใหญ่ ตายจากที่นี้จะไปนรกเสียมาก เพราะการเกิดได้ที่บุพพวิเทหทวีปนี่มีปัญญาพอดี แต่เป็นปัญญาทางโลก คือนักวิจัย นักค้นคว้า แล้วก็ไม่มีบุญ เพราะพวกนี้เห็นไหม การทำนี่มันจะต้องทุ่มเทชีวิตอยู่ในห้องวิจัย โอกาสจะแสวงหาบุญก็ไม่มี
3)อมรโคยานทวีป ไม่มีบุญแล้วก็ไม่มีปัญญา ความเป็นอยู่แบบป่าเถื่อน ชอบกินของสด ๆ คาว ๆ ชอบกินเนื้อคน ไม่กินเนื้อสัตว์อื่น ออกลูกแล้วกินลูกตัวเองเป็นอาหาร บางคนต้องหลบหนีไปออกลูกบนเขา สองพวกนี้ คือมนุษย์ในบุพพวิเทหทวีป และ อปรโคยานทวีป ในพระไตรปิฏกไม่ได้อธิบายมากมาย เพราะว่าไม่เป็นเรื่องน่านิยม อุตตรกุรุทวีปนี่เป็นเรื่องน่าศึกษาเพราะไปด้วยบุญและมีโอกาสไปเป็นเทวดา และเผื่อตั้งตนไว้ชอบ ไปเจออาจารย์ดีมันก็มีโอกาสเปลี่ยนจริต ส่วนอีก ๒ ทวีปนั้นมีโมหจริตและวิตกจริตเสียมาก ไม่มีโอกาสที่จะแก้ไข ห่างไกลรัศมีพระธรรม ถึงมีโอกาสเกิดในชมพูทวีป ตอนพระพุทธเจ้าประกาสศาสนาก็จะเป็นพวกเดียรถีย์หรือไม่ก็นิยตมิจฉาทิฏฐิเสียมาก
4) ชมพูทวีป (หนังสือ พระพุทธเจ้าองค์ใหม่ที่จะตรัสรู้ต่อจาก "เจ้าชายสิทธัตถะ" ได้อ้างอิง อมตรสธารา อรรถกถาอนาคตวงศ์ รจนาโดย พระอุปติสสะเถระ พระอรรถกถาจารย์ แห่งลังกาทวีป อธิบายว่า) เป็นทวีปเดียวใน ๔ ทวีปที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายเลือกลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะอายุขัยของมนุษย์ในชมพูทวีปมีกำหนดไม่แน่นอน มนุษย์ในชมพูทวีปนี้ จึงไม่ประมาทมากนัก พอที่พระพุทธเจ้าจะแสดงพระธรรมเทสนาสั่งสอนให้ตรัสรู้ตามได้ ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ในทวีปอื่นที่เหลืออีก ๓ ทวีป คือ มนุษย์ในบุพพวิเทหทวีป มีอายุยืนได้ ๑๐๐ ปีจึงตาย มนุษย์ในอมรโคยานทวีปมีอายุยืนได้ ๔๐๐ ปีจึงตาย มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีป มีอายุยืนได้ ๑,๐๐๐ ปีจึงตาย และเหตุที่มนุษย์ทั้ง ๓ ทวีปนี้ มีอายุยืนและมีกำหนดแน่นอนเพราะมนุษย์ทั้งหลายมีปกติรักษาศีล ๕ อยู่เสมอ ชมพูทวีปตั้งอยู่ในมหาสมุทรโสณสาคร ทางทิศใต้ของเขาพระสุเมรุ มีทวีปเป็นเกาะใหญ่ มีสัณฐานเป็นรูปเรือนเกวียนหรือรูปไข่ ใบหน้าของมนุษย์ในทวีปนี้ ก็เป็นรูปไข่ด้วย ทวีปนี้มีไม้ชมพู หรือ ไม้หว้า เป็นไม้ประจำทวีป เหตุนี้จึงเรียกว่า “ชมพูทวีป”
ระยะทาง ระยะเวลาในพุทธศาสนา
- 20 วา เป็น 1 เส้น 400 เส้น เป็น 1 โยชน์ ดังนั้น 1 โยชน์เท่ากับ 16 กม.
- 1 อสงไข คืออ ระยะเวลาที่ใช้ในการนำเถ้าร่างกายของผู้นั้นกองถมกันสูง 1 โยชน์
- อายุของโลกรอบหนึ่ง (โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) เท่ากับระยะเวลาหนึ่งกัปล์ หรือ กัลป์ คือระยะเวลาที่ใช้ในการนำเมล็ดผักกาดใส่ในหลุมขนาด กว้าง ยาว ลึก ๑ โยชน์ ทุกๆ ๑๐๐ ปี
- 1 อสงไข เท่ากับ 10^140 กัปล์
วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553
การตั้งสติที่เป็นกุศล
เฝ้าดูจิต กำลังโกรธก็เห็นว่าโกรธ แต่อย่าไปเกลี่ยดจิตที่กำลังโกรธ อย่าไปอยากให้จิตที่กำลังโกรธหายไป เช่นนี้จิตจึงไ่ม่ขุ่นมัวและผ่องใสขึ้น
วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553
อามิสบูชา
อามิสบูชา แปลว่า บูชาด้วยสิ่งของ เช่น
- ธูปสามดอกใช้บูชาพระพุทธ
- เทียนบูชาพระธรรม
- ดอกไม้บูชาพระสงฆ์
สิ่งพึงกระทำเมื่อไปร่วมงานศพ
- ปลงชีวิต
- ไหว้ศพด้วยธูปหนึ่งดอกเพื่อขออโหสิกรรม สิ่งใดที่เคยล่วงเกินไปทางกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วิธีคิดขณะทำทานเพื่อให้ได้บุญมาก
ถ้าคิดว่าทำทานเพื่อไว้ใช้ในชาติอื่นๆ จะได้บุญน้อยกว่าคิดว่าทำเพราะรู้ว่าเป็นกุศล หรือสิ่งที่เป็นวัตถุทานเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
พ่อแม่ญาติพี่น้องกันทั้งโลก
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าบนโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่เคยเกิดเป็นพ่อแม่พี่น้องหรือญาติกันเลย ดังนั้นจงเมตตาต่อกันเถิด
วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สุนัขเตือนสติ
- "ถามหมาดูกตัญญูคืออะไร" เป็นชื่อเพลงลูกทุ่งเตือนสติ
- "เหล้า" เป็นน้ำที่แม้แต่สุนัขยังไม่ดื่ม
วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ศีลธรรมกันยิ่งจน
ครอบครัวใดจนโภคทรัพย์แล้วยังจนศีลธรรมก็จะยิ่งจนหนัก เช่น แทบไม่มีเงินแต่ไปกินเหล้าเมายา--หลวงพ่อสนอง เจ้าอาวาศวัดสังฆทานธรรม
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ตระหนี่ในวรรณะ
คือผู้ที่คิดว่าผู้อื่นต่ำกว่าตน เท่าตน หรือสูงกว่าตน ควรปล่อยวางความคิดเหล่านี้ให้หมด
วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ปรัชญาการสอนคน
การสอนคนที่ถูกต้องคือการไม่สอน แต่แนะนำแนวทาง ชี้แหล่งข้อมูลให้ไปศึกษาเอง จะทำให้ผู้เรียนได้ฝึกคิดซึ่งเป็นความสามารถของมนุษย์ที่เหนือกว่าสัตว์โลกประเภทอื่น (เรื่องที่เกี่ยวข้อง http://drjiw.blogspot.com/2010/06/blog-post_2845.html)
คือควรให้ทั้งความรู้และทักษะในการค้นหาหรือสร้างความรู้ด้วยตนเอง
คือควรให้ทั้งความรู้และทักษะในการค้นหาหรือสร้างความรู้ด้วยตนเอง
วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553
องค์ประกอบของการทำกรรมที่เป็นบาปข้อปาณาติปาตา
- มีชีวิต
- รู้ว่ามีชีวิต
- เจตนาฆ่า
- สิ่งมีชีวิตนั้นตายด้วยการฆ่าดังกล่าว
ยักษ์
- คือเทวดาประเภทหนึ่ง มีทั้งยักษ์ดีและปกปักษ์พุทธศาสนาและยักษ์ไม่ดีที่มีมิจฉาทิฏฐิ
- คำว่า นะโม ถูกตั้งโดยยักษ์ คำว่า ตัสสะ ถูกตั้งโดยยักษ์อีกตนหนึ่ง และ ภควัตโต ถูกตั้งโดยท้าวจตุมหาราชิกา อรหัตโต ตั้งโดย ท้าวสักกเทวราช ผู้เป็นหัวหน้าเหล่าเทวดาในชั้นดาวดึงส์ซึ่งสูงกว่าชั้นของท้าวจตุมหาราชิกา สัมมาสัมพุทธัสสะ ถูกตั้งโดยท้าวมหาพรหมซึ่งอยู่ชั้นสูงกว่าชั้นดาวดึงส์
การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา
การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาหรือประสิทธิภาพของครูอาจารย์เพื่อประกอบการขอตำแหน่งวิชาการควรวัดจากระดับความสามารถของผู้เรียนที่เพิ่มขึ้นหลังจบหลักสูตร มิใช่ดูแต่ความสามารถเฉลี่ยหรือเกรดเฉลี่ย
วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การเลี้ยงลูกไม่ให้เป็นปัญหาสังคม
- ฝึกให้เด็กซาบซึ้งถึงความลำบาก โตขึ้นจะได้เห็นคุณค่าของเงิน เช่น ให้ขึ้นรถเมล์ไปเีัรียน
- อย่าให้ของเกินวุฒิภาวะเด็ก เช่น ซื้อรถ เด็กอาจนำไปแข่งกัน
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เรื่องดีไม่ค่อยจำ
มนุษย์ส่วนใหญ่ เรื่องดีไม่ค่อยจำ เรื่องจำไม่ค่อยดี ดังนั้นถ้าทำดีและชั่วกับคนเดียวกันเท่าๆ กัน ผลจะเป็นลบเสียส่วนใหญ่ ไม่ใช่ศูนย์
วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ต้นงิ้วสำหรับผู้ประพฤติผิดในกาม
มีหนามที่ชี้ขี้นชี้ลงได้เอง ผู้ทำกรรมจะโดนสุนัขนรกไล่กัดจึงต้องปีนขึ้นต้นงิ้ว ระหว่างปีนขึ้นหนามมันจะชี้ลง พอปีนขึ้นไปจะโดนอีกาจิกจึงต้องปีนลง ระหว่างปีนลงหนามมันจะชี้ขึ้น พอลงมาใหม่ก็โดนสุนัขจะกัดอีก เช่นนี้เรื่อยไปจนกว่าจะหมดกรรม
วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ศรัทธา
ศรัทธาที่แรงไปจะบทบังปัญญา ดังสมัยพุทธกาลมีชายเดินทางมาเป็นระยะทางไกลมากเพื่อขอพบพระพุทธเจ้าเพื่อต้องการให้แสดงธรรม แต่มาถึงขณะพระพุทธเจ้ากำลังบิณฑบาตร พระพุทธเจ้าทราบว่าผู้นี้มีศรัทธาแรงเกินไป จึงลดศรัทธาโดยบอกแต่ชายดังกล่าวว่าเวลานี้ยังมิใช่เวลาในการแสดงธรรม ทำให้ชายที่ตั้งใจมาอย่างแรงกล้าลดศรัทธาลง พระพุทธองค์จึงให้ชายผู้นี้สังเกตอารมณ์เจริญวิปัสนาขณะรอ จนบรรลุเป็นพระอรหันต์
ธรรมทานที่มีอานิสงส์
ธรรมทานประเสริฐกว่าทานทุกอย่าง แต่ธรรมทานนั้นจะเกิดขึ้นได้เพราะมีผู้แสดงธรรม ซึ่งการแสดงธรรมให้ดี ให้เกิดประโยชน์สุขนั้น ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ เลย ดังที่พระพุทธองค์ตรัสแก่พระอานนท์ในอุทายิสูตร2 ว่า อานนท์ การแสดงธรรมแก่ผู้อื่น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย อานนท์ ผู้แสดง(พระธรรมกถึก)ก่อนแสดงธรรม พึงตั้งธรรม 5 อย่างไว้ในตน แล้วจึงแสดง คือ
- จักแสดงธรรมตามลำดับ ไม่ตัดวรรคถ้อยความ
- จักแสดงโดยปริยาย อ้างเหตุผลให้ผู้ฟังเข้าใจ
- จักอาศัยความเอ็นดูแสดงธรรม
- จักไม่เห็นแก่อามิส(หวังอยากได้ลาภผล)
- จักไม่กล่าวคำที่กระทบตนและผู้อื่น
วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สมมติ
สัจจะมีสองอย่างคือ
- ปรมัตถสัจจะ คือ ความจริงสูงสุด
- สมมติสัจจะ คือ ความจริงที่สมมติขึ้น ช่วยให้มนุษย์มีอารยธรรม เช่น ภาษาต่างๆ ที่มีการสมมติหรือยอมรับร่วมกันว่าสิ่งนี้จะเรียกว่าอย่างนั้นอย่างนี้
อย่าร้องไห้ให้คนดีที่สิ้นชีวิตลง
อย่าร้องไห้ให้คนดีที่ตายไป เพราะคนดีเมื่อตายไปเขาไปดีแน่ หากแต่คนชั่วน่าสงสารเพราะตายไปก็ไปสู่ภพภูมิที่แย่กว่าเดิม
หลักสูตรการศึกษาไทย
การศึกษาไทยหลับหูหลับตาบรรจุสิ่งที่ไม่ควรรู้ไว้มากเกินไป สิ่งที่ควรรู้ไม่บรรจุให้เพียงพอ เพราะมัวไปตามก้นฝรั่ง แล้วพวกฝรั่งทำให้โลกนี้สงบสุขได้หรือไม่ --พุทธทาส
วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ข้อคิดของไก่อู โฆษก ศอฉ
คนเก่งมีเยอะ แต่คนที่ได้รับโอกาสมีน้อย ดังนั้นเมื่อได้รับโอกาสแล้วต้องทำให้ดีที่สุด
วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เปรตต่างกับอสุรกายอย่างไร
ความเป็นจริงแล้ว สัตว์ทั้งสองประเภทนี้เป็นประเภทเดียวกัน คือล้วนแต่มีความทุกข์ยากแสนสาหัส มีความอดอยากเป็นนิจ แต่เปรตยังดีกว่าอสุรกาย ตรงที่สามารถรับส่วนบุญที่ญาติมิตรจากโลกมนุษย์นี้อุทิศไปให้ ด้วยการอนุโมทนา ส่วนอสุรกายนั้นได้รับความอดอยากแสนสาหัสเช่นเดียวกับเปรต แต่ก็ไม่อาจรับส่วนกุศลที่มีผู้อุทิศไปให้ได้ ต้องทนทุกข์อยู่อย่างนั้นจนกว่าจะสิ้นกรรม
