- อย่าเป็นนักจับผิด คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ' กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก ' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '
- อย่ามัวแต่คิดริษยา ' แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน ' คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ' เจ้ากรรมนายเวร ' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ' ไฟสุมขอน ' ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ' แผ่เมตตา '
- อย่าเสียเวลากับความหลัง 90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ' ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น ' มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน ' ' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ' สติ ' กำกับตลอดเวลา
- อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ' ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม ' ทุกอย่างต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์ (Afford functionality, not passion) คำว่า ' พอดี ' คือ ถ้า ' พอ ' แล้วจะ ' ดี ' รู้จัก ' พอ ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
การบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี (Fwd mail)
วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ไตรจีวร, อังสะ, บริขาร
- ไตรจีวร
- จีวร คือ ผ้าห่ม เรียกว่า อุตราสงค์ ทำหน้าที่เป็นเสื้อโค้ต
- สบง คือ ผ้านุ่ง เรียกว่า อันตรวาสก ทำหน้าที่เป็นกางเกง
- สังฆาฏิ คือ ผ้าซ้อน (ปัจจุบันใช้พาดบ่า) ทำหน้าที่เป็นผ้าคลุมสำหรับป้องกันความหนาวในฤดูหนาว เป็นผ้าสารพัดประโยชน์ เช่น ห่มแทนจีวร ทำเป็นผ้ากันแดดได้ ปัจจุบันพระสงฆ์ไม่ได้ใช้ห่มซ้อนกับจีวรเหมือนก่อน ด้วยอยู่ในในถิ่นที่อากาศไม่หนาวจนเกินไป แต่พับแล้วพาดเก็บไว้บนบ่าเพื่อความสะดวกในเวลาเดินทาง จนกลายเป็นผ้าพาดบ่าไป
- อังสะ เป็นผ้าที่มีลักษณะเหมือนสไบเฉียงของผู้หญิง มีวัตถุประสงค์เหมือนเสื้อกล้ามหรือเสื้อชั้นใน ใช้สวมใส่ขณะอยู่ตามลำพังหรือทำงานเพื่อไม่ให้ดูเปลือยกายท่อนบน สมัยพุทธกาลไม่ปรากฏว่ามีการใช้ผ้าอังสะ อังสะไม่รวมอยู่ในบริขาร 8
- บริขาร อ่านว่า บอริขาน หมายถึงเครื่องใช้ไม้สอยที่จำเป็นของภิกษุซึ่งมี 8 อย่าง เรียกว่าอัฐบริขาร (อ่านว่า -อัดถะ) แปลว่าบริขาร 8 คือสบง (ผ้านุ่ง) จีวร (ผ้าห่ม) สังฆาฏิ (ผ้าซ้อน) บาตร มีดโกน เข็ม ประคดเอว ธมกรก (ที่กรองน้ำ)
วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ทำไมน้ำในแก้วถึงระเหยได้ทั้งๆ ที่อุณภูมิยังไม่ถึงจุดเดือดของน้ำ
โมเลกุลของน้ำที่ผิวหน้ามีแรงยึดเหนี่ยวน้อยกว่าโมเลกุลที่อยู่ลึกลงไป ทำให้สามารถหลุดออกไปในอากาศได้ ถ้ามีพลังงานจลน์(มีการเคลื่อนไหว)มากพอ แม้แต่ขณะที่มีความชื้นสัมพัทธ์ 100% น้ำที่ผิวหน้าก็ยังมีการระเหย เพียงแต่ว่าอัตราการระเหยเท่ากับอัตราการควบแน่น เรียกว่าเกิดสมดุล น้ำจึงไม่พร่องลงไป
BEX (Bond Electronic Exchange)
เป็นตลาดตราสารหนี้ที่ให้บริการระบบการซื้อขายตราสารหนี้และพันธบัตรด้วยเทคโนโลยีทางอิเล็คทรอนิกส์
http://www.set.or.th/en/products/listing/bond_listing_p1.html
http://www.tsi-thailand.org/wiki/index.php?title=BEX
http://www.set.or.th/en/products/listing/bond_listing_p1.html
http://www.tsi-thailand.org/wiki/index.php?title=BEX
วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
มาบตาพุด
โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นโรงงานประเภทปิโตรเคมีเป็นส่วนใหญ่
โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เป็นส่วนใหญ่
โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เป็นส่วนใหญ่
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วาระแห่งชาติ
นอกเหนือจากการปฏิรูปการศึกษาและการอ่าน การปฏิรูปหน่วยงานการรถไฟควรถูกผลักดันเป็นวาระแห่งชาติเช่นกัน เพราะวาระแห่งชาติจะถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยทุกรัฐบาล ไม่ถูกลืม
Zero-sum game
Describes a situation in which a participant's gain or loss is exactly balanced by the losses or gains of the other participant(s): #total wins of all players - #total losses of all players = 0
Any commercial exchange is a non-zero-sum activity, because each party must consider the goods it is receiving as being at least fractionally more valuable than the goods it is delivering.
To my view, the zero-sum game is comparable to a kind of win-lose situation, whereas non-zero-sum game is win-win or lose-lose situations.
Any commercial exchange is a non-zero-sum activity, because each party must consider the goods it is receiving as being at least fractionally more valuable than the goods it is delivering.
To my view, the zero-sum game is comparable to a kind of win-lose situation, whereas non-zero-sum game is win-win or lose-lose situations.
วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
แนวทางการปฏิวัติการศึกษาของชาติ
- ครูควรมีพื้นฐานเป็นคนที่มีผลการเรียนในระดับดี เพราะจะช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้ดี (อุปมาอย่างสุดโต่งเหมือนการนำคนมาสอนคนกับการนำลิงมาสอนคน) ดังนั้นควรยกระดับคะแนนสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในคณะคุรุศาสตร์ให้สูงขึ้น แต่จะทำให้คนเก่งหันมาสอบเข้าเรียนคณะนี้ได้ ก็ต้องสร้างแรงจูงใจ เช่น เพิ่มผลตอบแทนให้อาชีพนี้ก่อน นอกเหนือจากเกรียติศักดิ์ศรีที่ครูมีมากอยู่แล้ว(มากกว่าหมอ)ในสายตาของคนสังคม
- ควรมีการจัดทำคู่มือการสอนที่ได้มาตรฐานเขียนโดยผู้มีประสบการณ์ตรง สำหรับ Self-training ของครู
- ครูในปัจจุบันมุ่งทำผลงานด้านการเขียนเพื่อเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งของตนเอง จนไม่ให้ความสำคัญกับงานสอนเท่าที่ควร ส่งผลให้นโยบายการยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง Student-Center ไม่ถูกตอบสนอง แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนของครูแต่ละคนมาเป็นตัวชี้วัดการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ จะก่อให้เกิดสถาณการณ์แบบ win-win ทั้งครูและผู้เรียน
- ควรจัดให้มีระบบข้อสอบกลางซึ่งมีมาตรฐานเดียวกันและมีความมั่นคงปลอดภัยสำหรับทุกระดับชั้นการศึกษาทั่วประเทศ ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องมีการสอบแอดมิสชั่นอีก
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ดร. วรภัทร ภู่เจริญ
อดีตวิศวกรองค์การอวกาศนาซ่า เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ออกข้อสอบด้วยโจทย์ "จงออกข้อสอบเอง" ได้ศูนย์กันทั้งห้องเพราะอยากให้เป็นข้อสอบแสดงความคิดไม่ใช่ความจำ
"ผมได้เรียนรู้จากนาซามาก เวลาสอนอาจารย์จะโยนหนังสือมาให้เล่มหนึ่ง อ่านภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่เราอ่านเร็วอยู่แล้ว ที่นั่นใช้วิธีสอนเหมือนไม่สอน ซักถามและวิเคราะห์กันหนักๆ อย่างเช่น คุณเห็นใบไม้ที่โคนกิ่งไม้ ลองคำนวณว่ามีแรงกี่ปอนด์ แต่ผมกลับถามตัวเองว่า ทำไมเราต้องไปถึงสุดขอบจักรวาล 450 ล้านปีแสง เรากำลังบ้าหรือเปล่า สุดท้ายเราทำอะไร ณ วินาทีนี้ ถ้าเราอยู่ขอบจักรวาล เราจะทำอะไร ผมว่า มันไร้สาระ"
"ผมได้เรียนรู้จากนาซามาก เวลาสอนอาจารย์จะโยนหนังสือมาให้เล่มหนึ่ง อ่านภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่เราอ่านเร็วอยู่แล้ว ที่นั่นใช้วิธีสอนเหมือนไม่สอน ซักถามและวิเคราะห์กันหนักๆ อย่างเช่น คุณเห็นใบไม้ที่โคนกิ่งไม้ ลองคำนวณว่ามีแรงกี่ปอนด์ แต่ผมกลับถามตัวเองว่า ทำไมเราต้องไปถึงสุดขอบจักรวาล 450 ล้านปีแสง เรากำลังบ้าหรือเปล่า สุดท้ายเราทำอะไร ณ วินาทีนี้ ถ้าเราอยู่ขอบจักรวาล เราจะทำอะไร ผมว่า มันไร้สาระ"
คนฉลาดและคนโง่ นิยามโดยโสเครติส
คนฉลาดคือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ ส่วนคนโง่คือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้แต่ทำตัวเป็นผู้รู้
สช.สะกิด ร.ร.เอกชนไม่มีใบอนุญาต ห้ามเปิดสอนเด็ดขาดเตือนลงโทษทั้งจำ-ปรับ
นายสำรวม พฤกษ์เสถียร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เปิดเผยถึงโรงเรียนเอกชนนอกระบบซึ่งเปิดสอนหลักสูตรระยะสั้น ที่มีอยู่จำนวนมาก เช่น โรงเรียนเสริมสวย ตัดเสื้อผ้า แต่งหน้า ทำเล็บ นวด ออกแบบ สอนคอมพิวเตอร์ สอนภาษา กวดวิชา บริบาล ซ่อมมือถือ ซ่อมเครื่องไฟฟ้า สอนขับรถยนต์ ฯลฯ โรงเรียนเหล่านี้สามารถขออนุญาตจัดตั้งได้ โดยได้รับอนุญาตจาก สช. ก่อนจึงจะดำเนินการได้ แต่ยังมีโรงเรียนบางแห่งที่ยังไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้งให้ถูกกฎหมาย ทำให้ถูกเรียกเป็นโรงเรียนเถื่อน จึงขอเตือนไปยังผู้บริหารหรือเจ้าของโรงเรียนนอกระบบดังกล่าว ดำเนินการขออนุญาตจัดตั้งให้ถูกต้องตามมาตรา 121 แห่ง พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ที่ได้ประกาศใช้แล้ว ทั้งนี้โรงเรียนใดที่ยังไม่มีใบอนุญาตถูกต้อง ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ ให้ติดต่อได้ที่ สช. กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โทร.0-2628-9047-8 ส่วนโรงเรียนในต่างจังหวัด ติดต่อกลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานั้นๆ
การดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนโดยมิได้ขออนุญาตตามกฎหมาย จะมีความผิดตามมาตรา 147 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มาตรา 128 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเข้าไปในโรงเรียนเพื่อตรวจสอบความถูกต้องได้ทุกโรงเรียน ถ้าผู้ใดขัดขวางไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือไม่อำนวยความสะดวก ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย มาตราดังกล่าวที่ระบุว่ามีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
--หนังสือพิมพ์บ้านเมือง : ศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2008
การดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนโดยมิได้ขออนุญาตตามกฎหมาย จะมีความผิดตามมาตรา 147 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มาตรา 128 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเข้าไปในโรงเรียนเพื่อตรวจสอบความถูกต้องได้ทุกโรงเรียน ถ้าผู้ใดขัดขวางไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือไม่อำนวยความสะดวก ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย มาตราดังกล่าวที่ระบุว่ามีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
--หนังสือพิมพ์บ้านเมือง : ศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2008
เส้นตายในการตรวจจับบริษัทองค์กรที่ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน
พันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์หรือบีเอสเอ (BSA) ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้ชุดปราบปรามของกองบังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ประกาศเส้นตายล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน บก.ปอศ.กำลังดำเนินการสืบสวนและเข้าตรวจค้นองค์กรธุรกิจที่มีเบาะแสว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไปแล้วกว่า 1,000 แห่ง ตามที่ได้รับร้องเรียนจากเจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์
บก.ปอศ. ยืนยันว่าขั้นตอนการตรวจจับนั้นไม่มีการโทรศัพท์เพื่อเตือนก่อนการตรวจค้นแน่นอน การตรวจค้นในที่รโหฐานก็จะต้องมีหมายค้น มีการแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นถ้ามีผู้แอบอ้างดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ที่ใกล้ที่ทำการของท่านดำเนินการตามกฎหมายได การเตือนเรื่องตรวจจับซอฟต์แวร์เถื่อนในองค์กรที่ไม่ใช่การล่อลวงมักเป็นการเตือนภัยทางอีเมล จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากบีเอสเอ หรือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ซึ่งส่งอีเมลเตือนสมาชิกองค์กรให้รับรู้กำหนดการตรวจจับจริงจังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งหมดนี้ไม่มีข้อเรียกร้องใดๆยกเว้นการทำให้บริษัทองค์กรตื่นตัวและหันไปใช้ซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ หรือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สต่อไป
"ในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายจะไม่มีการข่มขู่หรือเรียกร้องเงินหรือหาประโยชน์อื่นใดอย่างเด็ดขาด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนและตรวจค้นการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในองค์กรธุรกิจใดก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บหลักฐาน ขอดูใบอนุญาตซอฟต์แวร์และถ่ายภาพที่เกิดเหตุไว้ เพื่อทำสำนวนการสอบสวนว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์หรือไม่อย่างไร ก่อนที่จะสรุปสำนวนสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ และนำคดีขึ้นสู่ศาลต่อไปหรือถ้ามีกรณีถอนคำร้องทุกข์อำนาจสอบสวนก็สิ้นสุดลง" ตามข้อความในหนังสือประชาสัมพันธ์จาก บก.ปอศ.
