วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

สมถกรรมฐาน 40 กอง

http://www.vimokkha.com/krammathan.htm

จำเก่ง VS. คิดเก่ง

"จำเก่ง"ทำได้แค่ที่คนอื่นทำไว้  "คิดเก่ง"ทำได้ดีกว่าคนอื่นไม่มีที่สิ้นสุด

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

อุปกิเลส 16

กิเลส หรือเครื่องเศร้าหมองของจิต มีตัวหลักอยู่ 3 ตัว คือ
  • โลภะ คือ ความโลภ ความอยากได้ ความเพลิดเพลินยินดี ความยึดเหนี่ยวทางใจ
  • โทสะ คือ ความโกรธ ความขัดเคืองใจ ความเศร้า ความเสียใจ ความกลัว ความทุกข์ทางใจทั้งหลาย
  • โมหะ คือ ความหลง ความไม่รู้ธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง อวิชชา
กิเลส 3 ตัวนี้ เป็นเหตุที่ทำให้เกิดอกุศลทั้งมวล เปรียบเสมือนมารดาให้กำเนิดบุตร (เรียกว่าเป็นอกุศลเหตุ หรืออกุศลมูล) และได้แตกลูกแตกหลานออกมาอีก เรียกว่าเป็น อุปกิเลส 16 โดยพระไตรปิฎก : พระสุตตันตปิฎก เล่ม 4 มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ วัตถูปมสูตร อธิบาย อุปกิเลส ๑๖ ดังต่อไปนี้

[๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมเหล่าไหนเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต [คือ]
  1. อภิชฌาวิสมโลภะ [ละโมบไม่สม่ำเสมอ คือความเพ่งเล็ง] (คืออยากได้ของๆ ผู้อื่นมาเป็นของตน โดยไม่ถูกทำนองคลองธรรม - ธัมมโชติ) 
  2. โทสะ [พยาบาท ปองร้ายเขา] 
  3. โกธะ [โกรธ] 
  4. อุปนาหะ [ผูกโกรธไว้ มีโอกาสเมื่อไหร่เอาคืน] 
  5. มักขะ [ลบหลู่คุณท่าน ไม่รู้จักบุญคุณคน] 
  6. ปลาสะ [ยกตนเทียบเท่า ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ] (คือการตีเสมอผู้อื่น คิดว่าเราก็แน่เหมือนกัน - ธัมมโชติ) 
  7. อิสสา [ริษยา] 
  8. มัจฉริยะ [ตระหนี่ ไม่ใช้แม้ในสิ่งจำเป็น] 
  9. มายา [มารยา เจ้าเล่ห์] 
  10. สาเฐยยะ [โอ้อวด] (คือการพูดยกตนด้วยสิ่งที่ไม่เป็นจริง - ธัมมโชติ) 
  11. ถัมถะ [หัวดื้อ ว่านอนสอนยาก ยึดความคิดตัวเองมากจนเกิดปัญหาเมื่อทำงานร่วมกับผู้อื่น] 
  12. สารัมภะ [แข่งชิงดีชิงเด่น] 
  13. มานะ [ถือตัว สำคัญว่าตนสูงยิ่งใหญ่] 
  14. อติมานะ [ดูหมิ่นผู้อื่นว่าต้อยต่ำ ไม่เก่ง น่าเกลียด] 
  15. มทะ [มัวเมากับรูป รส กลิ่น เสียง อบายมุข] 
  16. ปมาทะ [เลินเล่อ] (ความประมาท ความเผลอ ความขาดสติ - ธัมมโชติ) 
เหล่านี้เป็นธรรมเครื่องเศร้าหมองของจิต จิตที่มีอุปกิเลสเป็นจิตอกุศลและเป็นบาป
--http://www.oknation.net/blog/Nirvana-Thailand/2008/10/10/entry-1

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

การปล่อยวาง

คือไม่ทุกข์ไปกับสิ่งไม่ชอบใจ แต่ไม่ได้หมายความว่านิ่งเฉยวางทุกอย่างไม่พยายามทำอะไรทั้งสิ้น ที่ถูกคือต้องพยายามทำให้ดีให้ถูกให้ควรที่สุด จากนั้นหากผลไม่เป็นไปตามต้องการต้องปล่อยวางไม่ไปทุกข์กับมัน

ความก้าวร้าว

คือการแสดงออกเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นให้เป็นทุกข์

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

เหตุใดบรรพชิตไม่ควรเป็นคนรับใช้ของคนอื่น

พระพุทธเจ้าสอนว่าบรรพชิตไม่ควรเป็นคนรับใช้ของคนอื่นเพราะไม่เหมาะสมและอาจโดนสั่งให้ทำกรรมชั่ว

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผู้มีศีลหรือปัญญา

  • มีศีลหรือไม่ รู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน
  • มีปัญญาหรือไม่ รู้ได้ด้วยการสนทนากัน

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

สิ่งรบกวนขณะเจริญภาวนา

เช่น ขณะเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิแล้วได้ยินเสียงหรือมีลมมากระทบ จิตน้อมไปฟังเสียงหรือรู้ลมแล้ว ให้ไปกำหนดรู้ว่ามีเสียงมากระทบหูหรือลมกระทบผิว อย่าบังคับจิตให้มาอยู่ที่การเดินหรือลมหายใจ มิเช่นนั้นจะไม่ใช่วิปัสสนา