โลกอสุรกาย เป็นภูมิที่อยู่ของเหล่าสัตว์อันปราศจากความแช่มชื่นร่าเริง ไม่น่าอยู่ไม่น่าอาศัย เต็มไปด้วยเหล่าอสุรกายรูปร่างแปลกประหลาดพิสดารน่าเกลียดน่าชัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับเปรตมาก จะต่างกันที่เปรตได้รับความทุกข์เนื่องจากหิวอาหาร ส่วนอสุรกายจะได้รับความทุกข์จากความหิวกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลาเกิดจากกรรมคือการกระทำอกุศลกรรมด้วยความโลภความเพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
โลกอสุรกาย เป็นภูมิที่อยู่ของเหล่าสัตว์อันปราศจากความแช่มชื่นร่าเริง ไม่น่าอยู่ไม่น่าอาศัย เต็มไปด้วยเหล่าอสุรกายรูปร่างแปลกประหลาดพิสดารน่าเกลียดน่าชัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับเปรตมาก จะต่างกันที่เปรตได้รับความทุกข์เนื่องจากหิวอาหาร ส่วนอสุรกายจะได้รับความทุกข์จากความหิวกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลาเกิดจากกรรมคือการกระทำอกุศลกรรมด้วยความโลภความเพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
บทเรียนเตือนสติเวลาขับรถ
1.เวลาเห็นรถอื่นรอ u-turn ตัดหน้า อย่ามั่นใจว่าเขาจะรอเราทางตรงไปก่อน ต้องชะลอพร้อมเปิดไฟสูงถ้าไม่สามารถให้ทางได้
2.เวลาเลี้ยว u-turn ตามคันอื่น อย่ารีบตามเพราะกลัวรถทางตรงไม่ให้ทาง ให้ทิ้งช่วงห่างเผื่อค้นหน้าเบรคกระทันหันเพราะรอรถทางตรงผ่าน
3.ขับที่ความเร็ว 70 ประหยัดกว่า 80 และไม่เครียด และโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อยลง
4.ในซอยรถวิ่งทางเดียว ควรอลุ่มอล่วยให้รถที่วิ่งผิดทาง เช่น ยอมถอยให้ไปให้พ้นการกีดขวางก่อน เพราะกฎจราจรไม่ควรสำคัญกว่าหลักเมตตาและความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน
2.เวลาเลี้ยว u-turn ตามคันอื่น อย่ารีบตามเพราะกลัวรถทางตรงไม่ให้ทาง ให้ทิ้งช่วงห่างเผื่อค้นหน้าเบรคกระทันหันเพราะรอรถทางตรงผ่าน
3.ขับที่ความเร็ว 70 ประหยัดกว่า 80 และไม่เครียด และโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อยลง
4.ในซอยรถวิ่งทางเดียว ควรอลุ่มอล่วยให้รถที่วิ่งผิดทาง เช่น ยอมถอยให้ไปให้พ้นการกีดขวางก่อน เพราะกฎจราจรไม่ควรสำคัญกว่าหลักเมตตาและความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน
ผู้ใดบ้างควรเคารพ
พระพุทธเจ้ากล่าวสอนพราหมณ์ผู้เคยถือตัวไม่กราบไหว้ใครทั้งสิ้นแม้แต่พ่อแม่ ว่า "ควรมีความเคารพในมารดา ในบิดา ในพี่ชาย ในอาจารย์เป็นที่สี่ ท่านควรนอบน้อมและบูชาอย่างดีในพระอรหันต์"--พระไตรปิฏก
การทำทานด้วยจิตอนุเคราะห์
ทำทานด้วยจิตเือื้อเฟื้อช่วยเหลือก อานิสงฆ์จะไม่เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์คือมีทรัพย์ก็รู้จักใช้ทรัพย์--พระไตรปิฏก
วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เพศหญิงกับศาสนา
มนุษย์เพศหญิงไม่สามารถเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ แต่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้
พระพุทธเจ้าไม่ค่อยอยากให้มีภิกษุณีเพราะศาสนาจะอายุสั้นหากมีเพศหญิงเข้ามาบวชมาก
พระพุทธเจ้าไม่ค่อยอยากให้มีภิกษุณีเพราะศาสนาจะอายุสั้นหากมีเพศหญิงเข้ามาบวชมาก
วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ผ้าอาบน้ำฝน
กาลที่พระภิกษุจะต้องแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน คือ ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 7 เป็นต้นไป จนถึงวันเพ็ญเดือน 8 ทายกจึงมักถือโอกาสบำเพ็ญกุศลโดยจัดหาผ้าอาบน้ำฝนจนครบจำนวนพระ ภิกษุสามเณรในวัดนั้นๆ แล้วนำไปถวายในที่ประชุมสงฆ์ แต่ในปัจจุบันโดยมากกำหนดวันถวายเป็นหมู่ ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (วันอาสาฬหบูชา) คือ ก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน
ในภาพเป็นการถวายผ้าอาบน้ำฝน (ด้ามยาวที่อุบาสกอุบาสิกาถือคือร่มห่อด้วยผ้าอาบน้ำฝน) เมื่อวันพระขึ้น 15 ค่ำเดือน 7 ณ วัดบวรฯ
ในภาพเป็นการถวายผ้าอาบน้ำฝน (ด้ามยาวที่อุบาสกอุบาสิกาถือคือร่มห่อด้วยผ้าอาบน้ำฝน) เมื่อวันพระขึ้น 15 ค่ำเดือน 7 ณ วัดบวรฯ
วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
การได้มาซึ่งสิ่งของ
การไดัมาซึ่งสิ่งของ หรือทรัพย์สินใด ๆ ก็ตาม
ด้วยวิธีอันมีชอบ นับเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย
เพราะสิ่งเหล่านั้น เมื่อถึงเวลาก็ต้องหมดสิ้นไปตามธรรมดา
แต่ความเสียหายอันเกิดจาดการทุจริตย่อมจักคงอยู่
ด้วยวิธีอันมีชอบ นับเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย
เพราะสิ่งเหล่านั้น เมื่อถึงเวลาก็ต้องหมดสิ้นไปตามธรรมดา
แต่ความเสียหายอันเกิดจาดการทุจริตย่อมจักคงอยู่
วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เทคนิคการสร้างความจำได้
เทคนิคการจำเป็นเรื่องของจินตภาพและมโนภาพ การที่คนเราจะจำเรื่องราวต่างๆ ได้นั้นมันจะต้องมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นหรือประทับใจ เช่น เราจะจำความรู้ในวันรับปริญญาได้ ดังนั้นถ้าเราต้องการที่จะจดจำสิ่งต่างๆ ได้ ทุกคนจะต้องตั้งใจจำและสร้างเป็นมโนภาพให้ทุกๆ เรื่องที่อยากจำเป็นเรื่องตลก หวือหวา ทะลึ่ง มีสีสัน ซึ่งมันจะช่วยให้สมองจำได้ง่ายขึ้น เพราะสมองไม่ชอบจำสิ่งที่น่าเบื่อ
บางคนจำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่เบอร์โทรศัพท์มือถือของคนสนิท เด็กๆ บางคนจำเบอร์โทรศัพท์ของพ่อแม่ไม่ได้ ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งโทรศัพท์เสียหรือว่าแบตหมด เด็กคนนั้นจะสามารถติดต่อใครได้หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือเขาจะทำอย่างไร ซึ่งบางอย่างเราจะต้องจำไว้บ้าง--ธงชัย โรจน์กังสดาลอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอุปนายกสมาคมความคิดสร้างสรรค์และความจำและการเล่น
บางคนจำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่เบอร์โทรศัพท์มือถือของคนสนิท เด็กๆ บางคนจำเบอร์โทรศัพท์ของพ่อแม่ไม่ได้ ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งโทรศัพท์เสียหรือว่าแบตหมด เด็กคนนั้นจะสามารถติดต่อใครได้หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือเขาจะทำอย่างไร ซึ่งบางอย่างเราจะต้องจำไว้บ้าง--ธงชัย โรจน์กังสดาลอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอุปนายกสมาคมความคิดสร้างสรรค์และความจำและการเล่น
วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สิ่งสมมติไม่ใช่ไม่ดี
สิ่งสมมติทางโลก หากเราตามให้ทันและนำสมมตินั้นมาใช้เพื่อเป้าหมายแห่งความสงบสุข ไม่ไปยึดติดกับมัน ก็จะเป็นประโยชน์ในทางโลก เช่น การแบ่งพรมแดนประเทศเป็นการนำสมมติมาใช้ลดการแก่งแย่งทรัพยากรและอาณาเขตที่อยู่อาศัย
ย้อนความไปสมัยโลกกำลังก่อตัว สัตว์ที่เดิมเหาะไปมาได้มากินง้วนดินจนต้องอาศัยอยู่บนแผ่นดินและหากินโดยจับสัตว์อื่นหรือพืชเป็นอาหารมื้อต่อมื้อ ต่อมามีการสะสมอาหาร มีการแย่งอาหาร มีการขัดแย้ง มีการตั้งคนกลางในการตัดสิน มีการแบ่งอณาเขตในการเลี้ยงชีพ มีการตั้งกษัตริย์ให้เป็นคนกลาง เหล่านี้คือประชาธิปไตยโดยมีธรรมาธิปไตยเป็นแก่น ต่อมากษัตริย์ทำงานคนเดียวไม่ไหวมีการตั้งทีมอำมาตย์ขณะเดียวกันกษัตริย์บางคนก็เริ่มหลงในอำนาจมีการกดขี่ประชาชนนำมาสู่อำมาตยาธิปไตย ถ้าคนมีคุณภาพมีความเป็นธรรมธิปไตย ประชาธิปไตยก็จะมีคุณภาพและจึงกล่าวได้ว่ามีความเหมาะสมกับสังคมนั้นๆ
--ป.อ.ปยุตโต
ย้อนความไปสมัยโลกกำลังก่อตัว สัตว์ที่เดิมเหาะไปมาได้มากินง้วนดินจนต้องอาศัยอยู่บนแผ่นดินและหากินโดยจับสัตว์อื่นหรือพืชเป็นอาหารมื้อต่อมื้อ ต่อมามีการสะสมอาหาร มีการแย่งอาหาร มีการขัดแย้ง มีการตั้งคนกลางในการตัดสิน มีการแบ่งอณาเขตในการเลี้ยงชีพ มีการตั้งกษัตริย์ให้เป็นคนกลาง เหล่านี้คือประชาธิปไตยโดยมีธรรมาธิปไตยเป็นแก่น ต่อมากษัตริย์ทำงานคนเดียวไม่ไหวมีการตั้งทีมอำมาตย์ขณะเดียวกันกษัตริย์บางคนก็เริ่มหลงในอำนาจมีการกดขี่ประชาชนนำมาสู่อำมาตยาธิปไตย ถ้าคนมีคุณภาพมีความเป็นธรรมธิปไตย ประชาธิปไตยก็จะมีคุณภาพและจึงกล่าวได้ว่ามีความเหมาะสมกับสังคมนั้นๆ
--ป.อ.ปยุตโต
ความจริงเป็นสากล
นรกสวรรค์เป็นความจริง ความจริงเป็นสากล ดังนั้นนรกสวรรค์จึงเป็นสากลสำหรับทุกชนชาติ--ป.อ.ปยุตโต
วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553
กินเนื้อหรือกินผักดี
กินอะไรก็ดีทั้งนั้นถ้าไม่ติดในรสชาด กินเนื้อแล้วอร่อยก็เป็นยักษ์ กินผักแล้วอร่อยก็เป็นลิงเป็นค่าง--พุทธทาส
วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ข้อเสียพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติมาก
- สูญเสียเม็ดเงินที่จะใช้สำหรับหมุนเวียนพัฒนาภายในประเทศ
- อัตราการจ้างงานต่ำ
- ปัญหาที่เกิดกับประเทศที่เราไปพึ่งพาจะส่งผลต่อเราไม่มากก็น้อย เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ
- ผลกระทบด้านความมั่นคงปลอดภัยของประเทศเราต่อประเทศเจ้าของเทคโนโลยี
วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วิธีมองความล้มเหลวของเอดิสัน
เอดิสันนักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟกล่าวว่า ผมไม่ได้ล้มเหลวพันครั้ง เพียงแต่ค้นพบวิธีที่ไม่สามารถทำให้หลอดไฟทำงานได้หนึ่งพันวิธี
วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญที่ดีต้องไม่ครอบงำ ต้องมีการยับยั้ง ถอยออก ให้ผู้รับคำแนะนำได้คิดได้แสดงความสามารถเต็มที่--ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์
การทำงานในบริษัท
ความรู้ที่ใช้หรือได้ในการทำงานในบริษัทจะเป็นแบบเป็ดทั้งนี้เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาและคู่แข่งจนไม่มีเวลาลงลึก ต่างกับการทำวิจัยในสถาบันวิจัยหรือสถาบันการศึกษาที่สามารถตกผลึกองค์ความรู้จนถึงขั้นกลั่นออกมาเป็นหนังสือหรือตำราที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับใช้ศึกษาพัฒนาคน ไม่ใช่เพื่อขายฉาบฉวยตามกระแส--จากประสบการณ์ส่วนบุคคล
การอบรมที่ได้ผล
การอบรมที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมผู้รับการอบรมได้ต้องเป็นการอบรมที่ตรงกับความต้องการของผู้รับการอบรม--ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์