บก.ปอศ. ยืนยันว่าขั้นตอนการตรวจจับนั้นไม่มีการโทรศัพท์เพื่อเตือนก่อนการตรวจค้นแน่นอน การตรวจค้นในที่รโหฐานก็จะต้องมีหมายค้น มีการแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นถ้ามีผู้แอบอ้างดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ที่ใกล้ที่ทำการของท่านดำเนินการตามกฎหมายได การเตือนเรื่องตรวจจับซอฟต์แวร์เถื่อนในองค์กรที่ไม่ใช่การล่อลวงมักเป็นการเตือนภัยทางอีเมล จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากบีเอสเอ หรือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ซึ่งส่งอีเมลเตือนสมาชิกองค์กรให้รับรู้กำหนดการตรวจจับจริงจังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งหมดนี้ไม่มีข้อเรียกร้องใดๆยกเว้นการทำให้บริษัทองค์กรตื่นตัวและหันไปใช้ซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ หรือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สต่อไป
"ในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายจะไม่มีการข่มขู่หรือเรียกร้องเงินหรือหาประโยชน์อื่นใดอย่างเด็ดขาด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนและตรวจค้นการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในองค์กรธุรกิจใดก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บหลักฐาน ขอดูใบอนุญาตซอฟต์แวร์และถ่ายภาพที่เกิดเหตุไว้ เพื่อทำสำนวนการสอบสวนว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์หรือไม่อย่างไร ก่อนที่จะสรุปสำนวนสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ และนำคดีขึ้นสู่ศาลต่อไปหรือถ้ามีกรณีถอนคำร้องทุกข์อำนาจสอบสวนก็สิ้นสุดลง" ตามข้อความในหนังสือประชาสัมพันธ์จาก บก.ปอศ.
สถิตินักท่องเที่ยวไทยตั้งแต่ มค. ถึง สค. 2552
ชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามามากที่สุด อันดับสองคือญี่ปุ่น อันดับสาม อังกฤษ ส่วนอเมริกาอันดับสี่
โดยแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งคือกรุงเทพฯ รองลงมาคือชลบุรีและเชียงใหม่ตามลำดับ
--http://www.tourism.go.th/2009/upload/tourism/files/2_2รวมทุกด่าน.pdf
สิ่งดึงดูดที่ทำให้มาท่องเที่ยวไทยมากที่สุดตามลำดับ
1. อาหารไทย
2. โบราณสถาน
3. อัธยาศัยไมตรีของคนไทย
แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงเทพฯ ตามลำดับ
1.วัดพระแก้วและพระบรมหาราชวัง
2.วัดพระเชตุพนฯ
3.ประตูน้ำและปทุมวัน
4.จตุจักร
5.ถนนข้าวสาร
(Ref: ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือกรุงเทพโพล ได้สำรวจ นักท่องเที่ยวต่างชาติต่อการมาท่องเที่ยวกรุงเทพฯ เนื่องด้วยกรุงเทพฯ ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเครือข่ายเมืองใหญ่แห่งเอเชีย 21 ครั้งที่ 8 ในวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. โดยสำรวจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป บริเวณแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาตินิยมไป 6 แห่ง ได้แก่ 1) ถนนข้าวสาร 2) ถนนสีลม 3) ประตูน้ำ-พระพรหม-แยกราชดำริ 4) ตลาดนัดจตุจักร-สวนจตุจักร 5) วัดพระแก้ว-วัดโพธิ์ 6) สถานีรถไฟหัวลำโพง ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 474 คน เป็นเพศชายร้อยละ 58.3 และเพศหญิงร้อยละ 41.7 โดยผลสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยกให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าเที่ยวมากที่สุดในบรรดา 10 เมืองที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ กรุงเดลี กรุงฮานอย กรุงจาการ์ตา กรุงกัวลาลัมเปอร์ กรุงมะนิลา กรุงโซล กรุงโตเกียว ไทเป สิงคโปร์ และกรุงเทพมหานคร โดยได้รับคะแนน 7.19 คะแนน รองลงมาเป็นกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ 3.12 คะแนน สิงคโปร์ ได้ 2.45 คะแนน กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้ 1.65 คะแนน กรุงเดลี ประเทศอินเดีย ได้ 1.49 คะแนน สำหรับสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมา กรุงเทพฯ 5 อันดับแรก คือ อาหารไทย ร้อยละ 20.4 โบราณสถานและโบราณวัตถุ ร้อยละ 19.7 อัธยาศัยไมตรีของคนไทย ร้อยละ 16.8 วัฒนธรรมประเพณีและศิลปะพื้นบ้าน ร้อยละ 15.8 แหล่งชอปปิง ร้อยละ 15.1 ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่ประทับใจมากที่สุด ได้แก่ พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ร้อยละ 39.4 2.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ร้อยละ 11.5 3.แหล่งชอปปิง ย่านประตูน้ำและปทุมวัน ร้อยละ 11.0 4.ตลาดนัดสวนจตุจักร ร้อยละ 10.7 5.ถนนข้าวสาร ร้อยละ 6.5)
โดยแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งคือกรุงเทพฯ รองลงมาคือชลบุรีและเชียงใหม่ตามลำดับ
--http://www.tourism.go.th/2009/upload/tourism/files/2_2รวมทุกด่าน.pdf
สิ่งดึงดูดที่ทำให้มาท่องเที่ยวไทยมากที่สุดตามลำดับ
1. อาหารไทย
2. โบราณสถาน
3. อัธยาศัยไมตรีของคนไทย
แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงเทพฯ ตามลำดับ
1.วัดพระแก้วและพระบรมหาราชวัง
2.วัดพระเชตุพนฯ
3.ประตูน้ำและปทุมวัน
4.จตุจักร
5.ถนนข้าวสาร
