วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

สารนิพนธ์

หัวข้อสารนิพนธ์เป็นการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่เพื่อให้เกิดเป็นแง่มุมแห่งความใหม่ หรือถึงขั้นนวัตกรรมหรือความสร้างสรรค์ (Novelty หรือ Creativity) เพื่อแสดงความสามารถในการวิเคราะห์และสังเคราะห์ในระดับหนึ่ง นวัตกรรม อาจอยู่ในรูปแบบของ Output product ซึ่งเป็นชิ้นงานที่ไม่เคยมีมาก่อน หรืออยู่ในรูปแบบของ Process ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีแง่มุมใหม่ไม่เหมือนกระบวนการอื่นๆ ที่มีอยู่ก่อน

แบบไหนจึงเรียกว่านวัตกรรมหรือความสร้างสรรค์ คำตอบคือ 1) ต้องมีการแก้ปัญหาที่ระบบที่มีอยู่ไม่สามารถเข้าไปแก้ปัญหาดังกล่าวได้ทันที เช่น พัฒนาระบบลงทะเบียนใหม่สำหรับมหาลัย ก ถือว่าเป็นใหม่ เพราะระบบทะเบียนของมหาลัยอื่นไม่สามารถนำมาใช้กับมหาลัย ก ได้ทันทีเพราะกฎระเบียบต่างกัน แต่ถ้าจะให้ถึงระดับเป็นนวัตกรรม ต้องเป็นระบบทะเบียนที่ไม่สามารถเกิดจากการนำระบบทะเบียนของมหาลัยอื่นมาดัดแปลงเล็กน้อยก็ใช้ได้ แต่ต้องมีการแก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ หรือ 2) ต้องมีการเปิดเผยสาเหตุของปัญหาที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน ในกรณีทำสารนิพนธ์เชิงสำรวจ

หัวข้อสารนิพนธ์อาจเป็นความคิดริิเริ่ม (Initiation) ก็พอยอมรับได้ เช่น ริเริ่มทำ interactive Magazine ให้แก่การบินไทย ก็มีประโยชน์หรือ impact มาก และถือว่ามีความใหม่เพราะ interactive magazine  ที่มีอยู่ไม่สามารถนำมาแก้ปัญหาให้การบินไทยได้ทันที

ประโยชน์ประการหนึ่งของการคิดหัวข้อสารนิพนธ์ที่ใหม่เป็นนวัตกรรมหรือมีความริเริ่มจะไม่มีประเด็นเรื่องการคัดลอกทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น

การศึกษาเฉพาะกรณี (Case study)

แบบ 1 ทำกรณีศึกษาในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยเรื่องอื่น ใช้กรณีศึกษาเพื่อแสดงหรือสนับสนุนประเด็นหลัก เช่น คิดกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าใช้ได้จริงหรือไม่จึงต้องสร้างกรณีศึกษาเพื่อลองนำกระบวนการดังกล่าวไปทดลองใช้งาน
แบบ 2 ทำกรณีศึกษาในฐานะเป็นการวิจัยเอกเทศเรื่องหนึ่ง อยากรู้แบบเจาะลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น การศึกษาอิทธิพลของสมารทโฟนกับประสิทธิภาพในการทำงาน: กรณีศึกษบริษัท xyz

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

ปฏิสันถาร : ต้อนรับอย่างไรถึงจะถูกธรรม?


    เมื่อแขกมาถึงเรือนชาน ต้องต้อนรับขับสู่ คำนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้คนไทยได้ปฏิบัติต่อผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนว่า การปฏิสันถารจะเป็นวัฒนธรรมที่เป็นรากเหง้าที่หล่อหลอมคนไทยให้เป็นคนที่โอบอ้อมอารี มีน้ำใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้น ขอสรุปเรื่องนี้ไว้โดยสังเขปดังต่อไปนี้
ปฏิสันถารในพระพุทธศาสนา หมายถึง การต้อนรับ การรับรอง  การทักทายปราศรัย มี ๒ ประการ คือ
            อามิสปฏิสันถาร หมายถึง การต้อนรับหรือรับรองบุคคลที่มาเยี่ยมเยือนด้วยสิ่งของ เช่น หาข้าว หาน้ำ ขนม ผลไม้ เป็นต้นมารับรองตามสมควรแก่อัตภาพ
          ธัมมปฏิสันถาร หมายถึง หมาย การปราศรัยหรือการรับรองบุคคลที่มาหาสู่โดยธรรม เช่น การพูดจา    ชักชวนให้ขึ้นบ้านด้วยไมตรีจิต ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และคำพูดที่อ่อนหวาน นุ่มนวล ตลอดจนการให้ข้อคิดเห็น แนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต

ไม่คบคนพาล

คนพาลชอบชักชวนไปในทางเสื่อม คือคนที่เมื่อถูกชักจูงให้ห่างไกลจากความเสื่อมแล้วมักโกรธ

การไม่คบคนพาลคือ
ไม่ให้ ความสนิทสนมแก่คนพาล
ไม่รับ เป็นเพื่อน
ไม่ร่วม กิจกรรมใดๆ กับคนพาล เพราะจะนำความเดือดร้อนมาสู่เราได้

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

ลักษณะคนในที่ทำงาน

  1. Taker คือพวกชอบให้เพื่อหวังว่าจะได้มากกว่าที่ให้
  2. Matcher คือพวกชอบให้โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนเท่ากับที่ลงทุนไป
  3. Giver คือพวกชอบให้โดยไม่คาดหวังว่าต้องได้รับสิ่งใดตอบแทน

Disruptive behavior คือพวกมีพฤติกรรมขัดขวางหรือเป็นปรปักษ์ต่อการทำงานของผู้อื่นจนอาจทำให้ผู้อื่นไม่อยากมาทำงาน เช่น ชอบเบียดเบียนผู้อื่นทางวาจา ชอบเสียงดัง ชอบต่อว่าดูถูก ชอบข่มขู่ว่าจะฟ้องร้อง สาเหตุมาจากเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือเพื่อเรียกร้องเพื่อให้ตนได้รับความสำคัญที่เหมาะสมกับความสามารถที่รู้สึกว่าสูงส่งเกินผู้อื่นของตน คนพวกนี้มักเป็น Taker

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

สังฆทาน

เป็นการถวายทานแบบไม่เจาะจง คือให้เกิดประโยชน์แก่วัดทังวัด ผู้ให้จะเกิดใจที่กว้างใหญ่ และได้บุญมากก่าถวายทานแก่พระพุทธเจ้าเพราะเป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา

ต้องประกอบด้วยพระสงฆตั้งแต่สี่รูปขึ้นไป เพราะในวัดหนึ่งๆ ถ้ามีพระครบสี่รูปก็สามารถบวชให้พระใหม่ได้ ด้วยการถามความเห็นพระทั้งสี่นี้ว่าบุคคลนี้สมควรบวชได้หรือไม่ ถ้าไม่มีรูปใดคัดค้านก็ให้บวชได้

หรือพระรูปเดียวแต่ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของพระทั้งวัดแบบนี้ก็ได้

Horizontal and vertical scaling

To scale horizontally (or scale out) means to add more nodes to a system, such as adding a new computer to a distributed software application. An example might be scaling out from one Web server system to three. Scale out != Scale in

To scale vertically (or scale up) means to add resources to a single node in a system, typically involving the addition of CPUs or memory to a single computer. Such vertical scaling of existing systems also enables them to use virtualization technology more effectively, as it provides more resources for the hosted set of operating system and application modules to share. Taking advantage of such resources can also be called "scaling up", such as expanding the number of Apache daemon processes currently running. Scale up != Scale down