เจตคติหรือทัศนคติ (Attitude)
ถ้าเจตคติ(คำที่ใช้ทางการศึกษา)หรือทัศนคติ(คำที่ใช้ทั่วไป)ต่อกันไ่ม่ดี จะคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะขัดแย้งกัน ดังนั้นการปรองดองต้องเริ่มที่การปรับเจตคติให้ตรงกันก่อน เจตคติเป็นผลรวมของความเชื่อส่วนบุคคลต่อเรื่องใดๆ การเปลี่ยนเจตคติของใครก็ต้องเข้าใจความเชื่อเขาเสียก่อน
การล้างสมองคือวิธีการเปลี่ยนความเชื่ออย่างหนึ่่ง เช่น ระบบคอมมิวนิสต์ที่ทำให้ทุกคนเชื่อเหมือนกันหมดไม่ต้องคิดเอง ส่วนประชาธิปไตยให้ทุกคนคิดเองเป็นจึงหลากหลาย การศึกษาในสังคมประชาธิปไตยต้องสอนให้คิดเองเป็นในสิ่งที่ถูกต้อง ครูพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นคนดีและเก่งจึงเป็นสิ่งสำคัญ--เรียบเรียงจากคำบรรยาย ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์
การล้างสมองคือวิธีการเปลี่ยนความเชื่ออย่างหนึ่่ง เช่น ระบบคอมมิวนิสต์ที่ทำให้ทุกคนเชื่อเหมือนกันหมดไม่ต้องคิดเอง ส่วนประชาธิปไตยให้ทุกคนคิดเองเป็นจึงหลากหลาย การศึกษาในสังคมประชาธิปไตยต้องสอนให้คิดเองเป็นในสิ่งที่ถูกต้อง ครูพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นคนดีและเก่งจึงเป็นสิ่งสำคัญ--เรียบเรียงจากคำบรรยาย ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ให้ปลา
การให้ปลา จะทำให้ผู้รับมีกินหนึ่งมื้อ แต่ถ้าสอนให้เขาจับปลาเองจะทำให้มีกินไปจนตาย ยิ่งกว่านั้น หากสอนให้เขาจับปลาขายเป็น นอกจากจะทำให้มีกินจนตายแล้วยังมีรายได้จุนเจือผู้อื่นด้วย
วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553
การแข่งขัน
การสร้างบรรยาการแห่งการแข่งขันจะนำมาซึ่งการพัฒนา แต่ใีนอีกด้านหนึ่งมักนำมาซึ่งความขัดแย้ง
วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553
พระอรหันต์อาจไม่สำรวมสุดโต่งอย่างที่เราคิด
พระสารีบุตร กระโดดข้ามคลองเล็กๆ ทั้งๆ ที่ก้าวข้ามได้ พระอรหันต์บางท่านก็ปรารภว่า เจ้าคนถ่อย อยู่บ่อยๆ แต่พระพุทธเจ้ากล่าวว่ากิเลสและปัญญาของท่านเหล่านี้ชำระเสร็จสิ้นแล้ว --นิตยสาร น่านฟ้า
วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
สามสิ่งควรละ
- โลภ: ผู้มีความโลภมาก ตายไปเกิดเป็นเปรต
- โกรธ: ผู้มีความโกรธมาก ตายไปเกิดในนรก
- หลง: ผู้มีความหลง เช่น หลงรัก หลงชัง หลงลูกหลาน หลงสมบัติ หลงยศอำนาจวาสนา หลงรูป รส กลิ่น เสียง ตายไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
เผชิญกับโลกธรรมด้วยสติปัญญา
เมื่อได้ความชอบใจมาให้ท่อง "โอม สรรพสิ่งทั้งหลายอาศัยชั่วคราวๆ" ใจท่านก็ไม่ฟูไม่กำเริบลืมตัว หรือเมื่อยามได้ทุกข์ ใจท่านก็ไม่แฟบ คงที่อยู่เสมอ ไม่ว่าใครจะบูชาหรือล่วงเกิน--พระธรรมวิสุทธาจารย์
วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
การช่วยคนจมน้ำ
ไม่ควรกระโดดลงไปช่วย ใช้ไม้ยาวยื่นให้เกาะ หรือขวดน้ำพลาสติกใหญ่ใส่น้ำเล็กน้อยเควี้ยงไปที่หัวคนจมเพื่อให้คว้ัากอด หลังนำขึ้นฝั่งได้ให้บีบจมูกเป่าปาก และจับชีพจรดู ถ้าไม่เต้นให้ทำการปั้ม 30 ครั้งต่อเนื่องโดยใช้สองมือกดยุบ 1-2 นิ้ว กดแต่ละครั้งตามจังหวะ 1และ2และ3...9และ10,11,12 จากนั้นผายปอดต่อ จนหัวใจเต้นปกติ ให้นอนหงายเฉยๆ และรีบตามรถพยาบาล
วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
เหตุใดจึงทะเลาะกัน
เพราะ อิจฉาหรือตระหนี่ ซึ่งเกิดจากเกิดจากสิ่งที่เป็นที่รักหรือสิ่งที่ไม่รัก แก้ได้โดยรีบวางอุเบกขาให้ทันเพื่อหยุดอิจฉาหรือตระหนี่ (อุเบกขาคือการวางใจเป็นกลางโดยไม่เอนเอียงเข้าข้างเพราะชอบ เพราะชัง เพราะหลงและเพราะกลัว) --ท้าวสักเทวราชกราบทูลถามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านท้าวสักเทวราช ผู้เป็นใหญ่บนสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น กราบทูลถามปัญหากับองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้
ท่านท้าวสักเทวราช ผู้เป็นใหญ่บนสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น กราบทูลถามปัญหากับองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้
- ทูลถาม เทวดา มนุษย์ สัตว์ นาค คนธรรพ์ ผีทั้งหลายมากมาย มีอะไร ถูกอะไรผูกมัดไว้ แม้ตั้งใจจะไม่จองเวรก็ต้องอยู่อย่างผู้มีเวรมีกรรม มีศัตรู หมู่มารภัยอันตรายรอบด้านเบียดเบียน
- ทรงตอบ มีความตระหนี่เหนียวแน่น ความอิจฉาริษยา เป็นเครื่องผูกมัดจิต
- ทูลถาม ความตระหนี่ ความอิจฉาริษยา เกิดจากอะไร
- ทรงตอบ เกิดจากสิ่งที่เป็นที่รัก และสิ่งที่ไม่รัก เมื่อไม่มีสิ่งที่รัก และไม่รักแล้ว ก็ไม่มีความตระหนี่ ไม่มีริษยา
- ทูลถาม สิ่งที่รัก และสิ่งที่ไม่รัก เกิดจากอะไร
- ทรงตอบ เกิดจากความพอใจ (ฉันทะ) เมื่อไม่มีความพอใจก็ไม่มีสิ่งที่รัก และสิ่งที่ไม่รัก
- ทูลถาม ความพอใจ เกิดจากอะไร
- ทรงตอบ ความพอใจเกิดจากความนึกคิดตรึกตรองวิตกกังวลเมื่อไม่มีความตรึกตรองวิตก ก็ไม่มีความพอใจ
- ทูลถาม ความตรึกตรองวิตกกังวลเกิดจากอะไร
- ทรงตอบ เกิดจากตัณหา ความทะยานอยาก มีมานะ ความถือว่ามีตัวมีตน ทิฏฐิ ความเห็น ความเข้าใจของตนเป็นใหญ่
- ทูลถาม ภิกษุควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อความดับสิ้นของกิเลส ตัณหา มานะ ทิฏฐิ
- ทรงตอบ ดับด้วยความไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ทำจิตวางเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่างใดๆ ในโลก ให้รู้ตัวว่าทุกอย่างมีเกิดมีเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ให้เจริญธรรมด้วยระลึกถึงคุณความดี 10 อย่าง คือ อนุสติ 10 ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุณความดีของศีล ทาน เทวดา นึกถึงร่างกายเป็นทุกข์เป็นโทษ นึกถึงความตาย นึกถึงลมหายใจเข้าออก ไม่มีลมร่างกายตาย นึกถึงคุณของพระนิพพาน ดับความทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิดเป็นทั้งศีล สมาธิ วิปัสสนาญาณ
- ทูลถาม ภิกษุปฏิบัติอย่างไรจึงชื่อว่าสำรวมปาฏิโมกข์ (มีศีลเป็นใหญ่)
- ทรงตอบ ภิกษุพึงสำรวมกาย วาจา ใจ ทางกุศลธรรมด้วยอนุสติ 10 นั้น
- ทูลถาม ภิกษุปฏิบัติอย่างไรจึงชื่อว่า สำรวมกาย วาจา ใจ
- ทรงตอบ รับรู้อารมณ์ที่ผ่านเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กายใจ อารมณ์หลงติดสุขในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ไม่ควรรับเข้าไว้ในจิต รีบเร่งขจัดทิ้งออกจากจิตใจให้หมดไป อารมณ์ที่ควรรับไว้พิจารณาเป็นวิปัสสนาญาณ คือ อสุภกรรมฐาน ทุกอย่างเป็นซากศพ ตายกันหมดทั้งสิ้น อาหาเรปฏิกูลสัญญา อาหารทุกอย่างมาจากของสกปรกซากพืช ซากสัตว์ จตุธาตววัตถาน 4 ร่างกายประกอบขึ้นด้วยธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ พิจารณาทุกๆ สิ่งสิ้นที่เห็นใดๆ ในโลก ในสวรรค์ เป็นของชั่วคราว เป็นอนัตตา สูญสลายในที่สุด
ทำกรรมดีใดได้บุญมากน้อยกว่ากัน
วัดกันที่ทำแล้วทำให้เข้าสู่มรรคผลนิพพานได้ง่ายยากกว่ากันเท่าใด การเจริญปัญญาจึงได้บุญมากกว่าถือศีล หรือกรรมใดมีการใช้ปัญญามากจะได้ผลบุญมาก ทำทาน รวมถึงธรรมทาน ให้ปัญญาน้อยกว่าการเจริญสมาธิ
กรรมและผลของกรรมบางประการ
ในจกัมมวิภังคสศสูตร ตรัสว่า อยากอายุยืน ต้องไม่ฆ่าสัตว์, อยากสุขภาพดีไม่มีโรค ต้องไม่เบียดเบียนสัตว์, อยากผิวพรรณงาม ต้องไม่มักโกรธ, อยากมีอำนาจมาก ต้องไม่มักอิจฉา, อยากร่ำรวย ต้องไม่ตระหนี่ ให้ทานเสมอ, อยากเกิดในตระกูลสูง ต้องไม่เย่อหยิ่งจองหองแต่อ่อนน้อม, อยากฉลาดมีปัญญา ต้องหมั่นเสวนาผู้รู้ สนใจเรื่องบาปบุญคุณโทษ คือต้องทำเหตุให้สอดคล้องกับผล และต้องทำจริงๆ จึงจะได้ผลนั้น อย่าไปมัวขอพร
เวลาพระท่านให้พร ท่านไม่กล่าวในทำนอง"ขอร้อง" หรือ "อ้อนวอน" ท่านจะสอนหลักแห่งการกระทำ ให้ทำตามนั้นแล้วผลจะมีมาเอง ดังคำอวยพรที่พระท่านให้ประจำคือ อภิวาทนสีลิสส นิจจํ วุฑฒาปจายิโน จตตาโร ธมมา วฑฒนติ อายุ วณโณ สุขํ พลํ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่ผู้ที่นบไหว้เสมอ มีปกติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ในตระกูลเป็นนิจ ให้สังเกตว่า ท่านใช้ปัจจุบันกาล (วฑฒนติ=ย่อมเจริญ) ไม่ใช่ในทำนองขอร้อง(วฑฒตุ=จงเจริญ)
เวลาพระท่านให้พร ท่านไม่กล่าวในทำนอง"ขอร้อง" หรือ "อ้อนวอน" ท่านจะสอนหลักแห่งการกระทำ ให้ทำตามนั้นแล้วผลจะมีมาเอง ดังคำอวยพรที่พระท่านให้ประจำคือ อภิวาทนสีลิสส นิจจํ วุฑฒาปจายิโน จตตาโร ธมมา วฑฒนติ อายุ วณโณ สุขํ พลํ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่ผู้ที่นบไหว้เสมอ มีปกติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ในตระกูลเป็นนิจ ให้สังเกตว่า ท่านใช้ปัจจุบันกาล (วฑฒนติ=ย่อมเจริญ) ไม่ใช่ในทำนองขอร้อง(วฑฒตุ=จงเจริญ)
ระดับหัวข้อวิจัยหรือนวัตกรรมสำหรับ ป.ตรี, ป.โท และ ป.เอก
- ป.ตรี : โครงงาน (Final-year/Senior project) 3 credits ความหมายของโครงงานคือสิ่งประดิษฐ์
- ป.โท : แผน ก. วิทยานิพนธ์ (Thesis) 6-12 credits, แผน ข. สารนิพนธ์ (Independent study)/ภาคนิพนธ์ (Master project) 6 credits
- ป.เอก : ดุษฎีนิพนธ์ (Dissertation) 36-48 credits
- ถ้าประโยชน์ (Impact) อยู่ในระดับองค์กรหรือท้องถิ่นจะเป็นระดับ ป.ตรี หรือ ป.โท ส่วน ป.เอก ต้องมีขนาดปัญหาระดับชาติหรือระดับนานาชาติ
- ความยากง่าย สำหรับ ป.เอก มักใช้ Research methodology (เช่น เชิงปริมาณ, เชิงคุณภาพ, เชิงสำรวจ, เชิงวิจัยพัฒนา) มากกว่า 1 แบบ หรือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ยากมากต้องอาศัยผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ
- ความลึก (Contribution) สำหรับ ป.เอก หัวข้อต้องลึกเพื่อให้เกิด Contribution หรือองค์ความรู้ (ปัญญา) ใหม่ได้
ชื่อหัวข้อวิจัยหรือหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ดี
เมื่ออ่านแล้วจะต้องทราบอย่างชัดแจ้งหรือโดยนัยถึง 1. Problem, 2. Solution และ 3. Users (กลุ่มผู้ใช้เป้าหมายที่จะได้รับประโยชน์จากงานวิจัยชิ้นนี้) --ดัดแปลงจากคำบรรยายของ ผศ.ดร.ปรัชญนันท์ นิลสุข
วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
พุทธภาษิต
บุคคลผู้ใดต้องการความสุขเพื่อตน แต่ทำคนอื่นให้เดือดร้อน ผู้นั้นจะไม่ได้สุขสมใจ
บุคคลใดต้องการความสุขเพื่อตน ทำผู้อื่นให้เป็นสุขด้วย ผู้นั้นจะได้ความสุขสมหมาย
ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอกทาง การเดินทางเป็นหน้าที่ของเรา เมื่่อรู้จักทางแล้วต้องลงมือเดิน เดินทันที ด้วยความเพียร ความมีสติ ความมีปัญญา ก็จะถึงจุดหมายได้--หลวงพ่อปัญญาฯ
การปฏิบัติธรรมที่ย่อและสั้นที่สุดคือ ควรบคุมตัวเองด้วยสติและปัญญา สิ่งใดเป็นอกุศล เป็นไปเพื่อสร้างกิเลส เพื่อสะสมความทุกข์ความเดือดร้อนใจ เราก็ต้องเอาออกไปเสีย อย่าให้มันเกิดขึ้นในใจของเรา--หลวงพ่อปัญญาฯ
บุคคลใดต้องการความสุขเพื่อตน ทำผู้อื่นให้เป็นสุขด้วย ผู้นั้นจะได้ความสุขสมหมาย
ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอกทาง การเดินทางเป็นหน้าที่ของเรา เมื่่อรู้จักทางแล้วต้องลงมือเดิน เดินทันที ด้วยความเพียร ความมีสติ ความมีปัญญา ก็จะถึงจุดหมายได้--หลวงพ่อปัญญาฯ
การปฏิบัติธรรมที่ย่อและสั้นที่สุดคือ ควรบคุมตัวเองด้วยสติและปัญญา สิ่งใดเป็นอกุศล เป็นไปเพื่อสร้างกิเลส เพื่อสะสมความทุกข์ความเดือดร้อนใจ เราก็ต้องเอาออกไปเสีย อย่าให้มันเกิดขึ้นในใจของเรา--หลวงพ่อปัญญาฯ
Critical thinking (การคิดอย่างมีวิจารณญาณ)
The intellectually disciplined process of actively and skillfully conceptualizing, applying, analyzing, synthesizing, and/or evaluating information gathered from or generated by observation, experience, reflection, reasoning, or communication as a guide to belief and action. In its exemplary form, it is based on universal intellectual values that transcend subject matter divisions: clarity, accuracy, precision, consistency, relevance, sound evidence, good reasons, depth, breadth, and fairness. (http://www.criticalthinking.org/aboutCT/define_critical_thinking.cfm)
คือ การใช้เหตุผล หลักฐานและตรรกะมาวิเคราะห์ให้แน่ชัดก่อนลงความเห็นหรือตัดสิน
คือ การใช้เหตุผล หลักฐานและตรรกะมาวิเคราะห์ให้แน่ชัดก่อนลงความเห็นหรือตัดสิน
Authorship in research papers
- First author is junior author who makes most of the research such as graduate student.
- Co-authors ได้แก่
- Co-first author
- Last author is senior author/ senior investigator/ research advisor
- Corresponding author can be any author appearing in the list with an indicator e.g. # symbol depending on the paper formating rule. He/she will receive all editorial communications regarding the status of the manuscript, revisions, and reviews. All revisions and the dissemination of the reviewers’ comments and other manuscript information to co-authors are the corresponding author’s responsibility. (เพิ่มเติมที่ http://drjiw.blogspot.com/2012/03/corresponding-author.html)
- Co-corresponding author
วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
วิธีไม่กลัวตาย
คนส่วนใหญ่กลัวตายเพราะไม่คุ้นเคยกับมัน เช่นเดียวกับที่เรากลัวบางสิ่งบางอย่างเพราะยังไม่คุ้นเคยกับสิ่งนั้น วิธีสร้างความคุ้นเคยกับความตาย คือ หมั่นระลึกถึงความตายอยู่เป็นนิจ พระพุทธเจ้าไม่กลัวความตายมิใช่เพราะเคยตายมาหลายครั้งในชีวิตแต่เป็นเพราะการเจริญมรณังสติอยู่เสมอๆ
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
การเดินจงกรม
การยืน
ให้ยกมือไขว้หลัง มือขวาจับข้อมือซ้าย ยืนตรง หน้าตรง หลับตา ให้สติอยู่ที่กลางกระหม่อม สำรวจจิต เอาสติตาม วาดมโนภาพร่างกายคำว่ายืน จากศีรษะลงมาหยุดที่สะดือ คำว่าหนอจากสะดือลงไปปลายเท้านับเป็น ๑ ครั้ง ครั้งที่ ๒ กำหนดขึ้นคำว่ายืนอยู่ปลายเท้ามาหยุดที่สะดือ คำว่าหนอจากสะดือไปกลางกระหม่อม กำหนดกลับไปกลับมาจนครบ ๒ ครั้ง ขณะนั้นสำรวมจิตอยู่ที่กาย อย่าให้ออกนอกกายแล้วลืมตาค่อย ๆ ก้มหน้ามองดูปลายเท้า ให้สติจับอยู่ที่ปลายเท้าเพื่อเตรียมเดินจงกลมต่อไป
การเดิน
ลืมตาก้มหน้าและกำหนดว่าขวาย่างหนอ ในใจคำว่าขวา ยกส้นเท้าขวาขึ้นประมาณ ๒ นิ้ว เท้ากับใจนึกต้องพร้อมกัน ย่างก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เท้ายังไม่เหยียบพื้น คำว่าหนอเท้าลงถึงพื้นพอกัน จากนั้นสำรวจจิตไว้ที่เท้าซ้ายตั้งสติตั้งลงไป กำหนดว่าซ้ายย่างหนอ สลับกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไประยะก้าวได้ดีขึ้น เมื่อเดินสุดสถานที่แล้ว ให้นำเท้ามาเคียงกัน หน้าตรง หลับตา กำหนดยืนหนอช้าๆ อีก ๕ ครั้ง จากนั้นลืมตา ก้มหน้ามองดูปลายเท้า
การกลับ
กำหนดว่า กลับ…..หนอ ๔ ครั้ง คำว่า กลับหนอครั้งที่หนึ่ง ยกปลายเท้าขวา ใช้ส้นเท้าขวาหมุนตัวไปทางขวา ๙๐ องศา ครั้งที่สอง เคลื่อนเท้าซ้ายมาชิดกับเท้าขวา ครั้งที่สามทำเหมือนครั้งที่ ๑ ครั้งที่สี่ ทำเหมือนครั้งที่ ๒ เมื่อครบสี่ครั้งแล้วจะอยู่ในท่ากลับหลังต่อไปกำหนด ยืนหนอช้าๆ อีก ๕ ครั้ง ลืมตา ก้มหน้า แล้วกำหนดเดิน ต่อไปจนหมดเวลาที่ต้องการ
การนั่ง
ให้ทำต่อจากการเดินจงกลม อย่าให้ขาดตอนเมื่อเดินจงกลมถึงที่จะนั่ง ให้กำหนดยืนหนออีก ๕ ครั้ง แล้วกำหนดปล่อยมือลงข้างตัวว่า ปล่อยมือหนอๆ ช้าๆ จนกว่าจะลงสุด เวลานั่งค่อยๆ ย่อตัวลง พร้อมกำหนดตามอารมณ์ที่ทำไปจริงๆ เช่น ย่อตัวหนอๆๆ เท้าพื้นหนอๆๆ คุกเข่าหนอๆๆ นั่งหนอๆๆ เป็นต้น
ให้ยกมือไขว้หลัง มือขวาจับข้อมือซ้าย ยืนตรง หน้าตรง หลับตา ให้สติอยู่ที่กลางกระหม่อม สำรวจจิต เอาสติตาม วาดมโนภาพร่างกายคำว่ายืน จากศีรษะลงมาหยุดที่สะดือ คำว่าหนอจากสะดือลงไปปลายเท้านับเป็น ๑ ครั้ง ครั้งที่ ๒ กำหนดขึ้นคำว่ายืนอยู่ปลายเท้ามาหยุดที่สะดือ คำว่าหนอจากสะดือไปกลางกระหม่อม กำหนดกลับไปกลับมาจนครบ ๒ ครั้ง ขณะนั้นสำรวมจิตอยู่ที่กาย อย่าให้ออกนอกกายแล้วลืมตาค่อย ๆ ก้มหน้ามองดูปลายเท้า ให้สติจับอยู่ที่ปลายเท้าเพื่อเตรียมเดินจงกลมต่อไป
การเดิน
ลืมตาก้มหน้าและกำหนดว่าขวาย่างหนอ ในใจคำว่าขวา ยกส้นเท้าขวาขึ้นประมาณ ๒ นิ้ว เท้ากับใจนึกต้องพร้อมกัน ย่างก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เท้ายังไม่เหยียบพื้น คำว่าหนอเท้าลงถึงพื้นพอกัน จากนั้นสำรวจจิตไว้ที่เท้าซ้ายตั้งสติตั้งลงไป กำหนดว่าซ้ายย่างหนอ สลับกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไประยะก้าวได้ดีขึ้น เมื่อเดินสุดสถานที่แล้ว ให้นำเท้ามาเคียงกัน หน้าตรง หลับตา กำหนดยืนหนอช้าๆ อีก ๕ ครั้ง จากนั้นลืมตา ก้มหน้ามองดูปลายเท้า
การกลับ
กำหนดว่า กลับ…..หนอ ๔ ครั้ง คำว่า กลับหนอครั้งที่หนึ่ง ยกปลายเท้าขวา ใช้ส้นเท้าขวาหมุนตัวไปทางขวา ๙๐ องศา ครั้งที่สอง เคลื่อนเท้าซ้ายมาชิดกับเท้าขวา ครั้งที่สามทำเหมือนครั้งที่ ๑ ครั้งที่สี่ ทำเหมือนครั้งที่ ๒ เมื่อครบสี่ครั้งแล้วจะอยู่ในท่ากลับหลังต่อไปกำหนด ยืนหนอช้าๆ อีก ๕ ครั้ง ลืมตา ก้มหน้า แล้วกำหนดเดิน ต่อไปจนหมดเวลาที่ต้องการ
การนั่ง
ให้ทำต่อจากการเดินจงกลม อย่าให้ขาดตอนเมื่อเดินจงกลมถึงที่จะนั่ง ให้กำหนดยืนหนออีก ๕ ครั้ง แล้วกำหนดปล่อยมือลงข้างตัวว่า ปล่อยมือหนอๆ ช้าๆ จนกว่าจะลงสุด เวลานั่งค่อยๆ ย่อตัวลง พร้อมกำหนดตามอารมณ์ที่ทำไปจริงๆ เช่น ย่อตัวหนอๆๆ เท้าพื้นหนอๆๆ คุกเข่าหนอๆๆ นั่งหนอๆๆ เป็นต้น
วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ความอดทนเป็นพื้นฐานของระเบียบวินัย
เรื่องอาหารการกิน ต้องเป็นเวลา อย่าให้เด็กกินพร่ำเพรื่อ หัดเด็กให้มีระเบียบ คนมีระเบียบคือ คนที่มีความอดทนเป็นพื้นฐาน ถ้ามีระเบียบของสิ่งทั้งหลายก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ เราจึงต้องฝึกสอนเขา--หลวงพ่อปัญญา
วิบากกรรมอาจไม่ใช่ผลของกรรมในอดีต
การคิดว่าวิบากกรรมที่เผชิญอยู่ในปัจจุบันเกิดจากกรรมในอดีตหรือเกิดเองเป็นมิจฉาทิฐิ มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทราบว่าเกิดจากอะไร อาจเกิดจากเหตุปัจจัยที่รับรู้ผ่านผัสสะทั้ง 6--เจ้าอาวาสวัดป่าแห่งหนึ่งลูกศิษย์หลวงพ่อชา
พระองค์ตรัสสอนว่า สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ไม่มีเหตุ ผลจะเกิดขึ้นไม่ได้ ผลจะดับ ก็ต้องดับเหตุก่อน ทุกข์เกิดด้วยตัวเราเอง ไม่มีสิ่งใดดลบันดาลให้เป็นทุกข์หรือสุข ให้คิดว่ามันต้องมีเหตุและเหตุนั้นมันไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ในใจของเราเอง เหตุมันอยู่ในใจของเราเอง อย่าไปค้นหาที่อื่น--พระธรรมโกศาจารย์ (หลวงพ่อปัญญา)
พระองค์ตรัสสอนว่า สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ไม่มีเหตุ ผลจะเกิดขึ้นไม่ได้ ผลจะดับ ก็ต้องดับเหตุก่อน ทุกข์เกิดด้วยตัวเราเอง ไม่มีสิ่งใดดลบันดาลให้เป็นทุกข์หรือสุข ให้คิดว่ามันต้องมีเหตุและเหตุนั้นมันไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ในใจของเราเอง เหตุมันอยู่ในใจของเราเอง อย่าไปค้นหาที่อื่น--พระธรรมโกศาจารย์ (หลวงพ่อปัญญา)
วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
คำคมภายหลังการจลาจลในกรุงเทพฯ
"ประชาธิปไตยไม่อาจสร้างได้ด้วยความแค้นและอคติ สิ่งดีงามจะสร้างได้ด้วยความสงบ" -- วีระ มุสิกพงศ์
วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
Manmade solution for the future affect of the global warming crisis
ประเทศฮอลแลนด์ (Holland is a name in common usage given to a region in the western part of the Netherlands. Moreover, the term Holland is frequently used to refer to the whole of the Netherlands.) มีพื้นที่ชื่อ Flavoland ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเพราะสร้างโดยการกั้นน้ำทะเลและสูบน้ำด้านในออกพร้อมนำทรายจากแม่น้ำต่างๆ มาถมเพิ่ม ความภาคภูมิใจนี้ถูกถ่ายทอดผ่านประโยคที่ว่า "God created the earth, but the Dutch created the Netherlands."