(Ref: ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือกรุงเทพโพล ได้สำรวจ นักท่องเที่ยวต่างชาติต่อการมาท่องเที่ยวกรุงเทพฯ เนื่องด้วยกรุงเทพฯ ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเครือข่ายเมืองใหญ่แห่งเอเชีย 21 ครั้งที่ 8 ในวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. โดยสำรวจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป บริเวณแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาตินิยมไป 6 แห่ง ได้แก่ 1) ถนนข้าวสาร 2) ถนนสีลม 3) ประตูน้ำ-พระพรหม-แยกราชดำริ 4) ตลาดนัดจตุจักร-สวนจตุจักร 5) วัดพระแก้ว-วัดโพธิ์ 6) สถานีรถไฟหัวลำโพง ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 474 คน เป็นเพศชายร้อยละ 58.3 และเพศหญิงร้อยละ 41.7 โดยผลสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยกให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าเที่ยวมากที่สุดในบรรดา 10 เมืองที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ กรุงเดลี กรุงฮานอย กรุงจาการ์ตา กรุงกัวลาลัมเปอร์ กรุงมะนิลา กรุงโซล กรุงโตเกียว ไทเป สิงคโปร์ และกรุงเทพมหานคร โดยได้รับคะแนน 7.19 คะแนน รองลงมาเป็นกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ 3.12 คะแนน สิงคโปร์ ได้ 2.45 คะแนน กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้ 1.65 คะแนน กรุงเดลี ประเทศอินเดีย ได้ 1.49 คะแนน สำหรับสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมา กรุงเทพฯ 5 อันดับแรก คือ อาหารไทย ร้อยละ 20.4 โบราณสถานและโบราณวัตถุ ร้อยละ 19.7 อัธยาศัยไมตรีของคนไทย ร้อยละ 16.8 วัฒนธรรมประเพณีและศิลปะพื้นบ้าน ร้อยละ 15.8 แหล่งชอปปิง ร้อยละ 15.1 ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่ประทับใจมากที่สุด ได้แก่ พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ร้อยละ 39.4 2.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ร้อยละ 11.5 3.แหล่งชอปปิง ย่านประตูน้ำและปทุมวัน ร้อยละ 11.0 4.ตลาดนัดสวนจตุจักร ร้อยละ 10.7 5.ถนนข้าวสาร ร้อยละ 6.5)
ธุรกิจไมซ์
MiCE : Meeting Incentive Convention and Exhibition คือ ธุรกิจจัดประชุมที่ประเทศไทยกำลังพยายามส่งเสริมผลักดันโดยมีหน่วยงานสำนักงานส่งเสริม การจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญ
พระพุทธรูป
สอดคล้องกับแหล่งข้อมูลที่มีผู้เชื่อถือมากที่สุด พระพุทธรูปถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้ามิลินท์ กษัตริย์เชื้อสายกรีกตามวัฒนธรรมของชาวกรีกซึ่งนิยมใช้รูปคนแทนรูปเทพเจ้าต่างๆ
พระพุทธรูปนอกจากเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจสำหรับผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นเครื่องมือในการเหนี่ยวนำให้ผู้คนเข้าถึงศาสนาได้ง่ายขึ้นเนื่องด้วยความเป็นวัตถุที่ผู้คนทั่วไปรับรู้และสัมผัสได้ง่ายกว่าสิ่งที่่เป็นนามธรรมดังเช่นพระธรรม เมื่อบังเกิดความประทับใจในองค์พระที่งดงามสงบนิ่งก็จะนำมาซึ่งความเลื่อมใสและสนใจศึกษาพระธรรมได้ในที่สุด
พระพุทธรูปนอกจากเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจสำหรับผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นเครื่องมือในการเหนี่ยวนำให้ผู้คนเข้าถึงศาสนาได้ง่ายขึ้นเนื่องด้วยความเป็นวัตถุที่ผู้คนทั่วไปรับรู้และสัมผัสได้ง่ายกว่าสิ่งที่่เป็นนามธรรมดังเช่นพระธรรม เมื่อบังเกิดความประทับใจในองค์พระที่งดงามสงบนิ่งก็จะนำมาซึ่งความเลื่อมใสและสนใจศึกษาพระธรรมได้ในที่สุด
วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก
- ให้บริการภายใน พ.ศ. 2562
- โครงการเริ่มต้นจากสถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน มาตามเส้นทางรถไฟสายใต้ในระดับดิน แล้วเริ่มลดระดับเป็นอุโมงค์ใต้ดินบริเวณบางขุนนนท์ ก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟถนนจรัญสนิทวงศ์ ต่ำกว่าระดับดินประมาณ 20 เมตร ผ่านสถานีรถไฟธนบุรี โรงพยาบาลศิริราช ลอดแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่แนวถนนราชดำเนินกลาง ผ่านสนามหลวง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้าสู่แนวถนนหลานหลวงไปจนถึงบริเวณยมราช จากนั้นจึงเข้าสู่แนวเส้นทางรถไฟสายตะวันออก แล้วเพิ่มระดับเปลี่ยนเป็นโครงสร้างแบบคลองแห้ง (open trench) ต่ำกว่าระดับดินประมาณ 10 เมตร ไปเชื่อมต่อกับเส้นทางช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน เข้าสู่สถานีพญาไท โดยก่อสร้างถึงเพียงจุดเชื่อมต่อบริเวณยมราช รวมระยะทาง 10.5 กิโลเมตร
- มี 6 สถานี (ไม่รวมสถานีตลิ่งชันและพญาไท) เป็นสถานีใต้ดินทั้งหมด ได้แก่ สถานีบางขุนนนท์, สถานีศิริราช, สถานีสนามหลวง, สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, สถานีหลานหลวง และสถานียมราช
เทคโนโลยี 3G (& 4G)
สถานการณ์ในแต่ละประเทศ
ประโชน์ของการประมูล 3G --กรุงเทพธุรกิจ
LTE advance เป็นเทคโนโลยี 4g ความเร็ว 3 Gbps downstream และ 1.5 Gbps
upstream ใช้เสาอากาศ 8 เสาในอุกรณ์พกพา เช่น Galaxy 4 ส่วน cell site
ทำหน้าที่เป็น internet gateway
- ญี่ปุ่นประกาศใช้เชิงพาณิชย์เป็นที่แรกในปี 2544 ตามด้วยอังกฤษ และเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย อเมริกา และยุโรป ตามลำดับ
- กัมพูชาเปิดให้บริการ 3G ในปี 2549 โดยมีผู้ให้บริการ 4 รายแต่ค่าบริการและมือถือมีราคาแพงเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชน จึงมีผู้ใช้น้อย
- ลาวให้บริการ 3G ครั้งแรกในปี 2551 แต่ปัญหา 3G ในลาวคือมี Infra และ App พร้อมแต่ขาด Content ภาษาลาวรวมทั้งค่าบริการและค่าอุปกรณ์มือถือยังแพงไป
- เวียดนามประกาศให้ใบอนุญาต 3G ไตรมาสสอง 2552