นอกเหนือจากการป้องปรามการยึดพื้นที่โดยมนุษย์ในและนอกประเทศด้วยกันเอง ไทยเตรียมความพร้อมในการขอคืนพื้นที่ชายฝั่งทะเลคืนจากการลุกล้ำของวิกฤตการณ์โลกร้อนหรือยัง?
นอกเหนือจากการป้องปรามการยึดพื้นที่โดยมนุษย์ในและนอกประเทศด้วยกันเอง ไทยเตรียมความพร้อมในการขอคืนพื้นที่ชายฝั่งทะเลคืนจากการลุกล้ำของวิกฤตการณ์โลกร้อนหรือยัง?
วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
การวัดผล (Measurement/Assessment) และการประเมินผล (Evaluation) ทางการศึกษา
การวัดผล หมายถึง การจัดหาข้อมูล หรือ จัดหาคะแนนจากหลากหลายวิธี ส่วนการประเมินผล คือ การนำผลการวัดมาตัดสินว่ามีคุณค่าอย่างไร
การวัดและประเมินผลจะกระทำตามวัตถุประสงค์ทางการศึกษาซึ่งจำแนกได้เป็นสามด้านดังนี้
การวัดและประเมินผลจะกระทำตามวัตถุประสงค์ทางการศึกษาซึ่งจำแนกได้เป็นสามด้านดังนี้
- Cognitive Domain คือการวัดความรู้ (Knowledge) ซึ่งได้จากการเีรียน (ดูรายละเอียดที่ http://drjiw.blogspot.com/2009/12/cognitive-domain.html)
- Psychomotor Domain คือการวัดทักษะความชำนาญในการปฏิบัติ (Skill) ซึ่งเกิดจากการฝึกหัด (Practice)
- Affective Domain คือการวัดทัศนคติ (Attitude) หรือเจตคติ (ความหมายเดียวกัน) รวมถึงคุณธรรม วินัย นิสัย คุณสมบัติเหล่านี้หล่อหลอมขึ้นจากการอบรม (Train)
สหกิจศึกษา (Cooperative Education)
เป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาจากระบบการศึกษาแบบบูรณาการหลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันอุดมศึกษากับ การเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริงในสถานประกอบการ/องค์กรผู้ใช้บัณฑิต ซึ่งสอดคล้องกับหลักปฏิรูปการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และปรับบทบาทของสถาบันอุดมศึกษาในการให้ความสำคัญกับความต้องการและความพึงพอใจขององค์กรผู้ใช้บัณฑิต ส่งผลให้เกิดภาคีความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันอุดมศึกษากับภาคธุรกิจเอกชนและตลาดการจ้างงาน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพอุดมศึกษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาคุณลักษณะและสมรรถนะบัณฑิตให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บัณฑิตหรือสถานประกอบการ และเห็นว่าสหกิจศึกษาเป็นแนวทางหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่ง
วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553
ความกล้าแสดงออกกำลังทำลายระบบอุปถัมภ์
- ความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง คือระบบอุปถัมภ์ ผู้อาวุโสอุปถัมภ์ผู้น้อย (seniority) ผู้น้อยอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เอ็นดูผู้น้อย
- การศึกษาสมัยใหม่มีค่านิยมเลียนแบบตะวันตกโดยส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออก ซึ่งการกล้าแสดงออกทางความคิดเป็นเรื่องที่ดีทำให้ประเทศพัฒนาเร็ว แต่ถ้าขาดการให้คำแนะนำอย่างระมัดระวัง ความกล้าแสดงออก จะแรงจนกลายเป็นความก้าวร้าวต่อผู้ใหญ่ นำมาซึ่งความเสื่อมทางระบบอุปถัมภ์หรือศีลธรรม ผู้น้อยก้าวร้าว ผู้ใหญ่จึงเหินห่าง
วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553
ทอดกฐินกับทอดผ้าป่า
- ทอดกฐิน จัดเป็นสังฆทาน คือถวายแก่คณะสงฆ์โดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง และกาลทาน ที่มีกำหนดเขตเวลาถวายแน่นอนแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เท่านั้น นั่นคือ 1 เดือนหลังออกพรรษา
- หมายเหตุ วันเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8) และวันออกพรรษา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) โดยวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8)
- เหตุที่ทรงอนุญาตกฐิน: ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ วัดพระเชตวัน เขตพระนครสาวัตถี มีพระภิกษุชาวเมืองปาฐา (อยู่ด้านทิศปัจฉิม ในแคว้นโกศล) ประมาณ 30 รูป ล้วนถือธุดงควัตรทั้ง 13 ข้อ อาทิเช่น อารัญญิกังคธุดงค์ คือถือการอยู่ป่าเป็นวัตร, ปิณฑปาติกังคธุดงค์ คือถือการบิณฑบาตเป็นวัตร, และเตจจีวริกังคธุดงค์ คือถือผ้า 3 ผืน (ไตรจีวร) เป็นวัตร เป็นต้น อันมีปฏิปทาน่าเลื่อมใส ปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีความตั้งใจจะพากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ซึ่งจำพรรษาในเมืองสาวัตถี แต่ต้องเดินทางไกล พอไปถึงเมืองสาเกต ซึ่งมีระยะทางห่างจากเมืองสาวัตถีประมาณ 6 โยชน์ ก็เผอิญถึงฤดูกาลเข้าพรรษาเสียก่อน เดินทางต่อไปไม่ได้ พระภิกษุเหล่านั้นจึงตกลงกันอธิษฐานใจอยู่จำพรรษา ณ เมืองสาเกต ตลอดไตรมาส ภิกษุเหล่านั้นจำพรรษาด้วยมีใจรัญจวนว่า พระพุทธเจ้าประทับอยู่ใกล้ๆ ระยะทางห่างเพียง 6 โยชน์ แต่ก็ไม่ได้เฝ้าพระองค์ ครั้นล่วง 3 เดือน ออกพรรษาทำปวารณาเสร็จแล้ว ก็เดินทางไปเมืองสาวัตถีโดยเร็ว การที่พระผู้มีพระภาคทั้งหลายทรงปราศรัยกับพระอาคันตุกะทั้งหลายนั้น เป็นพุทธประเพณี ครั้งนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสถามถึงสุขทุกข์และความก้าวหน้าแห่งการปฏิบัติธรรม ด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา พระภิกษุเหล่านั้นต่างพากันกราบทูลให้ทรงทราบถึงความลำบากตรากตรำในระหว่างเดินทางของตน เพราะอยู่ในช่วงฤดูฝน มีจีวรเก่า พากันเดินเหยียบย่ำโคลนตม จีวรเปรอะเปื้อนโคลนเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน พระพุทธองค์ทรงทราบความลำบากของพระภิกษุเหล่านั้น และเห็นว่า “กฐินตฺถาโร จ นาเมส สพฺพพุทฺเธหิ อนุญฺญาโต” การกรานกฐินนี้ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ได้ทรงอนุญาตมา ดังนั้น จึงทรงอนุญาตให้พระภิกษุผู้ที่อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว รับผ้ากฐินของผู้มีจิตศรัทธาถวายได้ เมื่อได้รับแล้วมีความสามัคคีร่วมกันทำให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย จะได้รับอานิสงส์หรือความยกเว้นในการผิดพระธรรมวินัย 5 ประการ นางวิสาขามหาอุบาสิกาได้ทราบพระบรมพุทธานุญาต และได้ถวายผ้ากฐินเป็นบุคคลแรก
- วันที่รับกฐินได้ต้องมีพระภิกษุจำพรรษาครบ 3 เดือนอยู่อย่างน้อย 5 รูป และแต่ละวัดจะรับกฐินได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น
- เนื่องจากกฐินทำได้เพียงปีละครั้ง จึงจัดว่าเป็นทานที่ทำได้ยาก นอกจากนี้ยังเป็นรูปแบบทานที่พระพุทธเจ้าทรงริเริ่มเองโดยไม่ได้มีอุบาสกอุบาสิการใดมาขอให้มี
- ทอดผ้าป่า คล้ายกับการทอดกฐิน แต่ไม่มีกำหนดระยะเวลาจํากัด คือสามารถทำได้ทุกฤดูกาล ไม่จำกัดเวลา คือทำได้ตลอดทั้งปี และวัดหนึ่งๆ ในแต่ละปีจะจัดให้มีการทอดผ้าป่ากี่ครั้งก็ได้เช่นกัน
วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553
Ontology
As part of knowledge engineering, ontology is A formal explicit description of concepts (classes) in a domain of discourse, properties of each concept, and (role) restrictions on properties. Ontology is composed of machine-interpretable definitions (i.e. ชื่อคลาสดต่างๆที่ประกอบกันเป็น ontology) of basic concepts in the domain and relations among them. To share common understanding of the structure of information among people or software agents is one of the more common goals in developing ontologies. (For example, suppose several different Web sites contain medical information or provide medical e-commerce services. If these Web sites share and publish the same underlying ontology of the terms they all use, then computer agents can extract and aggregate information from these different sites. The agents can use this aggregated information to answer user queries or as input data to other applications.) Information ontologies are normally described by means of visual languages, so that they can be easily understood by humans. A Mind Map is a good example of this type of visual language. Ontology is typically created with OWL (Web ontology language) automatically generated by using Protege tool, which can facilitate greater machine interpretability of Web content.
Source of reference: http://protege.stanford.edu/publications/ontology_development/ontology101-noy-mcguinness.html
Representation or specification of knowledge.