- สถาณการณ์ในไทย กทช. (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) เริ่มดำเนินการโครงการ 3G ตั้งแต่ปี พศ 2548 และปัจจุบันกำลังส่งเรื่องให้กรรมธิการกฤษฎีกาตีความอำนาจและหน้าที่ของกทช. ในการออกใบอนุญาต 3G จากนั้นจึงจะเริ่มการประมูลใบอนุญาตการจัดสรรคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G (ในช่วงคลื่นความถี่ 2.1 GHz) ได้ ในประเทศญี่ปุ่นกับสิงค์โปรจะไม่ใช้วิธีการประมูลอย่างไทยซึ่งเหมือนอังกฤษและเยอรมันโดยจะคัดเลือกจากข้อเสนอเรื่องคุณภาพการให้บริการเป็นหลัก (ตรวจสอบสถานการณ์ล่าสุดในหัวข้อด้านล่าง)
- ในปี ค.ศ. 2010 เทคโนโลยี 3.9G ที่ถูกพัฒนาให้มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงถึง 150 Mbps ชื่อ Long Term Evolution (LTE) กำหนดจะเปิดใช้งานในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกที่เริ่มอิ่มตัวกับความเร็วของ 3G ขั้นต้น (แบบ HSPA ให้ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงสุดที่ 21 Mbps ถ้าเป็น HSPA+ จะให้ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลถึง 28 Mbps) รวมทั้ง สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน และวงการโทรคมนาคมของหลาย ๆ ประเทศ ขณะนี้ก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยี LTE สู่ LTE Advance ที่ให้ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงถึง 500 Mbps หรือ เทคโนโลยี 4G; LTE เป็นเทคโนโลยีที่กลืน WiMax เข้าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานทำให้ WiMax ถูกทดแทนด้วย 4G ในที่สุด
โอเปอร์เรเตอร์ไทย
- บริษัท ทีโอที เป้าหมายหลักวันนี้คือต้องการยืดเวลาการประมูล 3G ของกทช.ออกไปให้นานที่สุด เพื่อให้บริการ 3G ของตัวเองมีเวลาสร้างฐานลูกค้า โดยเริ่มปฐมบทในวันที่ 3 ธ.ค. เปิดให้บริการในกทม.และปริมณฑลก่อน บริการดังกล่าวเป็นลักษณะ MVNO (mobile virtual network operator: a company that provides mobile phone service but does not have its own licensed frequency allocation of radio spectrum, nor does it necessarily have all of the infrastructure required to provide mobile telephone service.) ผ่านบริษัท สามารถ ไอโมบาย, Loxley, บริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น จำกัด, IEC และ เอ็ม คอมมูนิเคชั่น บนคลื่นความถี่ 1900 MHz และ 2100 MHz ซึ่ง MVNO ทั้งหมดไม่สามารถให้บริการจริงได้ในวันเปิดตัวดังกล่าวเนื่องจากปัญหาหลายประการที่ต่างกันไป (TOT 3G ใช้ย่านความถี่ในการให้บริการคือ 1965-1980 MHz และ 2155 – 2170 MHz โดยมีความกว้างแถบคลื่น (Bandwidth) 15+15 MHz ตามมาตรฐานของ 3G คือ 1920-1980 MHz. และ 2110-2170 MHz โดยมีความกว้างแถบคลื่น (Bandwidth) 60+60 MHz ซึ่งระบบ 3G ของทีโอทีถือเป็น 3G ของแท้ที่ใช้ความถี่ย่านมาตรฐานต่างจากโอเปอเรเตอร์รายอื่นที่ทดสอบหรือให้บริการในวงจำกัดขณะนี้)
- บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่มีสองเทคโนโลยี 3G คือ CDMA / EV-DO ซึ่งได้ให้บริการเป็นเวลาหลายปีมาแล้วภายใต้ชื่อ แคท ซีดีเอ็มเอ (แต่ให้บริการอยู่ 51 จังหวัดยกเว้นภาคกลาง ซึ่งกำลังดำเนินการซื้อกิจการของบริษัทฮัทช์ซึ่งให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบซีดีเอ็มเอใน 25 จังหวัดภาคกลาง โดยฮัทช์ต้องอัพเกรดระบบให้เป็นซีดีเอ็มเอ อีวีดีโอ รองรับการใช้งาน 3จี) ด้วยความเร็ว 3.1Mbps กับเทคโนโลยี WCDMA บนความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ที่จะประมูลไลเซ่นส์ กทช. กสท จะต้องสูญเสียรายได้ หากเอกชน เช่น AIS ประมูลใบอนุญาต 3 Gได้ แล้วย้ายฐานลูกค้าเดิมที่อยู่ภายใต้บริการ 2 G ซึ่งเป็นการรับสัมปทานจาก กสท ไปยังบริการ 3 G
- ทรูมูฟเป็นโอเปอเรเตอร์อีกรายที่ต้องการ 3G บนความถี่มาตรฐาน เพราะทุกวันนี้ได้แค่ทดสอบและเปิดให้ทดลองใช้โดยอาศัยความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ของกสท ซึ่งคาราคาซังไม่สามารถเปิดบริการเชิงพาณิชย์เก็บเงินได้ เนื่องจากต้องผ่านการพิจารณาคณะกรรมการตามพรบ.ร่วมทุนปี 2535 ทรูมูฟเป็นโอเปอร์เรเตอร์สัญชาติไทยที่เหลืออยู่เพียงรายเดียว และปลายปี 2556 สัมปทานคลื่นความถี่ของ กสท จะหมดสัญญา ทำให้ กสท และทรูต้องคืนคลื่นความถี่นี้ให้ กสทช ไปประมูลใหม่
- ดีแทคเป็นโอปอเรเตอร์ที่จะมีความถี่ 3G สองย่านคือ 850 เมกะเฮิรตซ์ที่เปิดทดลองให้ใช้อยู่ในปัจจุบันและ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ในอนาคตที่ได้จากการประมูล โดยย่านความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ เป็นบริการ HSPA ที่เปิดให้กลุ่มเป้าหมายทดสอบอยู่ ซึ่งการใช้งานอยู่ในระดับน่าพอใจอย่างมาก เหลือแต่เพียงขั้นตอนตามพรบ.ร่วมทุนปี 2535 เท่านั้นที่ยังทำให้ไม่สามารถเก็บค่าบริการได้
- ปัจจุบันโอเปอร์เรเตอร์ายใหญ่อย่าง AIS ได้เปิดให้บริการ 3G ในปี 2551 ด้วยคลื่นความถี่ 900 MHz (HSPA) สำหรับ AIS แต่ประสิทธิภาพยังไม่ดีเท่าของ DTAC และในกลางเดือน มค. 2553 ได้ร่วมมือกับ TOT ในการให้บริการ 3G ซึ่ง TOT ได้ให้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ธค ปีที่แล้วผ่าน MVNO
แม้หลายโอเปอเรเตอร์จะมีย่านความถี่ของตนให้บริการ 3G โทรศัพท์มือถือ 3G ส่วนใหญ่ทั่วโลกรองรับย่านความถี่ 2.1 GHz การที่ต้องซื้อเครื่องโทรศัพท์ที่รองรับย่านความถี่อื่นเพื่อใช้บริการของโอเปอเรเตอร์เฉพาะรายเป็นการจำกัดผู้ให้บริการทำให้เกิดผลเสียต่อผู้บริโภค ดังนั้นเหล่าโอเปอเรเตอร์จึงต้องประมูลคลื่นความถี่นี้
- พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากระบวนการออกใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ว่ากรอบระยะเวลาน่าจะจัดให้มีการประมูลได้เสร็จสิ้นภายในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้ โดยระหว่างเดือนมิ.ย.-พ.ค. จะเป็นการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและจัดเตรียมกฏกติกาที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลการแข่งขัน หลังจากนั้นคาดว่าจะประกาศหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาต 3G ลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วเริ่มกระบวนการประมูลจากเดือน ส.ค.- ก.ย.นี้
- กทช. อัพเกรดโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G เป็น 3.9 G ความเร็วเพิ่มขึ้น 20 เท่า: พันเอกนที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการ 3G เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการ 3G ได้หารือในที่ประชุมเรื่องการเปิดให้บริการโครงข่ายระบบ 3G นั้น ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันที่จะอัพเกรดหรือเพิ่มขีดความสามารถโครงข่ายโทรศัพท์ระบบ 3G ให้มีความเร็วสูงขึ้นอีก 20 เท่า คือปรับเป็นระบบ 3.9 G เนื่องจากมองว่าระบบโทรศัพท์ 3G ค่อนข้างล้าสมัยไปแล้วในปัจจุบัน ประกอบกับประเทศไทยมีศักยภาพของระบบโทรคมนาคมเพียงพอที่จะเปิดให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์ระบบ 3.9 G ได้ โดยหลังจากนี้ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นหลักเกณฑ์และราคาใบอนุญาตจากทุกภาคส่วนในเดือนมิถุนายนและกรกฏาคมนี้ พร้อมออกใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3.9 G จำนวน 3 ใบให้แล้วเสร็จในเดือนกันยายน และมั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการโครงข่าวโทรศัพท์ระบบ 3.9G ทั่วประเทศได้ภายในสิ้นปี 53 นี้อย่างแน่นอน
- 4 มิ.ย.2553 กทช. และ ประธานคณะกรรมการ 3.9 จี จัดประชุมวาระพิเศษ และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณาแนวทางการอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอเอ็มที (IMT หรือ 3G and beyond) โดยนำหัวข้อในการพิจารณาให้ใบอนุญาต(ไลเซนส์) ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอเอ็มที บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ครอบคลุมการให้บริการระบบ 3จี- 3.9จี ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ 3จีแล้ว รวมทั้งได้เปิดรับฟังความคิดเห็นกลุ่มย่อยจากผู้ประกอบการ และผู้บริโภคแล้วเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา นำเสนอต่อที่ประชุม กทช. เพื่อพิจารณา ซึ่ง กทช.ศึกษาการให้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอเอ็มที มา 5 ปีแล้ว การที่ กทช. ออกใบอนุญาตครอบคลุมเทคโนโลยีระบบ 3จี-3.9จี จะทำให้ผู้ประกอบการลงทุนทำโครงข่ายตั้งแต่ 3.5จี -3.9จี เพราะการอัพเกรดเทคโนโลยีจาก 3.5จี เป็น 3.9จี ทำได้ง่ายและใช้ต้นทุนน้อยกว่า เบื้องต้นคณะกรรมการ 3จี กำหนดมูลค่าคลื่นความถี่จากรูปแบบการให้ใบอนุญาต 3จีของ 69 ประเทศ กว่า 159 ใบอนุญาต อยู่ที่ 80% หรือราคาประมาณ 1-1.3 หมื่นล้านบาท คิดจากมูลค่าคลื่นความถี่จริง สำหรับประเทศไทย คาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท กรรมการ กทช. กล่าวด้วยว่า วาระที่คณะกรรมการ 3จี จะนำเสนอให้กทช.พิจารณา ประกอบด้วย คลื่นความถี่ที่จะให้ใบอนุญาต จำนวนใบอนุญาต วิธีการอนุญาต มูลค่าใบอนุญาต กระบวนการอนุญาต และสิทธิ หน้าที่ เงื่อนไขผู้รับใบอนุญาต โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้
- การประมูลใบอนุญาตจะต้องเกิดขึ้นในเดือน กย 53 นี้ มิเช่นนั้นอาจต้องรออีก 1-2 ปี เพราะปลายปีจะมีการออก กม. การควบรวม กทช และ กสช เป็น กสทช ทำให้คณะทำงานการออกใบอนุญาต 3G เป็นโมฆะไป ซึ่งจะต้องใช้เวลา 1-2 ปีกว่า กสทช จะลงตัวพร้อมดำเนินงานเรื่องการออกใบอนุญาตต่อ
- 23 ก.ย. ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งศาลให้ กทช. ระงับการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน 2.1 GHZ หรือ 3G ต้องรอกฎหมายเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เสร็จคาดว่าภายในปีนี้ เพราะเมื่อมี กสทช.แล้วก็ต้องกฎหมายเกี่ยวกับกิจการโทรคมนามตามมาอีก ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร
- หลังพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม หรือ พ.ร.บ.กสทช. ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ล่าสุดเมื่อ19 ธ.ค. 2553 มีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว และภายใน 180 วัน จะมีการตั้งคณะกรรมการ กสทช. เพื่อทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติคลื่นความถี่ โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์ 3G บนเครื่อง 2.1 กิกกะเฮิร์ทซ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวว่า หลัง พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ ทำให้ กทช.ต้องรักษาการเป็น กสทช.และต้องทำหน้าที่ที่ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ดังกล่าว เลขาธิการกทช. (ในฐานะเลขาธิการ กสทช.) ยังมีประกาศเรื่องการเปลี่ยนแปลงสำนักงานกสทช. ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ หนี้ พนักงานและลูกจ้าง และเงินงบประมาณ ของสำนักงาน กทช. ไปเป็นของสำนักงาน กสทช. ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2553 เป็นต้นไป (โดยความในมาตรา 56 มาตรา 60 และมาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื้นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ได้บัญญัติให้มีสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) โดยมี เลขาธิการ กสทช.รับผิดชอบงานของสำนักงาน กสทช. และให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ หนี้ พนักงานและลูกจ้าง และเงินงบประมาณ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่มีอยู่ไปเป็นของสำนักงาน กสทช. ดังนั้นในการติดต่อกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาตินับตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2553 ขอให้ติดต่อกับสำนักงาน กสทช. เลขที่ 87 ถนนพฤลโยธิน ซอย 8 (ซอยสายลม) แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400 โทร. 022710151-60 ซึ่งเป็นที่ทำการเดิมของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งขาติต่อไป") 'ถ้าตลาดมีการแข่งขันที่สมบูรณ์แล้ว กสทช. ก็จะลดความสำคัญลง ถ้าตรงไหนที่ไม่เสรีและเป็นธรรม กสทช.ก็จะเข้าไปจัดการ สิ่งที่สำคัญคือการปฏิบัติหน้าที่ตามพ.ร.บ.ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้มีองค์กรกำกับดูแลเพียงองค์กรเดียว'
- กสท. โทรคมนาคม เจ้าของสัมปทานสั่งระงับบริการ "dtac 3g" เหตุเพราะ Dtac นำ 850 MHz มาให้บริการเชิงพาณิชย์เพราะไม่มีคำว่า "ฟรี" อยู่ใน http://www.dtac.co.th/iphone/plan/index.html ในขณะที่ True มีดังปรากฎใน http://www.truemove.com/3g/3g_mifi.html
- เมื่อเวลา 17.30น. ของวันที่ 16 ตุลาคม 2555 กสทช แถลงข่าวสรุปผลการประมูล3G และทั้ง 3 บริษัทผู้ร่วมประมูล ได้เลือกช่วงความถี่เรียบร้อยแล้ว ผลการเคาะประมูลปรากฎว่า ใบที่สูงสุด 4,950 ล้านบาท โดย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AIS) เสนอราคาสูงสุด 14,625 ล้านบาท บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด (dtac) และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด (true) เสนอราคาเท่ากันคือ 13,500 ล้านบาท สิทธิในการเลือกย่านความถี่ตามลำดับ คือ AIS , True และ Dtac (ทั้งนี้บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด (true ) เป็นผู้จับสลากได้เลือกย่านความถี่ก่อน dtac) สรุปการเลือกช่วงคลื่นความถี่:
- บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด เลือกย่าน 1920 MHz – 1935 MHz และ 2110 MHz – 2135 MHz
- บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด เลือกย่าน 1935 MHz – 1950 MHz และ 2125 MHz – 2140 MHz
- บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด เลือกย่าน 1950 MHz – 1965 MHz และ 2140 MHz – 2155 MHz ซึ่งเป็นช่วงคลื่นกลางๆ ของ 3G spectrum ถัดไปคือช่วงคลื่นของ TOT ประกบอยู่ เพื่อลดสัญญาณรบกวนกับ Spectrum อื่นที่ไม่ใช่ 3G
- 1G คือระบบ Analog เสียงจะแหลมกว่าระบบ Digital ชุด Handset หนัก 1 กก (รุ่น 470 ให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลายโดยองค์การโทรศัพท์ฯ) รับส่งข้อความไม่ได้
- 2G คือระบบ Digital นอกจากเสียงแล้วยังรับส่งข้อความได้ที่ความเร็วประมาณ 200 Kbps
- 3G เหมือน 2G แต่เร็วกว่าประมาณ 10X จึงรับส่งข้อมูลมัลติมีเดียได้ด้วย เหมาะสำหรับการประยุกต์ใช้งานด้าน E-learning, GPS, Telemedicine, Remote Home-Security Monitoring และล่าสุดถ่ายทอดทาง Skynews เป็นการใช้ซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนมือถือ iPhone ทำหน้าที่เป็น Remote controller ในการควบคุมการเคลื่อนที่ของรถยนต์ตำรวจไร้คนขับ เครื่อง hanset ส่วนใหญ่ที่มีกล้องอยู่ด้านหน้าจะรองรับระบบ 3G แล้วเพราะใช้สำหรับทำ Video call ซึ่งต้องอาศัย 3G
- การขยายโครงสร้างพื้นฐานของระบบ 3G ง่ายกว่าการเดินสายโทรศัพท์มาก เพราะอย่างหลังต้องขออนุญาต อบต อบจ ฯ (เนื่องด้วยการปกครองแบบกระจายอำนาจ) ในขณะที่อย่างแรกสามารถติดตั้งเสารในโรงเรียน หรือที่ๆ เหมาะสมได้
- 3G ที่ไทยกำลังจะใช้เป็นคลื่นความถี่ 2.1 GHz จึงใช้กำลังส่งต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องมะเร็ง เพราะคลื่นความถี่สูงทำให้ต้องติดตั้งเสาสัญญาณใกล้ๆ กันจึงใช้กำลังส่งที่ต่ำได้ ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยี 3G ระบบ 2.6 GHz
- การลงทุน 3G ของโอเปอร์เรเตอร์ไทย จะใช้งบประมาณสองหมื่นห้าพันล้านบาทต่อเจ้าต่อปี ดังนั้นสำหรับใบอนุญาตที่จะประมูลกัน 4 ไลเซนส์ รัฐจะได้ประโยชน์ในรูปแบบภาษีนำเข้ากับภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าเทคโนโลยี (ประมาณสองหมื่นห้าพันล้านบาทต่อเจ้า) และค่าไลเซนส์ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการจ้างแรงงานเพื่อสร้างโครงข่ายซึ่งจะใช้เวลาประมาณสิบปีจึงครอบคลุมทั้งประเทศ เงินจ้างดังกล่าวจะเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจโดยไหลจากผู้รับจ้างไปยังอาชีพอื่นๆ เช่นอาชีพที่เกี่ยวกับปัจจัยสี่ เป็นการกระจายรายได้ ช่วยสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจของคนไทยด้วยกันเอง และในระหว่างการสร้างโครงข่ายนี้เองจะทำให้ผู้ให้บริการ 2G อย่าง TOT ยังได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการ Roaming ก่อนที่จะถูกแย่งฐานลูกค้าในระยะยาว กล่าวคือถ้าผู้ใช้นำมือถือระบบ 3G ไปใช้ในจังหวัดที่ยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน 3G เช่น อยุธยา ก็ต้องทำ Roaming โดยมาเกาะที่ระบบเครือข่าย 2G เพื่อให้ใช้งานได้ มิได้ทำให้ TOT กับ CAT สูญเสียลูกค้าอย่างรวดเร็วแต่อย่างใด (TOT & CAT เป็น Telco ที่เป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของไทย และเป็นผู้ให้สัมปทานโอเปอร์เรเตอร์ในไทยในการเข้าใช้โครงข่ายดังกล่าว) ดังที่ได้พยายามออกมาคัดค้านการประมูลดังกล่าว ความจริงทั้ง TOT และ CAT ได้คลื่นความถี่สำหรับ 3G ไปตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่นำไปสร้างประโยชน์เท่าที่ควร โดยเฉพาะ TOT