วิธีการประเมิน ontology ที่สร้างขึ้นมี 3 วิธี
Representation or specification of knowledge.
วิธีการประเมิน ontology ที่สร้างขึ้นมี 3 วิธี
- Application คือลองนำไปพัฒนาระบบจริง
- Data คือลองนำข้อมูลมาจัดเก็บลง ontology ว่าจัดเก็บได้ครบถ้วนหรือไม่
- Expert คือให้ผู้เชี่ยวชาญ 2-3 คนประเมิน
การนำไปใช้งานนั้น เมื่อเรายัดเอา ontology ไปให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลแล้ว เราก็จะส่งข้อมูลให้มันนำไปเปรียบเทียบและใช้ความรู้นั้นทำการเชื่อมโยงโดยนำเอา keywords จากข้อมูลที่คนส่งคำถามเข้าไป แล้วอนุมานออกมาเป็นผลสรุปนำเสนอให้กับคนที่ป้อนข้อมูลถามระบบอีกที - การอนุมาน(Inference) ไม่ใช่การดึงข้อมูลจากเงื่อนไขตรงๆ แบบ query ในฐานข้อมูล แต่การอนุมานจะใช้หลักความสัมพันธ์ของ class ต่างๆ มาประกอบกัน โดยที่ข้อมูลเงื่อนไขนำเข้านั้นจะครบหรือไม่ครบก็ได้ มันก็ยังสามารถประมวลผลเพื่อนุมานได้ นอกจากนี้มันยังมี rule มาช่วยในการอนุมานอีกด้วยทำให้มันมีความเป็นอัจฉะริยะมากกว่าเดิมมาก เช่น คนป้อนข้อมูลนำเข้า ป้อนแค่ profile ของของตนเอง ซึ่งจะป้อนครบหรือไม่ก็ตาม ระบบก็จะนำไปประมวลผลเพื่ออนุมานตามความรู้ที่มันมี(ontology) แล้วสรุปมาเป็นคำเสนอแนะ หรือช่วยคนตัดสินใจบางอย่าง เช่น ถ้าระบบนี้เป็นระบบให้คำเสนอแนะเกี่ยวกับสุขภาพ มันก็อาจให้ข้อมูลว่าคนที่ป้อนข้อมูลมานั้นมีสุขภาพเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงเป็นโรคอะไรไหม และเสนอว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้มีสุขภาพดีขึ้น ซึ่งถ้าเป็นฐานข้อมูลปกติคงต้องเก็บข้อมูลมากมายมหาศาลเพื่อรองรับทุกๆ เงื่อนไข และเสนอผลลัพธ์จาก algorithm ที่ผู้เขียนโปรแกรมเขียนขึ้น ถ้าจะให้เก่งขึ้นอีกก็ต้องแก้รื้อโปรแกรมใหม่ แม้จะเพิ่มข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมก็ต้องทำโปรแกรมใหม่ แต่ถ้าใช้ ontology ตัวโปรแกรมไม่ต้องแก้ แค่เราเพิ่มความรู้เข้าไปใน ontology หรือเพิ่ม rule เข้าไปใน ontology คอมพิวเตอร์ก็จะฉลาดขึ้นทันที ตัวอย่างที่ดีมากๆ อีกตัวอย่าง คือ กรณีที่เรามีความรู้ว่า A เป็นพี่ชาย B และ C เป็นลูกของ B ถ้าเป็นฐานข้อมูล เราก็จะ query ก็ได้ข้อมูลเพียงเท่านี้ ไม่มากกว่านี้ จะถามว่าใครเป็นหลานใครจะใช้ query ธรรมดาก็ไม่ได้ข้อมูลเพราะไม่ได้เก็บข้อมูลเอาไว้ ถ้าจะให้คอมฯ ตอบคำถามนี้ได้ก็ต้องไปเขียนโปรแกรมเพิ่ม งั้นถ้าในเวลาต่อมาเกิดมีคนถามอีกว่าใครเป็นลุง(uncle) จากฐานข้อมูลก็ไม่มีอีก ถ้าจะแก้ไขฐานข้อมูลเลยก็อาจถึงขั้นต้องออกแบบฐานข้อมูลใหม่เพื่อรองรับคำถามใหม่ๆ เหล่านี้ ทั้งๆ ที่มีข้อมูลพื้นฐานพออยู่แล้ว หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็ไปแก้โปรแกรมใหม่อยู่ดี แบบนี้แสดงว่าคอมพิวเตอร์มันไม่ฉลาด อนุมานไม่เป็น แต่หากเราเขียน rule เข้าไปเพิ่มจากฐานความรู้เดิมที่มีอยู่ คำถามพวกนี้สามารถตอบได้ทันที โดยไม่ต้องไปรับแก้ ontology เพียงแต่เขียน SWRL สร้าง rule ใหม่ๆ ได้ตลอด
สรุป SWRL คือภาษาที่ใช้เขียน rules ที่ใช้หาข้อสรุป (อนุมาน) โดยอาศัยความรู้ที่อยู่ใน ontology และยังเป็นภาษาที่ใช้สืบค้นข้อมูลใน ontology ได้ด้วย
Rule engine ที่ใช้ประมวลผล SWRL ก็คือ JESS
และถ้าต้องการพัฒนา Java application ที่ใช้ ontology สามารถใช้ Jena เป็น Java framework ในการ access ontology และทำงานร่วมกับ JESS ได้ทันที
--http://mrkrich.blogspot.com
Corpus = a collection of written and spoken language stored on computer and used for language research เช่น UMLS (Unified Medical Language System)
Inference = The process by which a conclusion is inferred from multiple observations, called inductive reasoning.
สรุป SWRL คือภาษาที่ใช้เขียน rules ที่ใช้หาข้อสรุป (อนุมาน) โดยอาศัยความรู้ที่อยู่ใน ontology และยังเป็นภาษาที่ใช้สืบค้นข้อมูลใน ontology ได้ด้วย
Rule engine ที่ใช้ประมวลผล SWRL ก็คือ JESS
และถ้าต้องการพัฒนา Java application ที่ใช้ ontology สามารถใช้ Jena เป็น Java framework ในการ access ontology และทำงานร่วมกับ JESS ได้ทันที
--http://mrkrich.blogspot.com
Corpus = a collection of written and spoken language stored on computer and used for language research เช่น UMLS (Unified Medical Language System)
Inference = The process by which a conclusion is inferred from multiple observations, called inductive reasoning.
วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553
ข้อคิด
- ประเมินคุณค่าของการให้ อภัย ให้สูง
- ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี
- ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง หากมีใครตำหนิและรู้แก่ใจว่าเป็นจริง
- ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบก่อนคือผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี
- ชีวิตนี้ฉันไม่เคยต้องทำงานเลยสักวัน ทุกวันเป็นวันสนุกหมด
- เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด
- ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน
- ระลึกถึงความตายวันละ 3 ครั้ง ชีวิตจะมีสุข มีอภัย มีให้
- ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆ ไปก็ผิด
- จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพราะเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด
- ต้องสลายตัวตนมานะอัตตา จะทำให้สามารถเรียนรู้ปัญญาใหม่ๆ ได้
วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553
อย่าส่งจิตออกนอก
จิตส่งออกนอกเป็นสมุทัย มีผลเป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค มีผลเป็นนิโรธ
--หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค มีผลเป็นนิโรธ
--หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553
จดหมายที่ส่งแล้วไม่มีผู้รับ
ก็ส่งกลับไปยังผู้ส่งฉันใด เปรียบเหมือนคำพูดด่าทอที่เราไม่รับ ก็กลับไปหาผู้พูดฉันนั้น
สุนัขไล่กัดเนื้อ
สุนัขวิ่งวนไล่กัดเนื้อที่ผูกอยู่บนหลัง กัดเท่าไรก็ไ่ม่โดน วิ่งวนไม่จบไม่สิ้น น่าสงสาร เปรียบเหมือนผู้ตกเป็นทาสกระแสวัตถุนิยม ถูกหลอกให้เสพค่านิยมแทนที่จะเสพคุณภาพบนความพอเพียง จึงต้องก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อไล่ซื้อวัตถุตามกระแสไม่จบไม่สิ้นเพื่อให้ตนทันสมัยที่สุด ไล่งับความทันสมัยทั้งชีวิตก็ไม่มีทางตามทัน
ความเจริญทางวัตถุนำมาซึ่งความโลภและความเสื่อมในศีลธรรมของประชาสังคม
ความเจริญทางวัตถุนำมาซึ่งความโลภและความเสื่อมในศีลธรรมของประชาสังคม
วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553
วิธีเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสีู่้
- กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือการตามมองให้เห็นไตรลักษณ์ในกาย โดยลมหายใจเข้าออก, โดยอิริยาบถ, โดยอาการ 32 เช่น เกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ หรือผม ขน เล็บ ฟัน ว่าเป็นของปฏิกูล, โดยธาตุทั้งสี่ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ, โดยความเป็นซากศพรูปแบบต่างๆ เช่น เน่าพอง, ขาดกลางตัว ผู้มีตัณหาจริตคือโลภอยากมีอยากเป็นรวมถึงอยากสงบ ให้ใช้กายานุปัสสนาฯ
- เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือการตามมองให้เห็นไตรลักษณ์ในสุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา (ความรู้สึกไม่ทุกข์ไม่สุข)
- จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือการตามมองให้เห็นไตรลักษณ์ในจิต (จิตจะอยู่กับความรู้สึกนึกคิด ณ ขณะนั้นเสมอ เช่น นึกขี้เกียจ อิจฉา โกรธ เป็นต้น จึงต้องปฏิบัติโดยตั้งสติระลึกรู้ที่ความรู้สึก) อาจเริ่มต้นโดยการพยายามดูจิตตามหลักอานาปานสติผ่านลมหายใจเข้าออกซึ่งเป็นการเห็นจิต ถ้าการระลึกรู้ลมหายใจหายไปก็แสดงว่ากำลังฟุ้งซ่านติดอารมณ์อยู่ ผู้มีทิฎฐิจริต เช่น ชอบแสดงความคิด การโต้เถียง เจ้าอุดมการณ์ ให้ใช้จิตตานุปัสสนาฯ สรุปคือให้คอยดูโลภ โกรธ หลง
- ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือการตามมองให้เห็นไตรลักษณ์ในธรรม ได้แก่ อนิจจัง, วิราคะ (การจางคลาย), นิโรธ (ความดับไม่เหลือ) และปฏินิสสัคคะ (การละสละคืนไม่นำมาเป็นของของตน) หรือดูนิวรณ์ 5 ว่าเกิดขึ้น ทำไงจึงหายไป ทำไงจึงไม่เกิดขึ้นอีก
นัตถิ สันติ ปรมัง สุขัง
นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ แปลว่า สุขอื่นจากความสงบ ย่อมไม่มี
ที่มา: พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓
นตฺถิ ราคสโน อคฺคิ นตฺถิ โทสสโม กลิ
นตฺถิ ขนฺธาทิสา ทุกฺขา นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ.
" ไฟเสมอด้วยราคะ ย่อมไม่มี, โทษเสมอด้วย
โทสะ ย่อมไม่มี, ทุกข์ทั้งหลายเสมอด้วยขันธ์
ย่อมไม่มี, สุขอื่นจากความสงบ ย่อมไม่มี."
ที่มา: พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓
นตฺถิ ราคสโน อคฺคิ นตฺถิ โทสสโม กลิ
นตฺถิ ขนฺธาทิสา ทุกฺขา นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ.
" ไฟเสมอด้วยราคะ ย่อมไม่มี, โทษเสมอด้วย
โทสะ ย่อมไม่มี, ทุกข์ทั้งหลายเสมอด้วยขันธ์
ย่อมไม่มี, สุขอื่นจากความสงบ ย่อมไม่มี."
วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2553
การคบเพื่อนให้ยาวนาน
เพื่อนเปรียบเหมือนทรายในกำมือเรา ถ้าแบมือคือไม่เอาใจใ่ส่เพื่อน ทรายก็หกออก แต่ถ้ากำแน่นไปคือเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเพื่อนมากเกินไปทรายก็ทะลักออกจากมือ
--ว.วชิรเมธี
--ว.วชิรเมธี
วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553
ความตายเป็นสมบัติติดตัว
เราจะต้องการในกาลอันสมควรคือเมื่อความตายมาถึงเราสมัยใด สมัยนั้นแหละเชื่อว่ากาลอันสมควร ไม่ควรจะเกลียด ไม่ควรจะกลัว สัตว์ในไตรภพมีความตายเป็นเบื้องปลายทุกคน
--หลวงปู่จันทร์ สิริจันโท
--หลวงปู่จันทร์ สิริจันโท
วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันสำคัญทางพุทธศาสนา
- วันมาฆปูรณมี (มาฆะ = เดือนสาม ปูรณมี=จันทร์เต็มดวง) ตรงกับวันเพ็ญเดือนสาม เป็นวันที่เอหิภิกขุ (สงฆ์ที่พระพุทธเจ้าบวชให้) 1,250 รูปมาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมาย เพียง 9 เดือนหลังวันตรัสรู้ พระพุทธเจ้าได้ให้นโยบายแก่เหล่าสงฆ์ในวันนี้ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ ขันติ, นิพพานเป็นเป้าหมายสูงสุด และบรรพชิตไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก ละชั่วทำดีทำใจให้ผ่องใส(ไม่มีทั้งบุญและบาป)
- วันวิสาขปูรณมี ตรงกับวันเพ็ญเดือนหก
- วันอัฏฐมี ตรงกับวันที่เจ็ดหลังวันวิสาขปูรณมี วันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางวัดมีจัดเวียนเทียนด้วย และเป็นวันพระอยู่แล้ว
- วันอาสาฬหปูรณมี ตรงกับวันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันพระมหากรุณาธิคุณโปรดชาวโลกให้พ้นทุกข์โดยการเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีพระสงฆ์รูปแรกคือพระอัญญาโกณฑัญญะ (รายละเอียดเพิ่มเติม)
--คลื่นวิทยุ
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
งานวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
การเลือกวิธีการวิจัยแบบใดไปใช้จึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้วิจัยว่าต้องการคำตอบลักษณะใด เช่น หากต้องการทราบสาเหตุการลาออกของพยาบาลก็ควรใช้การวิจัยเชิงคุณภาพอันได้แก่การสัมภาษณ์เชิงลึกมากกว่าการทำวิจัยแบบเชิงปริมาณ นอกจากนี้การประเมินการทำงานของโครงการฯก็อาจใช้การวิจัยเชิงคุณภาพได้ด้วย กล่าวโดยสรุปคือการใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพจะใช้เมื่อต้องการข้อมูลแนวลึกซึ่งการศึกษาเชิงปริมาณไม่สามารถตอบได้
ตัวอย่างงานวิจัยเชิงคุณภาพ
1. การวิจัยเพื่อหาวิธีที่จะทำให้ผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมานจากการดูดเสมหะน้อยที่สุด งานวิจัยนี้ผู้วิจัยทำการสัมภาษณ์เชิงลึกว่าผู้ป่วยมีความรู้สึกต่อขั้นตอนต่างๆเมื่อได้รับการดูดเสมหะอย่างไร การใช้การวิจัยเชิงคุณภาพในกรณีนี้ทำให้ทราบถึงความรู้สึกในด้านลึกของผู้ป่วยต่อการรักษาดังกล่าว ซึ่งการวิจัยเชิงปริมาณในรูปแบบการสำรวจไม่อาจเข้าถึงคำตอบที่แท้จริงของผู้ป่วยได้
2. การวิจัยเพื่อหาสาเหตุที่การควบคุมอุณหภูมิกายในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บต่อระบบประสาทไม่ประสบความสำเร็จ งานวิจัยนี้ใช้ “Clinical model” และวิธีการสังเกตอย่างมีส่วนร่วม (participate observation) ผลงานวิจัยพบว่าสาเหตุที่อุณหภูมิร่างกายไม่ลดลง เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ตอนกลางคืนผู้ป่วยมักถูกรบกวนจากพยาบาลที่เข้ามาวัดไข้ ทุกๆชั่วโมง ผลงานวิจัยนี้นำไปสู่การปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยให้เหมาะสมในที่สุด
--คณะแพทยศาสตร์ศิริราช
ตัวอย่างงานวิจัยเชิงคุณภาพ
1. การวิจัยเพื่อหาวิธีที่จะทำให้ผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมานจากการดูดเสมหะน้อยที่สุด งานวิจัยนี้ผู้วิจัยทำการสัมภาษณ์เชิงลึกว่าผู้ป่วยมีความรู้สึกต่อขั้นตอนต่างๆเมื่อได้รับการดูดเสมหะอย่างไร การใช้การวิจัยเชิงคุณภาพในกรณีนี้ทำให้ทราบถึงความรู้สึกในด้านลึกของผู้ป่วยต่อการรักษาดังกล่าว ซึ่งการวิจัยเชิงปริมาณในรูปแบบการสำรวจไม่อาจเข้าถึงคำตอบที่แท้จริงของผู้ป่วยได้
2. การวิจัยเพื่อหาสาเหตุที่การควบคุมอุณหภูมิกายในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บต่อระบบประสาทไม่ประสบความสำเร็จ งานวิจัยนี้ใช้ “Clinical model” และวิธีการสังเกตอย่างมีส่วนร่วม (participate observation) ผลงานวิจัยพบว่าสาเหตุที่อุณหภูมิร่างกายไม่ลดลง เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ตอนกลางคืนผู้ป่วยมักถูกรบกวนจากพยาบาลที่เข้ามาวัดไข้ ทุกๆชั่วโมง ผลงานวิจัยนี้นำไปสู่การปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยให้เหมาะสมในที่สุด
--คณะแพทยศาสตร์ศิริราช
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
มองแต่แง่ดีเถิด ปฏิทินธรรม 2553 คำกลอนพุทธทาส (8)
...
ที่ขยัน ขันแข็ง ในหน้าที่
ที่ขยัน ขันแข็ง ในหน้าที่
ทุกแห่งมี ธรรมะ ข้อใหญ่ๆ
...
ดูให้ดี ธรรมะมี ที่การงาน
ทั้งที่วัด ที่บ้าน ย่านวิถี
ตามทุ่งนา ป่าเขา คราวทำดี
ก็อาจชี้ ให้เห็นธรรม ตามตัวคน
(เมื่อบกพร่อง ในหน้าที่ ไม่มีธรรม)
มองแต่แง่ดีเถิด ปฏิทินธรรม 2553 คำกลอนพุทธทาส (7)
สติสัตว์ ตามบัญญัติ ว่า สมปฤดี
เพียงเท่านี้ มีกันได้ ไม่แปลกหนา
เพียงไม่เมา ไม่สอบ ไม่นิทรา
คนหรือปลา ก็มีได้ ไม่แปลกกัน
สติมนุษย์ สูงสุด กว่านั้นนัก
มีปัญญา อันประจักษ์ ประจวบมั่น
ระลึกอยู่ รู้สึกอยู่ และรู้ทัน
ไม่มีวัน ที่จะเกิด กิเลสมา
ระลึกได้ ทันที ที่มีอะไร
มาปรุงให้ เกิดจิต จริตบ้า
ว่าตัวกู หยุดอยู่ รู้ธรรมดา
นี้เรียกว่า สติของ มนุษย์แท้
เพียงเท่านี้ มีกันได้ ไม่แปลกหนา
เพียงไม่เมา ไม่สอบ ไม่นิทรา
คนหรือปลา ก็มีได้ ไม่แปลกกัน
สติมนุษย์ สูงสุด กว่านั้นนัก
มีปัญญา อันประจักษ์ ประจวบมั่น
ระลึกอยู่ รู้สึกอยู่ และรู้ทัน
ไม่มีวัน ที่จะเกิด กิเลสมา
ระลึกได้ ทันที ที่มีอะไร
มาปรุงให้ เกิดจิต จริตบ้า
ว่าตัวกู หยุดอยู่ รู้ธรรมดา
นี้เรียกว่า สติของ มนุษย์แท้
วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
มองแต่แง่ดีเถิด ปฏิทินธรรม 2553 คำกลอนพุทธทาส (6)
ตอนเป็นเด็กๆ คุณก็อยาก ดี
ต่อมาไม่กี่ปี คุณกลายเป็นอยากดัง
ใครเตือนก็ไม่อยากฟัง คุณอยากเด่น
ไม่แคร์ใครเขาเขม่น คุณอยากโ่ด่ง
เริ่มรู้จักบิดพลิ้วคดโกง คุณอยากดื้อ
ต่อมาอีกไม่กี่มื้อ คุณอยากโดด
พระเจ้าไม่โปรด คุณก็ต้องอยากดับ
พระเจ้าไม่รับ ก็มีแต่นรกให้คุณด่ำ
ดอกเอ๋ย เจ้าดอกเวรกรรม
อะไรๆ ก็ไม่อยากจะทำ
ขอแต่ให้ได้ด่ำนรกเอยฯ
มองแต่แง่ดีเถิด ปฏิทินธรรม 2553 คำกลอนพุทธทาส (5)
อันความดี มีเสนียด ทีความเด่น
มันกลายเป็น จุดยื้อแย่ง แห่งพวกหา
คนบ้าดี เห็นคนเด่น เป็นเสี้ยนตา
คนฤษยา มุ่งย่ำยี คนดีเกิน
อีกทางหนึ่ง ซึ่งหลีก ไม่ค่อยไหว
ยิ่งดีไป ก็ยิ่งให้ คนสรรเสริญ
มีคนมา กราบไหว้ หรืออัญเชิญ
ไม่น่าเพลิน มันรบกวน ไม่ชวนสบาย,
เหตุดังนั้น ท่านสอน ให้หลีกหนี
พ้นความชั่ว ความดี สิ้นทั้งหลาย
หรือทำจิต ให้สนิท ดุจดั่งตาย-
จากดี-ชั่ว ทั้งหลาย : ได้นิพพาน ฯ
มันกลายเป็น จุดยื้อแย่ง แห่งพวกหา
คนบ้าดี เห็นคนเด่น เป็นเสี้ยนตา
คนฤษยา มุ่งย่ำยี คนดีเกิน
อีกทางหนึ่ง ซึ่งหลีก ไม่ค่อยไหว
ยิ่งดีไป ก็ยิ่งให้ คนสรรเสริญ
มีคนมา กราบไหว้ หรืออัญเชิญ
ไม่น่าเพลิน มันรบกวน ไม่ชวนสบาย,
เหตุดังนั้น ท่านสอน ให้หลีกหนี
พ้นความชั่ว ความดี สิ้นทั้งหลาย
หรือทำจิต ให้สนิท ดุจดั่งตาย-
จากดี-ชั่ว ทั้งหลาย : ได้นิพพาน ฯ
มองแต่แง่ดีเถิด ปฏิทินธรรม 2553 คำกลอนพุทธทาส (4)
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง
ไม่นานนัก จักมี ดีประดัง
จนกระทั่ง ถึงมี ดีอย่างยิ่ง
เมื่อพ้นดี จะถึงที่ นิพพานจริง
นับเป็นสิ่ง ควรฝึกแน่ มองแต่ดี
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง
ไม่นานนัก จักมี ดีประดัง
จนกระทั่ง ถึงมี ดีอย่างยิ่ง
เมื่อพ้นดี จะถึงที่ นิพพานจริง
นับเป็นสิ่ง ควรฝึกแน่ มองแต่ดี
มองแต่แง่ดีเถิด ปฏิทินธรรม 2553 คำกลอนพุทธทาส (3)
เขาจะดี กว่าเรา ช่วยเขาเถิด
มันจะเกิด ผลดี กว่าที่หวง
ไว้ดีเด่น แต่เรา เฝ้าประท้วง
โลกยิ่งกลวง จากความดี ดีอะไร
รีบช่วยให้ แต่ละคน ดีกว่าเรา
โลกจะเพรา เพริศพริ้ง และยิ่งใหญ่
ดาดด้วยธรรม อุปัททวะ ก็ละไกล
ริษยาใคร เท่ากับขุด โลกทรุดลง
จงเมตตา มุทิตา อารีเถิด
จะไม่เกิด กิเลสเผา เราเป็นผง
เห็นแก่โลก ยิ่งกว่าตน นั่นคนตรง
คนคดหลง ดีแต่ตัว มัวข่วคน
มันจะเกิด ผลดี กว่าที่หวง
ไว้ดีเด่น แต่เรา เฝ้าประท้วง
โลกยิ่งกลวง จากความดี ดีอะไร
รีบช่วยให้ แต่ละคน ดีกว่าเรา
โลกจะเพรา เพริศพริ้ง และยิ่งใหญ่
ดาดด้วยธรรม อุปัททวะ ก็ละไกล
ริษยาใคร เท่ากับขุด โลกทรุดลง
จงเมตตา มุทิตา อารีเถิด
จะไม่เกิด กิเลสเผา เราเป็นผง
เห็นแก่โลก ยิ่งกว่าตน นั่นคนตรง
คนคดหลง ดีแต่ตัว มัวข่วคน
วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
มองแต่แง่ดีเถิด ปฏิทินธรรม 2553 คำกลอนพุทธทาส (2)
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
ถ้ารู้หยั่ง อดีต อนาคต
ปัจจุบัน จะถูกหมด สิ้นทั้งผอง
ยิ่งขันตี เมตตา มาประคอง
จะยิ่งมอง อย่างถูกควร ถ้วนทุกพันธุ์
ในโลกนี้ ไม่มี อะไรเที่ยง
เหมือนมันเหวี่ยง ซ้ายขวาเขว อยู่เหหัน
รู้จักหน่วง ถูกที่กลาง วางดุลย์พลัน
จะพ้นอัน ตรายรอด ตลอดไป
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
ถ้ารู้หยั่ง อดีต อนาคต
ปัจจุบัน จะถูกหมด สิ้นทั้งผอง
ยิ่งขันตี เมตตา มาประคอง
จะยิ่งมอง อย่างถูกควร ถ้วนทุกพันธุ์
ในโลกนี้ ไม่มี อะไรเที่ยง
เหมือนมันเหวี่ยง ซ้ายขวาเขว อยู่เหหัน
รู้จักหน่วง ถูกที่กลาง วางดุลย์พลัน
จะพ้นอัน ตรายรอด ตลอดไป
มองแต่แง่ดีเถิด ปฏิทินธรรม 2553 คำกลอนพุทธทาส
อย่าไปเสียเวลามองหาคนที่ไม่มีด้านเสีย เพราะไม่มีในโลกนี้
ถ้าทำอะไร ด้วยใจ ว่างจาก กู
แม่ด่าอยู่ ก็กลายเป็นเช่นคำสอน
ใครด่ามา กลายเป็นเย็น ไม่เป็นร้อน
ใครจะข้อน มาเท่าไร ไม่ถูกตนฯ
จึงไม่ต้องร้อนใจดั่งไฟผลาญ
ไม่เดือดพล่าน จุกแน่น แสนสับสน
ไม่กลุ้มใจ จนไม่กล้า ดูหน้าคน
ที่อลวน พัลวัน มันมี กู
แม้พากเพียร เรียนธรรม หรือพูดธรรม
เผยแผ่ธรรม ก็สูญเปล่า เอาข้างกู
ก่อนทำอะไร ให้นึกถาม บรมครู
อย่าอวดรู้ มัวแต่อ้าง แม่นางตนฯ
ถ้าทำอะไร ด้วยใจ ว่างจาก กู
แม่ด่าอยู่ ก็กลายเป็นเช่นคำสอน
ใครด่ามา กลายเป็นเย็น ไม่เป็นร้อน
ใครจะข้อน มาเท่าไร ไม่ถูกตนฯ
จึงไม่ต้องร้อนใจดั่งไฟผลาญ