- ในอเมริการมีองค์กร CFIUS คอยควบคุมกิจการที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ รวมถึงกิจการอินเทอร์เน็ตและ 3G ประเทศไทยควรพิจารณาประเด็นนี้เช่นกัน
- ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ควรใช้เทคโนโลยี 3G เมื่อมีความพร้อมเชิงเศรษฐกิจและเล็งเห็นว่าจะก่อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมให้แก่ตัวผู้บริโภคเอง
- กทช ได้มีการควบคุมประเด็นการมีอำนาจเหนือตลาดหรือการผูกขาดโดยกำหนดให้เครือข่ายใหม่ของโอเปอร์เรเตอร์รายใหญ่ต้องยอมให้เครือข่ายย่อยของโอเปอร์เรเตอร์รายย่อยมาเชื่อมต่อเพื่อเป็นทางผ่านไปยังเครือข่ายย่อยอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีการควบคุมเรื่องราคาค่าบริการถ้ามีการละเมิดจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตทันทีทำให้โครงสร้างพื้นฐาน 3G ที่ได้ลงทุนไปสูญเปล่า
- ตาม พรบ การประกอบกิจการโทรคมนาคม พศ 2544 กำหนดใบอนุญาตเป็นสามประเภท 1) Internet 2)แบบมีและไม่มีโครงข่าย และ 3) แบบมีโครงข่ายซึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตห้ามเป็นต่างด้าว (DTAC & AIS จะถูกกีดกันไปโดยปริยาย) กรณี 3G เป็นประเภทที่สาม ต่างชาติจึงไม่สามารถมายึดครองพื้นที่ 3G ของไทยได้
ประโชน์ของการประมูล 3G --กรุงเทพธุรกิจ
เริ่มติดตั้งใช้งานแล้วโดยบาง Carrier (บ้านเราเรียกว่า operator) ในอเมริกาเหนือ
วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
จัดอันดับมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2009
- อันดับ 1 นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ กระทิงแดงที่มีเครือข่ายทั่วโลก มีทรัพย์สินรวม 4,000 ล้านเหรียญ หรือ ราว 136,000 ล้านบาท
- อันดับ 2 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กิจการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี.) มีทรัพย์สินรวม 3,000 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 102,000 ล้านบาท
- อันดับ 3 ตระกูล จิราธิวัฒน์ เจ้าของห้างค้าปลีกในเครือเซ็นทรัล ได้แก่ เซ็นทรัล เซ็นทรัลเวิร์ล โรบินสัน พาวเวอร์บาย โอมเวิร์ค ธุรกิจโรงแรมในเครือเซ็นทรัล และ ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกิจการค้าปลีก บิ๊กซี (BigC) มีทรัพย์สินรวม 2,900 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 98,600 ล้านบาท
- อันดับ 4 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อน้ำเมาเมืองไทย เจ้าของและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ เบียร์ช้าง อาชา สุราขาว และ สุราสี อีกหลายี่ห้อในไทย มีทรัพย์สินรวม 2,800 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 95,200 ล้านบาท
- อันดับ 5 นายกฤตย์ รัตนรักษ์ และ ครอบครัว รัตนรักษ์ เจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์ และ วิทยุ จำกัด (BBTV) หรือ ช่อง 7 สี ตลอดจนบริษัทในเครือช่อง 7 ปัจจุบันตำรงตำแหน่งประธานกรรมการช่อง 7 สี (CEO) นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ผู้ถือหุ้น บริษัท ปูนซิเมนต์ นครหลวง มีทรัพย์สินราว 1,200 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 40,800 ล้านบาท
- อันดับ 9 นายวิชัย มาลีนนท์ และ ครอบครัว มาลีนนท์ เจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท บีอีซี เวิร์ล จำกัด (มหาชน) และ บริษัทย่อย รวม 23 บริษัท ผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 อสมท. หรือช่อง 3 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดด้านเม็ดเงินโฆษณาในปี 2009 สูงสุดติดต่อกัน 8 เดือน มีทรัพย์สินรวม 650 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 22,100 ล้านบาท
- อันดับ 12 นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 หรือช่อง 7 สี และถือหุ้นใหญ่ในช่อง 7 สี เป็นลำดับ 2 ซึ่งเป็นการถือหุ้นต่อมาจาก บิดา มารดา และ พี่ชาย ซึ่งร่วมก่อตั้งช่อง 7 สี มากับ ตระกูล รัตนรักษ์ (อันดับ 5) มีทรัพย์สินรวม 460 ล้านเหรียญ หรือราว ๆ 15,640 ล้านบาท (นางสุรางค์ สมรสกับ ดร.ไพโรจน์ เปรมปรีดิ์ อดีต คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหิดล ปัจจุบันทั้ง 2 ท่านไม่มี บุตร ธิดา ด้วยกัน)
- อันดับ 8 นายอิสระ ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มน้ำตาลทรายมิตรผล มีทรัยพ์สิน 900 ล้านเหรียญ หรือ ราว 30,600 ล้านบาท ธุรกิจน้ำตาล ก็รวยกันไม่เบาเลย
- อันดับ 16 พันตำรวจโท ทักษิณ ชิณวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหนีคดีอยู่ต่างประเทศ มีทรัพย์สินที่ตรวจสอบพบ รวม 390 ล้านเหรียญ หรือ ราว ๆ 13,260 ล้านบาท
Life Insurance Market Shares (2552)
- เอไอเอ 33.2%
- ไทยประกันชีวิต 14%
- เมืองไทยประกันชีวิต 8.6%
- ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ 7.8%
- กรุงเทพประกันชีิวิต 7.7%
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)