ไม่เดือดพล่าน จุกแน่น แสนสับสน
ไม่กลุ้มใจ จนไม่กล้า ดูหน้าคน
ที่อลวน พัลวัน มันมี กู
แม้พากเพียร เรียนธรรม หรือพูดธรรม
เผยแผ่ธรรม ก็สูญเปล่า เอาข้างกู
ก่อนทำอะไร ให้นึกถาม บรมครู
อย่าอวดรู้ มัวแต่อ้าง แม่นางตนฯ
Method vs. Methodology
Methodology refers to more than a simple set of methods, rather it refers to the rationale and the philosophical assumptions that underlie a particular study. -- Wikipedia.org
ระดับความสำคัญของหัวข้อวิจัยที่เสนอ
- ระดับ(อริยสัจสี่)ทุกข์ คือ ศึกษาสภาพปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะได้รับทุนวิจัยน้อย
- ระดับสมุทัย คือ ศึกษาสาเหตุของปัญหา จะได้รับทุนวิจัยมากกว่าหัวข้อวิจัยระดับทุกข์
- ระดับนิโรธและมรรค คือ วิจัยวิธีแก้ปัญหา จะได้รับทุนวิจัยสูงสุด
วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
นกที่เป็นสัญลักษณ์ของความรัก
คือนกเงือก เพราะทั้งชีวิตจะมีคู่เพียงตัวเดียวแม้คู่จะตายไปก็จะไม่มีคู่ใหม่อีก นอกจากนี้นกเงือกยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย
วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
การเปิดหลักสูตรใหม่ของมหาวิทยาลัยในไทย
พรบ การศึกษาแห่งชาติ ให้อำนาจสภามหาวิทยาลัยของแต่ละมหาวิทยาลัยในการอนุมัติหลักสูตรใหม่ในสถาบันตนได้ แต่ต้องให้ สกอ. (สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา) รับทราบ มิเช่นนั้นบัณฑิตที่จบไปสมัครงานกับหน่วยงานราชการ, สภาวิชาชีพในแต่ละแขนงเช่น สภาการพยาบาล, สภาวิศวกร และ กพ.จะรับรองการเทียบวุฒิให้ไม่ได้ สามารถตรวจสอบการรับรองหลักสูตรของมหาลัยต่างๆ โดย สกอ ได้ที่ www.mua.go.th/knowing
--CUradio
--CUradio
บวชศีลจาริณี
คือการบวชด้วยการนุ่งขาว ใส่ขาว รักษาศีล ๘ รับประทานอาหารมังสะวิรัติ เพื่ออบรมธรรมะ และเจริญภาวนา สร้างบุญบารมี เป็นระยะเวลา ๗ วัน ๕ วัน ๓ วัน เป็นต้น
วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
Extreme Programming (XP)
A software development methodology which is intended to improve software quality and responsiveness to changing customer requirements. It advocates frequent "releases" in short development cycles, which is intended to improve productivity and introduce checkpoints where new customer requirements can be added.
Pros: In traditional system development methods (such as SSADM or the waterfall model) the requirements for the system are determined at the beginning of the development project and often fixed from that point on. This means that the cost of changing the requirements at a later stage (a common feature of software engineering projects) will be high. Like other agile software development methods, Extreme Programming attempts to reduce the cost of change by having multiple short development cycles, rather than one long one.
Cons: Critics have noted several potential drawbacks, including problems with unstable requirements, no documented compromises of user conflicts, and lack of an overall design spec or document.
Pros: In traditional system development methods (such as SSADM or the waterfall model) the requirements for the system are determined at the beginning of the development project and often fixed from that point on. This means that the cost of changing the requirements at a later stage (a common feature of software engineering projects) will be high. Like other agile software development methods, Extreme Programming attempts to reduce the cost of change by having multiple short development cycles, rather than one long one.
Cons: Critics have noted several potential drawbacks, including problems with unstable requirements, no documented compromises of user conflicts, and lack of an overall design spec or document.
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553
Undergrads VS Graduates
Undergrads คือผู้เสพปัญญาที่ผู้อื่นสร้างขึ้นเพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพ
Graduates สร้า้งปัญญาที่มีคุณค่าให้ผู้อื่นเสพ
Graduates สร้า้งปัญญาที่มีคุณค่าให้ผู้อื่นเสพ
วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553
หัวข้อวิจัยมาจากไหน
ตามหลักอริยสัจสี่
- ทุกข์ คือ เห็นปัญหา เช่น คอมพิวเตอร์ที่ถือไปบรรยายหนัก
- สมุทัย คือ หาเหตุแห่งทุกข์ เช่น เพราะข้อมูลรวมทั้งโปรแกรมสำหรับสาธิตติดตั้งอยู่ในคอมพิวเตอร์หมดและมีขนาดใหญ่
- นิโรธ คือ ความดับทุกข์ เช่น ควรสร้าง Personal Cloud จะได้ไม่ต้องถือคอมพิวเตอร์ และไม่ต้องคัดลอกไฟล์ใส่แฟลชเมมโมรี่ไปติดตั้งที่เครื่องคอมฯประำจำห้องเรียน
- มรรค คือ วิธีดับทุกข์ เช่น วิธีสร้าง Personal Cloud
งานวิจัย เป็นอย่างไร แบบไหนถึงเรียกว่าเป็นงานวิจัยได้
บางคนสับสนไม่มั่นใจว่าสิ่งที่จะทำถือเป็นงานวิจัยได้หรือไม่ หรือเป็นเพียงการประดิษฐ์ทั่วไป ก่อนอื่น ควรทำความเข้าใจกับภาพรวมของสิ่งที่คิดขึ้นใหม่ต่างๆ นั่นคือ นวัตกรรม
นวัตกรรม (Innovation) คือ ปัญญา (วิจัย) หรือความคิด (จากการประดิษฐ์ ไม่รวมงานวรรณกรรม) ที่อยู่ในรูปแบบที่เป็นนามธรรม (ได้แก่ กระบวนการ, ทฤษฎี, สูตร, ความจริง) หรือรูปธรรม (ได้แก่ Hardware, Software ซึ่งรับรู้ได้ผ่านอายตนะทั้ง 5 ยกเว้นใจ) มีความใหม่ (Novelty) ที่ระดับปัญญา(กรณีเป็นงานวิจัย)หรือที่ระดับความคิด(ในกรณีการประดิษฐ์) และมีคุณประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ (Economic Impact) หรือเชิงสังคม (Social Impact)
งานวิจัย (Research) คือ การค้นคว้าหาปัญญาหรือความจริงใหม่ (Finding, Research Contribution) ในวงการ (Area of Research) ที่มีประโยชน์แก่มนุษย์และธรรมชาติอย่างตั้งใจและพยายามอย่างมีระบบแบบแผนตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (ดังนั้นการค้นพบปัญญาหรือความจริงใหม่ของโลกโดยบังเิอิญโดยไม่ตั้งใจหรือพยายามใดๆ จึงไม่ถือเป็นการวิจัย) ปัญญาจะถูกพิจารณาว่าใหม่หรือไม่ต้องทำการสำรวจงานวิจัยที่มีอยู่ก่อน (Literature Review) ผลของงานวิจัยจะก่อให้เกิดวิวัฒนาการขององค์ความรู้ในวงการซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนของมวลมนุษยชาติ (Body of Human's Knowledge) และสามารถนำมาสร้างขึ้นเพื่อใช้ในชีวิตจริงได้ งานวิจัยถือเป็นนวัตกรรมเสมอ
สิ่งประดิษฐ์ (Invention) คือ การดัดแปลงประยุกต์ใช้ปัญญา (ผลของงานวิจัย) หรือการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่แล้วในการสร้างผลลัพธ์ใหม่ที่ประกอบขึ้นจากวัตถุในทางรูปธรรมหรือนามธรรมที่มีอยู่แล้ว และเป็นผลลัพธ์ที่มีคุณภาพหรือประสิทธิภาพที่ดีขึ้นใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน งานประดิษฐ์ที่สามารถสร้างประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้ก็สามารถขอตรวจสอบเพื่อจดสิทธิบัตร
เทคโนโลยี (Technology) คือ สิ่งที่สร้างขึ้นจากผลของงานวิจัย อาจเป็นรูปธรรม เช่น LCD, UML หรือนามธรรม เช่น Modulation technique หรือทั้งสองแบบ เช่น ระบบ 3G
นวัตกรรม (Innovation) คือ ปัญญา (วิจัย) หรือความคิด (จากการประดิษฐ์ ไม่รวมงานวรรณกรรม) ที่อยู่ในรูปแบบที่เป็นนามธรรม (ได้แก่ กระบวนการ, ทฤษฎี, สูตร, ความจริง) หรือรูปธรรม (ได้แก่ Hardware, Software ซึ่งรับรู้ได้ผ่านอายตนะทั้ง 5 ยกเว้นใจ) มีความใหม่ (Novelty) ที่ระดับปัญญา(กรณีเป็นงานวิจัย)หรือที่ระดับความคิด(ในกรณีการประดิษฐ์) และมีคุณประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ (Economic Impact) หรือเชิงสังคม (Social Impact)
งานวิจัย (Research) คือ การค้นคว้าหาปัญญาหรือความจริงใหม่ (Finding, Research Contribution) ในวงการ (Area of Research) ที่มีประโยชน์แก่มนุษย์และธรรมชาติอย่างตั้งใจและพยายามอย่างมีระบบแบบแผนตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (ดังนั้นการค้นพบปัญญาหรือความจริงใหม่ของโลกโดยบังเิอิญโดยไม่ตั้งใจหรือพยายามใดๆ จึงไม่ถือเป็นการวิจัย) ปัญญาจะถูกพิจารณาว่าใหม่หรือไม่ต้องทำการสำรวจงานวิจัยที่มีอยู่ก่อน (Literature Review) ผลของงานวิจัยจะก่อให้เกิดวิวัฒนาการขององค์ความรู้ในวงการซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนของมวลมนุษยชาติ (Body of Human's Knowledge) และสามารถนำมาสร้างขึ้นเพื่อใช้ในชีวิตจริงได้ งานวิจัยถือเป็นนวัตกรรมเสมอ
สิ่งประดิษฐ์ (Invention) คือ การดัดแปลงประยุกต์ใช้ปัญญา (ผลของงานวิจัย) หรือการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่แล้วในการสร้างผลลัพธ์ใหม่ที่ประกอบขึ้นจากวัตถุในทางรูปธรรมหรือนามธรรมที่มีอยู่แล้ว และเป็นผลลัพธ์ที่มีคุณภาพหรือประสิทธิภาพที่ดีขึ้นใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน งานประดิษฐ์ที่สามารถสร้างประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้ก็สามารถขอตรวจสอบเพื่อจดสิทธิบัตร
เทคโนโลยี (Technology) คือ สิ่งที่สร้างขึ้นจากผลของงานวิจัย อาจเป็นรูปธรรม เช่น LCD, UML หรือนามธรรม เช่น Modulation technique หรือทั้งสองแบบ เช่น ระบบ 3G
-----
“การวิจัย” หมายความว่า การศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ หรือทดลองอย่างเป็นระบบ อันจะทำให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง ความรู้ใหม่ หรือหลักการไปใช้ในการตั้งกฎ ทฤษฎี แนวทางในการปฏิบัติเพื่อเป็นพื้นฐานของการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อสร้างนวัตกรรมอันจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
“นวัตกรรม” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ สิ่งประดิษฐ์ บริการ กรรมวิธีที่เกี่ยวกับการผลิต การจัดโครงสร้างองค์กร ระบบบริหารจัดการ การบริหารการเงิน ธุรกิจ การตลาด หรือในการอื่นใด ทั้งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งใหม่หรือพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในวงกว้างทั้งในเชิงพาณิชย์และสาธารณะ
ที่มา : พระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)